9 มิ.ย. 2021 เวลา 08:00 • ธุรกิจ
ใครว่าคนเป็นเจ้าของกิจการ เจ้าของบริษัท จะจ่ายเงินเดือนตัวเองแบบ “ตามใจตัวเอง” เท่าไหร่หรือสูงแค่ไหนก็ได้! เพราะหากทำแบบนั้น คำว่า “เจ๊ง” ก็อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกิจการแน่นอน ถ้าอย่างนั้นเคยสงสัยหรือไม่ว่า แล้วเจ้าของบริษัทเขาจ่ายเงินเดือนตัวเองกันอย่างไร?
ก่อนอื่นเลยสิ่งสำคัญที่ต้องทำก่อนที่เจ้าของกิจการจะจ่ายเงินเดือนให้ตัวเอง คือ แยกกระเป๋าเงินส่วนตัว ออกจากกระเป๋าเงินของธุรกิจให้ชัดเจน
เนื่องจากธุรกิจจำเป็นต้องมีเงินทุนสำรองไว้ใช้ยามฉุกเฉิน รวมถึงต้องมีเงินหมุนให้เพียงพอกับต้นทุนในแต่ละเดือน ซึ่งเงินทุนเหล่านี้ไม่ใช่แบบรายวันหรือรายเดือน แต่เป็นเงินทุนงบประมาณที่ถูกกำหนดและวางแผนล่วงหน้ามาแล้ว
ลองคิดดูว่า ถ้าไม่แยกทั้งสองส่วนออกจากกัน ใช้เงินปนกันมั่ว นำเงินส่วนของธุรกิจไปใช้ส่วนตัว เช่น ช้อปปิ้ง, ทานอาหาร หรือแม้แต่ซื้อของชิ้นใหญ่อย่างบ้าน แล้วเมื่อธุรกิจเกิดปัญหาขาดทุนไม่มีเงินสำรองก็นำเงินส่วนตัวไปอุดรอยรั่วเหล่านั้น กลายเป็นว่าไม่เป็นไปตามแบบแผนที่วางไว้ สุดท้ายแล้วธุรกิจที่คุณสร้างจะเป็นอย่างไร จะเติบโตไปข้างหน้าได้จริงหรือ ? คำตอบคือ “ไม่” เพราะการบริหารจัดการที่ดี เจ้าของกิจการไม่ควรมายุ่งเรื่องเงินบริษัทหากไม่ใช่เรื่องของธุรกิจ
อย่างนี้แล้ว เจ้าของกิจการควรทำอย่างไรต่อ เพื่อให้สามารถแยกทั้งสองส่วนออกจากกันอย่างชัดเจนและมองเห็นภาพรวมมากขึ้น?
“ต้องจัดการทำงบแบ่งเป็น 2 ส่วน” ได้แก่
#ส่วนแรก ทำบัญชีรายรับรายจ่ายส่วนตัว เพื่อดูว่าค่าใช้จ่ายของตัวเองเป็นอย่างไรบ้าง รายรับเท่าไหร่ รายจ่ายเท่าไหร่ และมีเงินเหลือออมเท่าไหร่
#ส่วนที่สอง ทำงบกำไรขาดทุนของธุรกิจ เพื่อดูว่าภาพรวมทางการเงินของธุรกิจในปัจจุบัน มีกำไรหรือขาดทุน ซึ่งทำให้ธุรกิจสามารถวางแผนและกำหนดทิศทางในอนาคตได้ง่าย รวดเร็ว ทั้งยังสามารถจัดสรรปันส่วนเงินไปใช้ลงทุนด้านต่าง ๆ ของธุรกิจได้มากขึ้น
เพราะฉะนั้น เมื่อแยกทั้งสองออกจากกันสำเร็จ รู้แล้วว่ารายรับรายจ่ายส่วนตัวเท่าไหร่ และรู้ว่าธุรกิจต้องใช้งบต้นทุนเท่าไหร่ เหลือเป็นกำไรเท่าไหร่ ประกอบกับอิงจากตำแหน่งงาน หน้าที่ความรับผิดชอบ ก็จะทำให้เจ้าของกิจการสามารถคำนวณจ่ายเงินเดือนตัวเองได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้ การจ่ายเงินเดือนของเจ้าของกิจการ ยังนับว่าเป็นการวางแผนภาษีอีกทางหนึ่ง เนื่องจากเงินเดือนของเจ้าของกิจการสามารถนำมาเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษีได้ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทที่มีฐานะเป็นนิติบุคคลเสียภาษีน้อยลง แต่เจ้าของกิจการก็ต้องไปเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเช่นกัน ซึ่งบริษัทที่จ่ายเงินเดือนให้เจ้าของอย่างเหมาะสมก็จะทำให้เจ้าของไม่ต้องเสียภาษีในส่วนนี้ได้ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับกิจการ ขนาดของกิจการ รายได้ ค่าใช้จ่าย พนักงานในบริษัท รวมถึงได้รับความเห็นชอบจากผู้ถือหุ้นหรือหุ้นส่วนทุกคนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
และยังมีอีกหนึ่งเรื่องที่เจ้าของกิจการต้องศึกษาก่อนที่จะคำนวณจ่ายเงินเดือนให้ตัวเอง นั่นก็คือ กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการตั้งเงินเดือนเจ้าของกิจการ เพื่อที่จะได้ปฏิบัติอย่างถูกต้องและเหมาะสม
1.ตามมาตรา 65 ตรี (😎 เงินเดือนของผู้ถือหุ้นหรือผู้เป็นหุ้นส่วนเฉพาะส่วนที่จ่ายเกินสมควรเป็นรายจ่ายต้องห้าม
“เจ้าพนักงานมีอำนาจพิจารณารายจ่ายประเภทเงินเดือนของผู้ถือหุ้นหรือผู้เป็นหุ้นส่วน เปรียบเทียบกับรายอื่นซึ่งอยู่ในฐานะหรือลักษณะเดียวกัน อยู่ในหน่วยงานเดียวกัน หรือทำเลเดียวกัน ประกอบกิจการค้าอย่างเดียวกันหรือลักษณะเดียวกัน”
2.ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1150
“ผู้เป็นกรรมการจะพึงมีจำนวนมากน้อยเท่าใด และจะพึงได้บำเหน็จเท่าใด ให้สุดแล้วแต่ที่ประชุมจะกำหนด”
ดังนั้น สำหรับเจ้าของกิจการที่ยังไม่รู้ว่าควรจะจ่ายเงินเดือนตัวเองอย่างไร สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ หากไม่ใช่เรื่องของธุรกิจ เจ้าของกิจการไม่ควรมาแตะต้องหรือยุ่งกับเงินของธุรกิจโดย “เด็ดขาด” แม้ธุรกิจจะมีกำไรหรือขาดทุนมากแค่ไหน ก็ควรจ่ายเงินเดือนอย่างเหมาะสมทุก ๆ เดือน นำปัจจัยที่เกี่ยวข้องมาคิดคำนวณร่วมด้วย และที่สำคัญคือไม่คิดตามใจตัวเอง แต่ควรให้ที่ประชุมเป็นผู้กำหนด เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งกับผู้ถือหุ้นหรือหุ้นส่วนในภายหลังที่จะนำไปสู่ปัญหาใหญ่อย่างการฟ้องร้องดำเนินคดีในชั้นศาล
#อายุน้อยร้อยล้าน #ryounoi100lan #อายุน้อยร้อยล้านNEWS
#เจ้าของบริษัท #เจ้าของกิจการ #ผู้ประกอบการ
#เงินเดือนเจ้าของบริษัท #เงินเดือน #ภาษี #กฎหมาย
โฆษณา