9 มิ.ย. 2021 เวลา 00:53 • สุขภาพ
คนไทยพร้อม รัฐยังไม่พร้อม
1
วาระแห่งชาติ "ฉีดวัคซีน" นับเป็นทางรอดของประเทศในวิกฤติโควิด-19 โดยรัฐตั้งเป้าไว้ว่าสิ้นปี 64 คนไทย 50 ล้านคน หรือ 70% ของประชากร จะได้ฉีดวัคซีนครบคนละ 2 โดส ซึ่งวันนี้ประชาชนมีความพร้อมที่จะฉีดวัคซีนแล้ว เหลือเพียงรัฐที่ต้องเร่งจัดหาวัคซีนให้ตามเป้า
บทบรรณาธิการกรุงเทพธุรกิจ
คนไทยพร้อม รัฐยังไม่พร้อม | บทบรรณาธิการกรุงเทพธุรกิจ
วาระแห่งชาติ ฉีดวัคซีน เพื่อเป็นทางรอดของประเทศ ได้เริ่มขึ้นแล้ว เมื่อ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมา ไปอย่างคึกคัก มีผู้ได้รับฉีดวัคซีนทั้งสิ้น 416,847 คน ถือว่าเยอะพอสมควรแต่หากพิจารณาตามเป้าหมายถือว่ายังพลาดเป้า เพราะก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรี คาดหวังไว้ว่าสิ้นปีนี้ คนไทย 50 ล้านคนจะได้ฉีดวัคซีนครบคนละ 2 โดส เท่ากับ 70% ของประชากร เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ ซึ่งหากเดินตามแผนนี้ รัฐต้องฉีดวัคซีนให้ได้วันละ 5 แสน ถึง 1 ล้านโดสต่อวัน ดังนั้นวันแรกของวาระแห่งชาติพลาดเป้าหมายไปบ้าง แต่ต้องยอมรับว่า ในเดือน มิ.ย.มีข้อจำกัดหลายอย่าง โดยเฉพาะปริมาณวัคซีน ที่ทยอยเข้ามาไม่มากนักในช่วงแรก บวกกับก่อนหน้านั้นรัฐได้ปรับเปลี่ยนวิธีลงทะเบียนกลับไปกลับมาหลายอย่าง สร้างความสับสนพอสมควร จะเห็นว่าประชาชนมีความพร้อมแล้วที่จะฉีดวัคซีน รอแค่ความพร้อมของภาครัฐเท่านั้น ที่อยู่ในช่วงปรับยุทธวิธี เพื่อสร้างความพอใจให้ประชาชน และเป็นทางรอดจากโควิดอย่างแท้จริง
1
ดังนั้นหากต้องการให้วาระแห่งชาติเดินไปตามแผนเราต้องฉีดวัคซีนให้ได้วันละ 4.6 แสนโดสต่อวัน ก็ถือว่าเป็นงานยากอยู่พอสมควร จึงไม่แปลกที่วันนี้ นายกรัฐมนตรี ต้องออกมากำหนดแนวทางและแก้ข้อจำกัด กันอีกครั้งว่าต้องทำอย่างไร เพื่อให้การกระจายวัคซีนทั่วถึงเกิดความเท่าเทียมและมีประสิทธิภาพในการควบคุมโรคให้มากที่สุด จึงมีการสั่งการออกไปว่า ประการแรกทุกจังหวัดต้องได้รับวัคซีนเพื่อให้เริ่มต้นได้พร้อมกันจะต้องไม่มีจังหวัดใดถูกทอดทิ้ง ประการที่สองจำนวน วัคซีนที่ได้รับจัดสรรต้องพิจารณาจากเงื่อนไขสำคัญคือจำนวนประชากรอายุจำนวนผู้ติดเชื้อกลุ่มเสี่ยงอาชีพและการกำหนดเป็นพื้นที่เฉพาะสถานการณ์การแพร่ระบาดมากน้อย และประการที่สาม ทุกคนที่จองคิวไว้แล้วก็จะต้องได้รับวัคซีน โดยพยายามจะยึดวันที่จองไว้เดิมให้ได้มากที่สุดเท่าที่สามารถทำได้ ทั้งนี้เนื่องจากสถานการณ์มีความเปลี่ยนแปลงอยู่
ถามว่าคนไทยพร้อมแค่ไหน ดูได้จากโพลล์ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ที่รายงาน ครม.เมื่อ 8 มิ.ย.2564 สำรวจทุกจังหวัดทั่วประเทศ จำนวนตัวอย่าง 46,600 คน ระหว่างวันที่ 17-22 พ.ค. 2564 พบว่าประชาชน 75.2% ต้องการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในจำนวนนี้มีผู้ต้องการฉีดและพร้อมที่จะฉีดวัคซีน 47.7% และผู้ต้องการฉีดแต่ยังไม่พร้อม 27.5% ส่วนที่ฉีดวัคซีนแล้วมี 5.5% ขณะที่ 19.3% ไม่ต้องการฉีดวัคซีน โดยให้เหตุผลว่า กลัวผลข้างเคียง 16.4%, ไม่เชื่อมั่นว่าวัคซีนจะสามารถป้องกันได้ 4.9%, มีข้อจำกัดทางด้านร่างกาย เช่น พิการ มีโรคประจำตัว ตั้งครรภ์ 4.6%, สามารถป้องกันตัวเองได้ 3.6% และไม่มีข้อมูลหรือข้อมูลไม่เพียงพอสำหรับการตัดสินใจ 3.2% ผลสำรวจตรงนี้ ชัดเจนว่าถึงเวลานี้เลิกคิด หรือกลัวว่าคนจะไม่ฉีดอีกแล้ว ประชาชนพร้อมแล้วเหลือเพียงรัฐที่ต้องเร่ง จัดหาวัคซีนตามเป้า กระจายในจุดที่สมควร เหมาะสมเท่านั้นเอง
1
โฆษณา