10 มิ.ย. 2021 เวลา 00:10 • ความคิดเห็น
ชีวิตแบบ Extreme
1. Nassim Taleb ผู้เขียนหนังสือเรื่อง The Black Swan ที่ทำนายไว้ตั้งแต่ปี 2010 ว่าเรามีโอกาสจะเกิดโรคระบาดไปทั่วโลก ให้คำแนะนำเรื่องการลงทุนไว้ว่า เราไม่ควรลงทุนที่ความเสี่ยงปานกลาง เพราะถึงได้ก็ได้ไม่เยอะ และถ้ามันจะเจ๊งขึ้นมามันก็ยังเจ๊งอยู่ดี
1
Taleb บอกว่าทางที่ดีกว่าคือเก็บเงิน 90% ไว้ในการลงทุนที่เสี่ยงต่ำที่สุด เช่นพันธบัตรรัฐบาล ส่วน 10% ที่เหลือให้เอาไปลงทุนอะไรที่เสี่ยงสุดๆ ไปเลยเช่นใน venture capital ที่ลงทุนในพวกสตาร์ตอัพ
2
ด้วยวิธีนี้ ต่อให้แย่มากๆ ก็ยังเสียเงินแค่ 10% (ที่เราเผื่อใจไว้อยู่แล้ว) แต่เงิน 90% ของเราก็ยังอยู่
1
แต่ถ้าเราโชคดี เงิน 10% ที่เราลงทุนเอาไว้ในธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูงอาจจะโตขึ้นได้เป็นร้อยเป็นพันเท่า เงิน 1 แสนบาท อาจจะกลายเป็น 10 ล้านบาทและเปลี่ยนชีวิตเราได้
3
2. ผมเคยเขียนไว้ว่า เด็กเรียนที่โหล่อาจไม่น่าห่วงเท่ากับเด็กที่ได้สอบคะแนนแค่กลางๆ
1
เพราะเด็กที่ได้ที่โหล่ก็จะรู้ตัวแล้วว่าเขาไม่เหมาะกับ “ระบบ” ที่ถูกออกแบบมาอย่างนี้ เรียนก็สู้เขาไม่ได้ คงสอบเข้าคณะยากๆ ในมหาวิทยาลัยดังๆ ลำบาก ดังนั้นการจะได้งานในองค์กรดีๆ ก็คงยากเช่นกัน
2
เมื่อทางเลือกนี้ดูริบหรี่ เด็กที่ได้ที่โหล่จึงมักออกไปลองผิดลองถูกด้วยตนเอง ล้มลุกคลุกคลานจนตั้งตัวได้ และกลายเป็นเจ้าของธุรกิจ และถึงแม้จะล้มเหลว แต่จิตวิญญาณของนักสู้นี้มันจะติดตัวเขาไปตลอด
แต่คนที่สอบได้คะแนนกลางๆ นั้น ไม่กล้าพอที่จะออกไปทำอะไรเองเพราะกลัวว่ามีอะไรจะเสีย ครั้นเรียนหนังสือก็ไม่ได้โดดเด่น ก็เลยได้เรียนมหาวิทยาลัยกลางๆ และได้ทำงานในบริษัทกลางๆ และมี performance กลางๆ ชีวิตก็เลยติดหล่มอยู่ในความกลางๆ อย่างนี้
4
3. Derek Sivers กล่าวไว้ว่า
1
If it’s not important, never do it.
If it’s important, do it every day.
6
ถ้ามันไม่สำคัญ ก็อย่าไปทำมันเลย
แต่ถ้ามันสำคัญ ก็จงทำมันทุกวัน
2
เมื่อชีวิตเดินทางมาถึงจุดหนึ่ง เราต้องเลิกคิดที่จะทำทุกอย่าง เพราะถ้าเราพยายามทำทุกอย่าง เราจะทำได้ไม่ดีสักอย่าง
5
เราต้องเลือกให้ดีว่าอะไรคือสิ่งสำคัญสำหรับเราบ้าง และต้องกลั้นใจตัดสิ่งที่เหลือออกไปจากชีวิต เพราะแม้ว่ามันจะสำคัญเหมือนกัน แต่มันไม่ได้สำคัญที่สุด
เมื่อวันและเวลาของเรามีจำกัด บางทีเราก็ต้องคิดและใช้ชีวิตแบบ Extreme ในบางแง่มุมครับ
โฆษณา