10 มิ.ย. 2021 เวลา 04:36 • ข่าว
#ไบเดนเปิดหน้ายุทธศาสตร์การฑูตวัคซีนเต็มตัว
#เตรียมทุ่มซื้อPfizer_500ล้านโดสแจกทั่วโลก
โจ ไบเดน เตรียมกลับมาเดินหน้าลุยยุทธศาสตร์การฑูตวัคซีนเต็มตัวแบบปูพรมทั่วโลกด้วยการทุ่มงบประมาณจัดซื้อวัคซีน Pfizer จำนวน 500 ล้านโดส บริจาคให้กับ 100 ประเทศภายในปี 2022
โดยจะแบ่งการบริจาคออกเป็น 2 ล็อต ล็อตแรกจำนวน 200 ล้านโดส จะแจกภายในปีนี้ ส่วนอีก 300 ล้านโดส แจกภายในไม่เกินครึ่งปีหน้า 2022 ประเทศที่จะได้รับบริจาควัคซีนจากสหรัฐ ก็จะแบ่งๆกันไปใน 100 ประเทศที่ว่ายากจน หรือมีรายได้น้อย ที่น่าจะมีประเทศไทยรวมอยู่ด้วย😅
1
แต่ก็ยังไม่มีการแจกแจงรายละเอียดจากรัฐบาลสหรัฐว่า จะส่งวัคซีนให้ประเทศไหน? เท่าไหร่? ที่สำคัญคือ เมื่อไหร่? ต้องคอยติดตามกันต่อไป
การประกาศเจตนารมณ์ของโจ ไบเดน เกิดขึ้นหลังจากการประชุมสุดยอดผู้นำ G7 ที่ผ่านมาเมื่อเร็วๆนี้ ที่องค์การอนามัยโลกเรียกร้องให้ประเทศมหาอำนาจด้านเศรษฐกิจช่วยกันบริจาควัคซีน Covid-19 ให้กับประเทศยากจนที่เข้าไม่ถึงวัคซีน หากต้องการให้เศรษฐกิจทั่วโลกเดินหน้าให้เร็วที่สุด จึงกลายเป็นที่มีของโครงการวัคซีนพ่อบุญทุ่มจากสหรัฐอเมริกาในครั้งนี้
สำหรับโครงการวัคซีนการกุศล ริเริ่มโดยองค์การอนามัยโลก ที่เรียกว่า Covax เพราะรู้ว่าจะต้องเกิดปัญหาการกักตุนวัคซีนของประเทศร่ำรวยอย่างแน่นอน ที่จะทำให้ประเทศยากจน หรือมีเศรษฐกิจปานกลางมีโอกาสเข้าถึงวัคซีนได้อย่างยากลำบาก กว่าจะได้มาก็กะปริบกะปรอย ทำให้เดินหน้าฉีดวัคซีนได้ไม่เต็มที่ 2 วันมี 4 วันขาด ซึ่งก็เป็นตามที่ WHO คาดไว้จริงๆ
เพียงแต่ WHO อาจจะโลกสวยเกินไปสำหรับยุทธศาสตร์นี้ เพราะถึงมีสัญญาดีลวัคซีนตรงกับโรงงานผู้ผลิตรายใหญ่ของโลกอย่างอินเดีย ที่ต้องผลิตวัคซีนบางส่วนส่งเข้าโครงการ Covax แต่บริษัทเหล่านี้ ก็ต้องพึ่งพาสารเคมีตั้งต้นจากประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาอยู่ดี ถ้าสหรัฐไม่ปล่อย ยังไงก็ขาด
ดังนั้นจึงไม่แปลกใจแล้วว่า "การฑูตวัคซีน" กำลังจะกลายเป็นยุทธศาสตร์หลักในการแผ่ขยายอิทธิพลระหว่างประเทศของเหล่าบรรดาชาติมหาอำนาจ เมื่อความมั่นคงด้านสุขภาพอนามัย เป็นเรื่องใหญ่ที่สุดในช่วงวิกฤติโรคระบาด ไม่ผิดจากสำนวนไทยแต่โบราณที่เคยพูดว่า "การไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ"
แต่เมื่อมีโรคเกิดขึ้นแล้ว การมียารักษา หรือป้องกันเพียงพอ ก็ถือเป็นลาภประเสริฐอันดับที่ 2 เหมือนกัน ยิ่งถ้าได้รับจากใครในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด เราคงซึ้งใจไม่ลืมเป็นแน่
และตอนนี้ก็เหลือประเทศมหาอำนาจหลักเพียง 2 ประเทศในโลกเท่านั้นที่มีศักยภาพเพียงพอในการผลิตวัคซีน Covid-19 ออกมากระจายได้ทั่วโลก ก็คือ สหรัฐอเมริกา และ จีน
ซึ่งถ้าพูดในแง่ปริมาณ คงไม่มีใครสู้จีนได้ในด้านการผลิต สามารถผลิตได้ปีละ 4-5 พันล้านโดสสบายๆ พร้อมแจกวัคซีนได้เป็นล้านโดสทั่วโลกเหมือนกัน แถมแจกจริงๆไปนับร้อยล้านโดสแล้วในหลายประเทศ
แต่ถ้าพูดในถึงแง่ความเชื่อมั่นแล้วนั้น ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า สหรัฐอเมริกานั้น "กินขาด" ด้วยอิทธิพลของ Soft Power ที่เหนือกว่าหลายขุม ที่ทำให้วัคซีนจากสหรัฐอเมริกาเป็นที่ต้องการมากกว่า แม้ต้องยอมจองคิวยาว หรือจ่ายในราคาแพงกว่าก็ตาม
สิ่งที่เราจะได้เห็นต่อจากนี้ก็คือการฟาดฟันระหว่างสหรัฐ และจีน ในสงครามฑูตวัคซีนที่เข้มข้น บลัฟ (เหยียด) กันแหลกราญไปจนถึงปีหน้า หรือจนกว่าวิกฤติ Covid-19 ทั่วโลกจะเริ่มคลี่คลาย มองอีกนัยยะหนึ่ง ก็ถือเป็นแง่ดีของโลกทุนนิยม ที่ผู้บริโภคมักจะได้เปรียบจากการแข่งขัน
แต่ก็ต้องเตือนใจไว้เสมอว่า "ของฟรี ไม่มีในโลก" ทุกสิ่งที่ได้มาย่อมมีข้อแลกเปลี่ยนเสมอ ไม่ทางใด ก็ทางหนึ่ง
แหล่งข้อมูล
โฆษณา