19 มิ.ย. 2021 เวลา 08:21 • ข่าว
การที่ใครบางคนบอกคุณไม่ใช่
อย่าเพิ่งเสียใจ...
เพราะแท้จริงแล้วคุณยังเป็นคนที่ใช่
สำหรับใครอีกหลายคน
1
เรื่องที่ผมกำลังจะเล่าในวันนี้เป็นข้อคิดที่ดีและอาจช่วยเพิ่มแรงใจให้ใครหลายคน
การถูกปฏิเสธเป็นเรื่องเจ็บปวด
แต่มันอาจเป็นเรื่องเล็กๆในมุมหนึ่ง
ในสถานที่ที่ยังไม่ใช่ หรือในเวลาที่ยังไม่เหมาะสม
เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเจ้าวาฬยักษ์ A380 เครื่องบินในใจของใครหลายๆคน ด้วยความความโอ่อ่า เดินทางสบายมั่นใจในความปลอดภัย
แต่น่าเสียดายที่มีข่าวออกมาจากหลายสายการบิน
ในช่วงระยะเวลาของการระบาดของ Covid 19
ที่สร้างผลกระทบเป็นคลื่นสึนามิต่อวงการอุตสาหกรรมการบินไปทั่วโลก ผู้ที่ได้รับผลเต็มๆก็คือเจ้าอ้วนสี่เครื่องยนต์ superjumbo ที่ถูกพิพากษาจากใครหลายๆคนว่ามันใหญ่เกินไป กินน้ำมันมาก ค่าบริหารจัดการสูงเกินกว่าที่จะใช้ในช่วงระยะเวลาที่การเดินทางอยู่ในช่วงขาลง
หลายสายการบินต้องจำใจจากบอกลาเจ้าวาฬยักษ์
รวมไปถึงราชินีแห่งท้องฟ้า Boeing 747 ที่ต้องปิดฉากประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ลงไปพร้อมกัน
1
ทั้งๆที่รู้ว่าเธอนั้นดี แต่โอกาสคงไม่มีให้เธอต่อไป
เสียใจนะแต่ลาก่อน...
ปลายปีที่แล้วต่อมาถึงต้นปีนี้ หลายสายการบินได้ยกเลิกเที่ยวบินที่ทำการบินโดย Boeing 747 และ A380 ไม่ว่าจะเป็นสายการบิน Qatar และ Air France
ยังรวมทั้ง British Airways และ Qantas ที่สั่งหยุดบิน A380 นี่คือตัวอย่างจากหลายๆสายการบิน
ในช่วงเวลาที่จำนวนผู้โดยสารยังไม่กลับมา
ทำให้โลกต่างจับตามองไปที่สายการบินที่เป็นเจ้าของ A380 มากที่สุดในโลกอย่าง Emirates ว่าพวกเขาจะตัดสินใจอย่างไรกับอนาคตของเจ้าวาฬยักษ์
ถ้า Emirates ไม่เอาด้วย สั่งยุติการใช้งาน มันคงหมายถึงการปิดฉากรูดม่านอย่างถาวรของเครื่องบินที่ชื่อว่า
ยอดเยี่ยมที่สุดเครื่องหนึ่งของโลก "แอร์บัส A380 "
แต่ในที่สุดม่านก็ถูกเปิดออก เปิดเผยให้เห็นถึงความหวังที่แอร์บัส A380 จะกลับมาผงาดบนฟ้าอีกครั้ง เมื่อสายการบิน Emirates ได้ประกาศว่าพวกเขาจะกลับมาให้บริการแอร์บัส A380 อีกตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคมด้วยจุดหมายปลายทางกว่า 15 แห่งทั่วโลก
ตลอดช่วงระยะเวลาของการระบาดของ Covid 19 ตั้งแต่ปีที่แล้ว Emirates เป็นสายการบินที่ยังคงให้บริการ A380 Superjumbo อย่างต่อเนื่องถึงแม้ว่าจะลดจำนวนเครื่องบินและจุดหมายปลายทางลงไปเยอะก็ตาม
การออกมายืนยันของสายการบิน Emirates ในการนำ A380 กลับมาใช้งาน เป็นการตอบรับข่าวดีจากการประกาศล่าสุดของยุโรปเกี่ยวกับ white list ประเทศที่ได้รับการยอมรับให้เดินทางเข้าสู่ยุโรปได้โดยขอเพียงมีผลตรวจโควิคเป็นลบหรือมีเอกสารยืนยันการฉีดวัคซีนครบถ้วน ซึ่งในบรรดาประเทศล่าสุดที่ประกาศออกมามีสหรัฐอเมริการวมอยู่ในนั้นด้วย นั่นหมายถึงโมเมนตัมเชิงบวกลูกใหญ่ที่เป็นข่าวดีว่านักท่องเที่ยวนักเดินทางจำนวนมหาศาลจากสหรัฐอเมริกากำลังจะกลับมา(การประกาศล่าสุดของยุโรปน่าดีใจนะครับที่มีชื่อของประเทศไทยรวมอยู่ในนั้นด้วย)
นั่นเองจึงเป็นที่มาในการนำ A380 ออกจากโรงเก็บ เพราะคงไม่มีใครเหมาะสมกับบทบาทนี้อีกแล้ว บทบาทในการขนผู้โดยสารครั้งละมากๆเมื่อ demand เพิ่มขึ้นแล้วการเดินทางกลับมา หากเป็นจริงตามการคาดการณ์ของ Emirates คำตอบนี้คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากพระเอกคนเดิมเจ้าวาฬยักษ์
การเดินทางที่เปรียบเสมือนอยู่บนโรงแรมสุดหรูที่ความสูงนับหมื่นฟุต ห้องโดยสารที่กว้างขวางสะดวกสบายด้วยจำนวนผู้โดยสารเกินกว่า 500คน หน้าที่นี้ที่ไม่มีใครมาแทนที่ A380 ได้ ถึงแม้ว่าการนำออกจากโรงเก็บครั้งนี้จะเป็นเพียงหนึ่งในสี่ของจำนวนเครื่องบินแอร์บัส A380 ที่พวกเขามีก็ตาม
การส่งมอบล่าช้าของพระเอกคนใหม่โบอิ้ง 777X
อาจจะเป็นตัวกระตุ้นที่ทำให้ Emirates ตัดสินใจ
ใช้บริการ A380 ต่อไป
ก็คงดูกันต่อไปครับว่าการเปิดม่านเปิดโอกาสให้ A380 ได้ผงาดอีกครั้งบนฟ้า จะเป็นการเปิดฉากอย่างถาวรหรือเป็นเพียงละครฉากสั้นๆเรื่องนี้คงต้องตามกันต่อไป
นอกจากนี้ยังมีข่าวดีสำหรับรุ่นพี่อย่างราชินีแห่งฟากฟ้า Boeing 744 เมื่อเจ้ายักษ์ใหญ่ 4 เครื่องยนต์จะถูกนำมาปัดฝุ่นกลับมาอีกครั้ง เมื่อสายการบินลุฟท์ฮันซ่าประกาศว่าพวกเขาจะนำ Boeing 747-8 กลับมาบิน 12 จุดหมายภายในทวีปยุโรปอีกครั้ง ช่วงกลางเดือนกรกฎาคมถึงกลางเดือนสิงหาคม
เรื่องราวเรื่องนี้ พิสูจน์ให้เห็นอย่างนึงครับว่า
การที่ถูกปฏิเสธจากใครบางคน
มันก็ไม่ได้หมายถึงคุณค่าของเราจะตกหล่นไร้ค่าในสายตาคนอื่นทุกคน
"ยังมีใครบางคน สถานที่บางแห่ง และวันเวลาบางจังหวะในชีวิตที่รอคอยเราอยู่เสมอ"
ขอเพียงเพิ่มคุณค่าให้กับตัวเองทุกวัน
รอคอยอย่างอดทน
ความสำเร็จอาจจะมาถึงช้า...แต่จะมาถึงเสมอ
สำหรับคนที่ไม่ยอมแพ้
กัปตันหมี
โฆษณา