22 มิ.ย. 2021 เวลา 02:00 • ปรัชญา
#เข้าสู่บททดสอบ
ดังที่เขาบอกกันต่อ ๆ มาว่า ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก แต่จะจริงดังนั้นหรือ
คำสอนของพ่อ
นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างมากคนหนึ่ง เขาอาศัยอยู่กับลูกชายคนเดียวของเขาที่ยังเด็ก แถมขี้เกียจและรักสนุกมาก ลูกชายของเขาใช้เงินราวกับเทน้ำและไม่เคยช่วยงานที่บ้านเลยสักครั้ง
ชายผู้เป็นพ่อ จึงต้องการให้ลูกชายของเขาได้เรียนรู้ถึงคุณค่าของเงินที่ได้จากการทำงาน
วันหนึ่งเขาจึงโทรหาลูกชายและพูดว่า “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ลูกจะไม่ได้กินอาหารเย็น แต่ถ้าหากวันไหนลูกมีรายได้ที่ลูกหาได้เองจริง ๆ พ่อจะให้ลูกทานอาหารสุดหรูที่ลูกชอบเหมือนเดิม”
หลังจากที่ลูกชายได้ฟังแบบนั้นก็รู้สึกสับสน แต่เมื่อกลับมาและได้เห็นใบหน้าที่จริงจังของพ่อ เขาก็รู้ได้ในทันทีว่า พ่อจริงจังกับสิ่งที่พูดมากแค่ไหน
บทเรียน
ลูกชายเกิดกลัว เขาจึงเดินทางไปปรึกษาแม่ของเขาที่กำลังทำงานอยู่ เขาบอกทุกอย่างเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น และด้วยเหตุที่เธอไม่อยากให้ลูกมีปัญหา หรืออดอาหารมื้อเย็น วันนั้นเธอจึงให้เงินกับลูกชายไป
คืนนั้น บนโต๊ะอาหารเย็น พ่อจึงถามลูกชายเกี่ยวกับรายได้ของเขาในวันนี้ ลูกชายจึงยื่นเหรียญที่เขาได้จากแม่ ให้พ่อของเขาดู และทันทีที่เห็น พ่อก็เข้าใจได้ในทันทีว่านี้คงไม่ใช่เงินที่ลูกของตนหามาได้เองเป็นแน่
เขาจึงขอให้ลูกชายโยนเหรียญนั้นลงไปในบ่อน้ำที่ลานบ้าน ลูกชายจึงเดินออกไปด้วยท่าทางเกร็ง ๆ และโยนเหรียญนั้นทิ้งลงในบ่อโดยไม่รีรอ แล้วก็กลับมารับประทานอาหารต่อ
อาหารจานโปรด
เช้าวันรุ่งขึ้น พ่อจึงตัดสินใจไปส่งภรรยาของเขา ให้ออกจากเมือง เพื่อไปอยู่ที่บ้านพ่อแม่ของเธอชั่วคราว และเมื่อลูกชายตื่นขึ้น พ่อที่กลับมาถึงบ้านพอดี จึงได้เตือนลูกชายของตน ถึงเรื่องอาหารมื้อเย็น และยังเล่าเรื่องของแม่ที่เขาเพิ่งไปส่ง ให้กับลูกชายได้ฟังอีกด้วย
เมื่อรู้ว่าแม่ไม่ได้อยู่ที่บ้านเพื่อนำเงินให้เขาอีกแล้ว เขาจึงไปหาปู่ของเขา และแน่นอนว่าปู่ก็ได้นำเงินให้แก่เขาตามที่คาดไว้
คืนนั้น เมื่อกลับมาถึงบ้านพ่อ ก็ถามลูกชายเรื่องเงินอีกครั้ง ซึ่งลูกชายก็ได้มอบเงินที่ได้จากปู่มา ให้แก่พ่อเขาไป แต่พ่อของเขาก็ยังคงขอให้เขานำเหรียญนั้นไปโยนลงบ่อน้ำอีกครั้ง ซึ่งในครั้งนี้ลูกชายก็ไม่คิดลังเลแต่อย่างใดเลย เขาโยนเหรียญนั้นลงในบ่อน้ำและกลับมาที่โต๊ะอาหารค่ำเพื่อทานอาหารต่อแบบสบายใจ
อีกหนึ่งมื้อ
พ่อที่รู้ดีว่าคงต้องมีใครค่อยช่วยลูกชายของตนเป็นแน่ เขาจึงตัดสินใจโทรไปหาพ่อของเขาและเล่าเรื่องราว รวมถึงความตั้งใจที่อยากจะสอนลูกชายให้กับพ่อของเขาได้ฟัง
หลังจากที่เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด ในเช้าวันถัดมา คุณปู่จึงตัดสินใจออกไปจากบ้านเพื่อป้องกันการพบเจอกับหลานชาย เขาจะได้ไม่ใจอ่อนมอบเงินให้อีก
ในตอนเช้าพ่อจึงเตือนลูกอีกครั้งเกี่ยวกับเงื่อนไขในการรับประทานอาหารเย็น
ลูกชายที่ตอบรับ จึงรีบเดินทางไปที่บ้านของปู่ เพื่อจะได้นำเงินกลับมาให้พ่อ แต่ทว่าทันทีที่ไปถึง เขาก็ต้องพบว่าปู่ไม่อยู่บ้านเสียแล้ว
ปู่ที่หายไป
และเนื่องจากในตอนนี้ไม่มีใครที่จะสามารถช่วยเขาได้ อีก เขาจึงตัดสินใจไปหางานทำที่ตลาด หลังจากเวลาผ่านไปไม่นาน เจ้าของร้านคนหนึ่งก็ตกลงจะให้งานบางอย่างแก่เขา
เจ้าของร้านบอกเด็กชายว่า เขาจะจ่ายเงินให้กับเด็กชาย 10 ริงกิต ถ้าเขาสามารถถือหีบที่มีของอัดแน่นนี้ไปยังโกดังได้ เด็กชายที่ปฏิเสธไม่ได้ เขาจึงต้องทำงานนี้ จนเนื้อตัวของเขานั้นเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ อีกทั้งทันทีที่ทำงานเสร็จ เท้าของเขาก็เริ่มมีอาการสั่น นอกจากนี้มียังมีอาการปวดคอและหลังอีกด้วย
ในตอนเย็นเมื่อเขากลับถึงบ้าน เด็กชายจึงรีบเดินเข้าไปหาพ่อและมอบเงิน 10 ริงกิตให้ ซึ่งพ่อก็ขอให้เขาโยนเงินนั้นลงไปในบ่อน้ำอีกครั้ง เด็กผู้ชายที่ไม่สามารถทำใจทิ้งเงินที่หามาได้อย่างยากลำบากได้ลง เขาจึงปฏิเสธที่จะโยนเงินนี้และร้องไห้ออกมา
แรงที่เสียไป
ลูกชายสะอื้นไห้ พร้อมพูดกับพ่อของตนว่า “พ่อ..!! ร่างกายของผมเจ็บปวดไปหมด หลังของผมก็มีผื่นขึ้นแต่พ่อกลับขอให้ผมโยนเงินนี้ลงไปในบ่อน้ำเนี่ยนะ”
พ่อยิ้มและพูดว่า “คนเราจะรู้สึกเจ็บปวด ก็ต่อเมื่อเราทุ่มเทอย่างสุดกำลังกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งแล้วรู้สึกว่าผลจากการทำงานหนักนั้นสูญเปล่า ก่อนหน้านี้ลูกได้เหรียญโดยไม่ต้องทำงานหนักจากแม่และคุณปู่ ดังนั้นลูกจึงไม่คิดมากที่จะต้องโยนเหรียญนั้นลงบ่อน้ำไป”
ลูกชายที่หลังจากได้ฟังเช่นนั้น เขาก็ตระหนักได้ถึงคุณค่าของการทำงานหนักและการหาเงินแต่ละบาทของพ่อได้ในทันที เขาเข้าใจแล้วว่าตัวเองนั้นทำผิดพลาด เขาจึงกล่าวขอบคุณพ่อสำหรับบทเรียนอันล้ำค่าในครั้งนี้
“บางครั้งบทเรียนที่ดีที่สุดในชีวิตก็มักจะมาจากสถานการณ์ที่ยากที่สุด”
ติดตามเรื่องเล่าจากดาวนี้เพิ่มเติมได้ที่
หากชื่นชอบก็อย่าลืมกด Like กด Share เพื่อเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ สามารถแชร์แนวคิด มุมมองดีๆได้ใน Comments นี้เลย
#เรื่องเล่าจากดาวนี้
โฆษณา