Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Play Now Thailand
•
ติดตาม
2 ก.ค. 2021 เวลา 02:00 • กีฬา
#ครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน
By #มิสมาต้า
1
เกม 2-0 ที่เวมบลีย์เมื่อคืนวันที่ 29 ที่ผ่านมา มีอะไรมากกว่าเกมฟุตบอลเหมือนกับทุกครั้งที่คู่นี้เคยแข่งกันมาทั้งหมด
เราเคยได้ยินกันอยู่เเล้วว่า อังกฤษ vs เยอรมัน คือศัตรูคู่อาฆาตที่เป็นมากกว่าคู่แข่งทางฟุตบอลเสมอ
แต่ใครจะไปคิดว่าบรรพบุรุษรุ่นหนึ่งของ เจ้าชายวิลเลียม ที่ทรงพาครอบครัวมาทอดพระเนตรเกมเมื่อคืนนี้ด้วยนั้น จะเคยมีทวดที่เคยเป็นมิตรกับผู้นำระดับอาชญากรสงครามของเยอรมนี
ในอดีต คิงเอ็ดเวิร์ดที่8 ที่เคยขึ้นครองราชสมบัติจนเป็นคิงแห่งสหราชอาณาจักร จะสนิทสนมกับ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ อดีตทหารยศน้อยที่ก้าวข้ามหัวเหล่านายพลด้วยความเก่งกล้าสามารถจนได้เป็นผู้นำในรัฐสภา และ ผู้นำทางทหารของเยอรมนี
เจ้าชายแฮร์รีองค์รัชทายาทลำดับที่6 ที่ทรงมีความขัดแย้งกับสมเด็จย่า ไม่ใช่เจ้าชายของราชวงศ์วินเซอร์พระองค์แรกที่สละฐานันดรศักดิ์ เพราะเมื่อปี 1939 คิงเอ็ดเวิร์ดที่8 เคยทรงเต็มใจยอมสละพระราชบัลลังก์เพื่อความรักมาแล้ว
1
โดยมีสตรีชาวอเมริกันที่เคยผ่านการสมรสมาแล้วเป็นผู้ที่ฉุดให้พระองค์ลงจากบัลลังก์เพื่อมาสร้างตำนานรักที่ไร้ม่านประเพณีใดๆ มากางกั้นร่วมกัน
ในสมัยที่เจ้าหญิงอลิซาเบธทรงมีอายุ 7 พรรษา คิงเอ็ดเวิร์ดที่8ซึ่งมีศักดิ์เป็นลุงเคยสอนให้ทำท่า ไฮล์ ฮิตเลอร์ อันเป็นท่าสดุดี อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ให้กับเจ้าหญิงองค์น้อยที่ยังไร้เดียงสา จนถูกสื่อขุดภาพนี้ขึ้นมาตีพิมพ์เมื่อหลายปีที่ผ่านมา
1
ซึ่งนักประวัติศาสตร์หลายท่านให้ความเห็นว่า คิงเอ็ดเวิร์ดที่8 ทรงชื่นชมในนโยบายการปกครอง และ แผนงานด้านเศรษฐกิจที่ฮิตเลอร์กำลังลงมือทำ
แล้วในอีก 3 ปีต่อมา (1936) คิงเอ็ดเวิร์ดก็ได้ทรงสละราชสมบัติที่ทรงครองได้เพียง 11 เดือน เพื่อไปแต่งงานกับ วอลลิส ซิมพ์สัน หญิงสามัญชนชาวอเมริกันที่เคยผ่านการหย่าร้างมาแล้ว 2 ครั้ง
1
ซึ่งนี่นอกจากจะเป็นลิขิตรักขัดใจแม่แล้ว ยังเป็นการขัดจารีตของราชวงศ์อีกด้วย แต่ด้วยพระทัยที่ตั้งมั่นด้วยความรัก จึงไม่ทรงใส่ใจเสียงทัดทานใดๆ จากพระญาติและ เชื้อพระวงศ์จนก่อให้เกิดความขัดแย้งในขั้นต้น
1
นั่นจึงทำให้ คิงจอร์จที่6 ซึ่งเป็นพระราชบิดาของเจ้าหญิงอลิซาเบธได้ขึ้นครองราชย์แทนพี่ชาย
ส่วนคิงเอ็ดเวิร์ดที่8 ได้ไปสนิทสนมกับทางกองทัพเยอรมนี รวมทั้งชื่นชมนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลทหารในขณะนั้นอย่างออกนอกหน้า แถมผู้นำเยอรมนียังสั่งให้ทุกคนปฏิบัติกับอดีตคิงในฐานะกษัตริย์ จึงยิ่งสร้างรอยร้าวระหว่างอดีตคิงกับราชวงศ์วินเซอร์ให้มากขึ้นไปอีก
2
จนในปี 1940 ผู้นำเยอรมนีได้วางแผนลักพาตัวอดีตคิง ซึ่งอันที่จริงควรเรียกว่าเป็นเสมือนการเชื้อเชิญให้มาอยู่ในฐานะแขกของท่านผู้นำเสียมากกว่า ภายใต้ยุทธการลับที่มีรหัส "ปฏิบัติการวิลลี"
เพื่อที่กองทัพเยอรมนีจะได้พาอดีตคิงพระองค์นี้ได้กลับไปเป็นกษัตริย์อีกครั้งหลังยึดครองอังกฤษได้ในอนาคต ซึ่งจะทำให้กองทัพเยอรมนีมีมิตรที่แข็งแกร่งในสงครามครั้งนั้น
แต่ด้วยการเดินเกมใต้ดินของ วินสตัน เชอร์ชิล นายกรัฐมนตรีอังกฤษในยุคนั้น จนทำให้เชื้อพระวงศ์ที่เกือบจะถูกลวงได้รอดพ้นจากเงื้อมือของศัตรู ซึ่งถ้าผู้เขียนมีเวลามากกว่านี่จะมาเขียนเล่าถึงการชิงไหวชิงพริบกันระหว่างท่านนายกเชอร์ชิล กับ นายพลฟรังโกผู้นำสเปนในภายหน้า
3
อันที่จริงการปกครองของกองทัพเยอรมนีนั้นถูกชื่นชมจากหลายราชวงศ์ในยุโรป เนื่องจากดูมีทิศทางที่เป็นปรปักษ์กับระบอบคอมมิวนิสต์ของสหภาพโซเวียตที่เริ่มแข็งแกร่ง
1
แล้วยิ่งเด่นชัดมากขึ้นเมื่อมีการล้มล้างพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่2 จนถึงขนาดมีการล้างบางราชวงศ์โรมานอฟจนสูญสิ้น จึงเป็นเหตุให้ราชวงศ์ทั้งยุโรปมองโซเวียตเป็นภัยคุกคามที่แสนจะอันตรายต่อระบอบกษัตริย์
1
ส่วนคิงจอร์จ พระชายา และ เจ้าหญิงอลิซาเบธ ได้ทรงประทับอยู่ที่พระราชวังบักกิงแฮมแทบจะตลอดสงครามโลกครั้งที่สอง และ ในวันที่เครื่องบินของเยอรมนีมาทิ้งระเบิดแถวพระราชวัง พระองค์ก็มิได้ทรงทอดทิ้งประชาชนไปหลบภัยภายใต้คำแนะนำของรัฐบาลแต่อย่างใด
นั่นคือภาพความสัมพันธ์ที่ดูเป็นสองปฏิบัติการ ที่ผู้นำเยอรมันมองว่าชาวอังกฤษคือมนุษย์ที่มีชาติพันธุ์สูงส่งในระดับเดียวกับเยอรมัน จึงทำให้ดำเนินการบุกรุกทางทหารไม่เต็มสรรพกำลังมากนัก ด้วยฮิตเลอร์มองไปไกลว่าอยากจะบีบให้อังกฤษยอมจำนนด้วยความอดอยากมากกว่สปูพรมถล่มด้วยอาวุธหนัก
ซึ่งส่วนหนึ่งก็มาจากการเอาชนะทางทะเลต่อกองเรืออังกฤษที่เปี่ยมไปด้วยแสนยานุภาพไม่ได้ และ ยังไม่มีกองทัพอากาศที่มีประสิทธิภาพมากพอที่จะโจมตีอังกฤษจนโงหัวไม่ขึ้นได้ แถมยังถูกตอบโต้ด้วยเครื่องบินทิ้งระเบิดของอังกฤษอีกต่างหาก
ภาพที่เชื้อพระวงศ์แห่งราชวงศ์วินเซอร์ต่อต้านเยอรมัน และ การต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์ในยุคหลังจึงเด่นชัดขึ้นจนทำให้ราชวงศ์วินเซอร์เป็นหนึ่งในไม่กี่ราชวงศ์ที่ได้รับความนิยมจากประชาชน โดยเฉพาะในยุคของควีนอลิซาเบธที่2
1
ช่วงกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนที่มอสโก เมื่อปี 1980 ที่อังกฤษ หรือ สหราชอาณาจักรยืนเคียงข้างอเมริกาด้วยการบอยคอตมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติครั้งนั้น
แม้จะอนุญาตให้บางสมาคมกีฬาส่งนักกีฬาไปแข่งขันไดั เช่น กีฬาขี่ม้า , พายเรือ , ฮอกกี้ และ ยิงปืน แต่นักกีฬาสหราชอาณาจักรก็ไม่ยอมเข้าร่วมเดินขบวนในพิธีเปิด
โดยมีเพียงแค่ ดิก พาลเมอร์ เลขาธิการโอลิมปิกแห่งอังกฤษเดินถือธงโอลิมปิกอยู่ในขบวนเพียงคนเดียว และ ไม่ยอมให้มีการใช้ธงชาติ หรือ เปิดเพลงชาติตอนรับเหรียญรางวัลแต่อย่างใด
1
ในส่วนของกีฬาที่อังกฤษเป็นชาติเจ้าภาพ อย่างฟุตบอลโลกปี1966 , ฟุตบอลยูโร 1996 , โอลิมปิก 2012 และ เทนนิสวิมเบิลดัน เราจะเห็นควีน และ เชื้อพระวงศ์มาชมเกมการแข่งขันอย่างใกล้ชิดจนกลายเป็นประเพณีนิยมที่คุ้นตาไปแล้ว
สำหรับมหกรรมฟุตบอลรายการเมเจอร์สองรายการสำคัญที่เป็นเจ้าภาพนั้น นอกจากจะมาทรงชมมี่สนามเวมบลีย์แล้ว ควีนยังทรงเป็นผู้มอบถ้วยแชมป์ฟุตบอลโลกให้กับ บ็อบบี มัวร์ กัปตันทีมชาติที่พาลูกทีมเป็นแชมป์โลกสมัยเดียวของพวกเขา
2
แต่ในยูโร 1996 นอกจากทีมชาติของพระองค์จะพ่ายแพ้ศัตรูอันดับหนึ่งคาถิ่นแล้ว ควีนยังต้องทรงมอบถ้วยแชมป์ยูโรให้กับมือของ เจอร์เกน คลินส์มันน์ กัปตันอินทรีเหล็กที่พาทีมมาเป็นแชมป์ถึงสนามเวมบลีย์
1
จนทำให้แฟนบอลเยอรมันล้อเลียนว่า แม้กองทัพเยอรมนีจะไม่เคยได้ชัยชนะเหนือแผ่นดินอังกฤษได้ แต่ทีมฟุตบอลของเขาได้กรีฑาทัพมาถล่มได้ถึงใจกลางประเทศ
4
แกเร็ธ เซาธ์เกต คือหนึ่งในตัวการสำคัญที่ทำให้ทีมแพ้จากการยิงลูกโทษตัดสินพลาด ซึ่งแม้ว่าจะไม่มีใครตำหนิว่าเขาคือคนที่ทำให้ประเทศชาติต้องมัวหมอง
แต่ในวันแรกๆ ที่เขาเข้ามารับงานผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ เซาธ์เกตเน้นย้ำถึงความสำคัญเรื่องการยิงจุดโทษจนเป็นวาระระดับทีมชาติ
2
และในค่ำคืนวันที่ 29 มิถุนายน 2021 หรือ 25 ปีหลังจากวันอัปยศนั้น แกเร็ธ เซาธ์เกต เป็นผู้พาลูกทีมล้างแค้นทีมชาติเยอรมันด้วยการชนะภายในเวลา 90 นาที ส่งให้ศัตรูผู้หยามเกียรติพวกเขามานานหลายทศวรรษกลับบ้านไปอย่างช้ำใจ
1
ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นต่อหน้าพระพักตร์ของเจ้าชายวิลเลียม พระราชนัดดาองค์โปรดของควีน ที่ทรงมาชมเกมในฐานะกำลังใจจากราชวงศ์ และ ในฐานะประธานสมาคมฟุตบอลอังกฤษ
2
โดยทั้งดยุก และ ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ ทรงพาเจ้าชายจอร์จเจ้าชายน้อยที่ทรงเป็นองค์รัชทายาทลำดับที่สามมาชมเกมแห่งประวัติศาสตร์ด้วย
ในยุคนี้ความขัดแย้งระหว่างอังกฤษ กับ เยอรมนี ในเวทีโลกไม่ได้ดุเดือดเหมือนสมัยก่อนแล้ว เพราะทั้งสองชาติต่างมีภาระความมั่นคงภายในด้วยการประคับประคองเศรษฐกิจ และ การระบาดของโควิดเป็นภารกิจสำคัญ
2
แต่บรรยากาศความเป็นศัตรูทางฟุตบอลยังคงเต็มไปด้วยแพสชั่นไม่เสื่อมคลาย
การเอาชนะคู่แข่งได้แบบทบต้นทบดอก จึงเปรียบเสมือนการได้ประกาศเอกราชให้กับวงการฟุตบอลของประเทศ และ ยังกอบกู้ความรู้สึกของราชวงศ์วินเซอร์ได้อีกด้วย
3
แล้วถ้าทีมชาติสิงโตคำรามไปได้ไกลสุดปลายฝันด้วยการเป็นแชมป์ยูโรได้ เชื่อได้ว่าราชวงศ์จะปูนบำเน็จรางวัลชั้น CBE ให้กับเซาธ์เกต รวมทั้งเครื่องราชอิสริยาภรณ์ระดับ MBE ให้นักเตะบางรายเป็นการตอบแทนคุณงามความดีที่มีให้ประเทศชาติ
เพราะนักเตะอังกฤษทุกคนลงเล่นด้วยความทุ่มเท จนไม่มีใครหน้าไหนกล้าว่าร้ายพวกเขาได้ว่าเป็นพวกหน้าเงินที่ขาดศักดิ์ศรียามรับใช้ชาติอีกต่อไป
เพื่อชาติ เพื่อฝัน เพื่อวันเกียรติยศ สมศักดิ์ศรีทรีไลออนส์
3
#PlayNowThailand #khelnow #football #footballgames #footballhighlights #footballplayers #manchesterunited #England #Germany
8
25
7
8
8 บันทึก
25
7
8
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย