3 ก.ค. 2021 เวลา 01:30 • สุขภาพ
บันทึกคนป่วย .. 😅
วันนี้พร้อมที่จะแบ่งปันประสบการณ์ตรงของคนเป็นโรคมะเร็งไทรอยด์ ก่อนอื่นต้องบอกว่าโรคมะเร็งไทรอยด์เป็นมะเร็งที่เบาที่สุด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของมะเร็งด้วย โดยส่วนใหญ่ผู้ป่วยโรคนี้จะรักษาหาย แต่โรคอาจเกิดซ้ำได้อีก ต่อจากนี้หมั่นพบหมอตามนัด .....ขอออกตัวก่อนว่าเป็นคนเล่าเรื่องไม่ค่อยเก่ง แต่อยากแบ่งปันประสบการณ์และคิดว่าน่าจะมีประโยชน์บ้างในการสังเกตสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นในร่างกายและวิธีการรักษาของโรคมะเร็งไทรอยด์......
***เพิ่มเติม: สาเหตุการเกิดโรคยังไม่มีงานวิจัยแน่ชัดว่าเหตุจากอะไร เบื้องต้นเกิดในคนที่เจอรังสีที่ปริมาณสูงมากๆๆ ซึ่งในปัจจุบันไม่พบแล้ว อาหารก็ไม่ใช่ หรืออาจเกิดจากเซลล์ของตัวเอง สรุปง่ายๆ คือใครเป็นถือซะว่าปุ๊บปั๊บรับโชคแล้วกันเนอะ 😅
......เริ่มจากเช้าวันที่ 4 มีนาคม 64 ส่องกระจกสังเกตเห็นก้อนที่คอค่อนข้างชัด เลยตัดสินใจโทรไปโรงพยาบาลเพื่อขอตรวจ และได้พบคุณหมอปรากฏว่า.... คุณหมอเจาะที่คอและเลือดไปตรวจ แต่คุณหมอยังไม่แจ้งว่าเป็นอะไร เบื้องต้นซักประวัติครอบครัว เช่น มีใครเป็นโรคไทรอยด์เป็นพิษหรือไม่ คนไข้มีอาการใจสั่น มือสั่น เหนื่อยง่าย กลืนอาหารลำบาก สำลักอาหาร หรือเสียงแหบ ซึ่ง
เราไม่มีอาการใดๆทั้งสิ้น คุณหมอเลยนัดอัลตราซาวด์ ใน 2 วันถัดมา และนัดฟังผลวันที่ 18 มีนาคม 2564
...... แท่น แทน แท๊น...... ผลที่ออกคือคุณไม่ได้เป็นไทรอยด์เป็นพิษ แต่มีเนื้องอกที่ต่อมไทรอยด์ 2 ก้อน และมีก้อนแคลเซียม 1 ก้อนที่ต่อมน้ำเหลือง (ก้อนไม่ค่อยสวย) คุณหมอให้ไปเจาะตรวจเพิ่มโดยการเจาะรอบนี้เป็นคุณหมออัลตราชาวด์ และนัดทำ CT-Thyroid ไปด้วยเลย ..... ถึงตอนนี้ความตื่นเต้นเริ่มมาเยือน ....เอาว่ะอย่างน้อยเราก็ยังเป็นไม่เยอะหรืออาจจะไม่เป็นก็ได้
..มาถึงวันนัดเจาะคอด้านซ้าย (26 มี.ค. 64) แอบทำใจไปจากบ้านว่าไม่ต้องกลัวน๊า...... ถึงโรงพยาบาลคุณพยาบาลบอกให้เปลี่ยนชุดและพาไปห้องเตรียมตัวเจาะ......คุณหมออัลตราชาว์มาแล้ววว เริ่มอัลตราซาวน์.......คุณหมอบอกว่า........ก้อนที่ไทรอยด์ มี 2 ก้อน เป็นก้อนน้ำ 1 ก้อน (ใจชื้นเล็กน้อย) และมีก้อนแคลเซียมที่ต่อมน้ำเหลืองเยอะอยู่ค่ะ (แฮ่...เอาอีกแล้ว) คุณหมอบอกว่าน่าจะเจาะประมาณ 3 ที่ โดยก้อนที่ต่อมน้ำเหลืองคุณหมอจะเจาะตัวแทนกลุ่มไป (คนไข้จะได้เจ็บตัวไม่มาก) เพื่อไปตรวจ แต่ก้อนไม่ค่อยสวยเลยนะคะ จากนั้นคุณหมอก็ทำหัตถการเริ่มจากฉีดยาชาก่อนแล้วก็เจาะ เจาะ และ เจาะ สรุป คุณหมอเจาะไป 9 ก้อน จ่ะ (คือเจาะทุกก้อนที่มี) .....ที่สุดของที่สุดคือคุณหมอมือเบามากๆๆ พยาบาลน่ารักมากๆ ดูแลดีมากๆ เจาะเสร็จ คุณพยาบาลให้ยาพารามา 1 เม็ด บอกว่าเผื่อคนไข้ปวดค่อยกิน นั่งพักจ่ายเงินก็กลับบ้านเลย
......วันพุธที่ 21 เมษายน 2564 วันนี้มาทำ CT Thyroid งดอาหารและน้ำตั้งแต่หกโมงเช้า (งดประมาณ 6 ชั่วโมงก่อนทำ) เริ่มจากการเจาะเลือด ทำแบบสอบถามการตั้งครรภ์เนื่องจากต้องฉีดสีจึงน่าจะส่งผลต่อทารกในครรภ์ จากนั้นก็ไปเจาะแขนเตรียมการฉีดสีระหว่างเข้าอุโมงค์เครื่องสแกน และแล้วก็ถึงเวลาเข้าอุโมงค์....ตื่นเต้นเล็กน้อย พอขึ้นเตียงเตรียมตัวที่จะเข้าเครื่อง คุณพยาบาลก็มาบอกวิธีการระหว่างเครื่องทำงานว่าไม่ให้ขยับศรีษะพอช่วงฉีดสี คุณหมอจะบอกว่าจะมีอาการรู้สึกขมคอ ร้อนวูบวาบ คืออาการทั่วไปนะคะ ที่สำคัญคนไข้ห้ามขยับศรีษะ จากนั้นก็ตรวจต่ออีกสักครู่นึง เบ็ดเสร็จเวลาเข้าไปในห้อง CT SCAN ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีน่าจะได้ เมื่อเสร็จแล้วก็ออกมานั่งรอด้านนอก 10 นาที พอถอดเข็มออกก็รอต่ออีก 5 นาที ดูอาการข้างเคียง จากนั้นเปลี่ยนเสื้อผ้าจ่ายเงินและกลับบ้านจ้า
........วันพุธที่ 27 เมษายน 2564 ในวันที่โควิด 19 เฟส 3 ระบาดอย่างหนักจำนวนผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 2 พันกว่าคน (วันที่เขียน 2 กรกฎาคม จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดทะยานไปที่ 6 พันกว่า😭) ชีวิตก็ต้องเดินต่อไป.......ไปค่ะ ไปฟังผลกัน (ใดๆคือกล้าดีมากไปฟังผลคนเดียวไม่ให้สามีหรือใครไปด้วยห่วงโควิดไม่อยากให้ใครต้องป่วย) จากการเจาะคอ เจาะเลือด ทำ CT-Scan เจอหน้าคุณหมอทักคำแรกเลยว่า คนไข้มากับใครคะ ทำเอาใจเต้นเร็วเลยถึงแม้ว่าจะเตรียมใจมาหลายอาทิตย์แล้ว (จากวันแรกจนถึงวันนี้เดือนกว่าเอง) แย่ที่สุดก็เป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะที่ 2 หล่ะว่ะ
.........ต้องบอกก่อนว่าโชคดีที่เราเตรียมใจมาดีมากหลังจากเจาะคอกับคุณหมออัลตราชาวด์เริ่มเอะใจและศึกษาหาข้อมูลว่าที่เราเป็นคืออะไร แย่สุดคือโรคอะไร การรักษาเป็นอย่างไร (ถึงขนาดหาร้านทำวิกผมแท้ทรงเดียวกับปัจจุบัน ขอผมน้องที่รู้จักเอาไว้แล้วด้วย) .....คุณหมอบอกว่าเราเป็น "มะเร็งไทรอยด์" การรักษาคือต้องตัดต่อมไทรอยด์ออกทั้ง 2 ข้าง รวมถึงการลามของเซลล์ ต้องเลาะข้าง ๆ คอด้านซ้ายออกด้วย แต่...ก่อนผ่าคุณหมอเจอก้อนด้านขวาจากการทำ CT-Scan ขอเจาะอีกรอบ เพื่อที่หากผ่าจะได้ผ่าออกในคราวเดียวกัน แล้วคุณหมอก็อธิบายดังนี้
1. สำหรับการผ่าตัดต่อมไทรอยด์ส่วนใหญ่จะเหลือ 1 ข้างเพื่อให้ทำงาน แต่กรณีนี้คือมีพี่มะ(เร็ง) ทั้ง2 ข้าง จึงต้องตัดออกทั้งหมด ผลคือต้องกินยาฮอร์โมนไปตลอดชีวิต
2. แผลอาจจะยาวเพราะต้องไปเลาะก้อนที่ต่อมน้ำเหลืองด้วย (และถ้าข้างขวาก้อนไม่สวยก็เลาะยาว 2 ข้างเลย )
3. ผลข้างเคียงของการผ่าตัด
- กรณีแย่ที่สุดอาจทำให้เสียงแหบหรือไม่มีเสียงวิธีแก้คือเจาะคอใส่ท่อที่กล่องเสียง
- กรณีพี่มะไปเกาะเส้นประสาทแน่น ถ้าเลาะไม่ได้จำเป็นต้องตัดออก
4. หากการผ่าตัดไปโดนต่อมพาราไทรอยด์ (ปกติทุกคนมี 4 ต่อมเล็กอยู่หลังต่อมไทรอยด์) อาจต้องกินแคลเซียมตลอดไป อาการขาดแคลเซียมคือการชาตามร่างกาย
5. หลังผ่าตัดอาจมีอาการชาที่หู
...... นี่ขนาดเตรียมใจไปฟังแล้วนะ สมองดับนึกคำถามอะไรไม่ออกเลย......หน้าครอบครัวลอยมาเลย โชคดีที่ไม่มีลูกแอบสะเทือนใจบ้าง เพราะอาทิตย์ถัดไปได้คิวคุณหมอเรื่องการเตรียมพร้อมการมีลูก สงสารสามีนาง อยากมีลูก......
.....คุณหมอน่ารักมากเอื้อมมือมาแตะแขนแล้วบอกว่าโชคดีที่เราเจอเร็ว และมะเร็งที่เป็น เป็นชนิดที่ดี (ใจดี) กว่าชนิดอื่น..... เย้...ยังโชคดีนะ (ใช้วิธีรักษาโดยการกลืนแร่) คุณหมอให้ไปนัดเจาะคอด้านแบบเร่งด่วนเพราะเจอก้อนด้านขวาอีก 2 ก้อนจ้า .....
.... คุณหมอบอกให้ไปพบคุณหมออีกห้องเพื่อเตรียมการผ่าตัด ......ต่อค่ะ ห้องต่อไป คุณหมอผ่าตัดก็อธิบายคล้ายๆคุณหมอเจ้าของไข้ เพิ่มเติมคือถามเรื่องถ้าไม่มีเสียงทำยังไง คุณหมอเลยเปิดรูปอุปกรณ์ที่อาจต้องใช้ให้ดู 😁 คุณหมอรับปากว่าจะผ่าให้ดีที่สุดจะพยายามไม่ให้ไปโดนเส้นประสาทอื่นๆๆและเส้นเสียง ยกเว้นว่าก้อนที่ตัดออกไปติดแน่น ซึ่งการผ่าตัดนี้เป็นการผ่าตัดใหญ่ใช้เวลาหลายชั่วโมง
....ในส่วนตัวเราเองเข้าใจทุกสิ่งที่คุณหมออธิบายว่าการผ่าตัดมีความเสี่ยงอยู่แล้ว ไม่มีใครอยากให้เกิดการผิดพลาดในการรักษาแน่นอน ที่จริงแล้วเราขอให้หมอช่วยบอกกรณีผลข้างเคียงของการผ่าตัดและวิธีการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นเอง คุณหมอน่ารักมากก็เล่าให้ฟังพร้อมกับตบท้ายว่าคนไข้อยากถามอะไรเพิ่มเติมหรือเปล่า พูดเหมือนหมอคนแรกเลย 😍 ปล. คุณหมอบอกน่าจะผ่าตัดภายใน 1 หรือ 2 สัปดาห์ หลังผลข้างขวาออกและพบคนหมอเจ้าของไข้ คุณหมอบอกว่าช่วงนี้โควิดระบาดห้องผ่าตัดปิดเยอะ เรานี่เกรงใจบอกคุณหมอว่ารอสถานการณ์โควิดดีขึ้นก็ได้นะคะ คุณหมอตอบกลับมาว่าโรคบางโรครอไม่ได้นะคะ (นี่นึกในใจสงสัย...ไม่น่าใช่พี่มะระยะแรกแน่ๆ)..............
..... ไปต่ออีกห้องเพื่อที่จะไปขอรับใบนัดวันขึ้นเขียง....แต่ต้องไปนัดเจาะคอข้างขวา แล้วกลับมาแจ้งว่าวันที่ได้เจาะคอ สรุปคือวันที่ 29 เมษายน และคุณพยาบาลก็รับดูคิวคุณหมอเจ้าของไข้ให้ไวที่สุดคือ ฟังผลวันที่ 11 พฤษภาคม 64 เนื่องจากว่าเดือนพฤษภาคมวันหยุดเยอะ.....วันนี้จึงไปเตรียมตัวขึ้นเขียงคือ 1. จ่ายเงิน 2. เจาะเลือด 3.x-Ray ปอด และ 4.ตรวจคลื่นหัวใจ
.....วันที่ 29 เมษายน 2564 เจาะคอด้านขวา คุณหมออัลตราซาวด์เป็นผู้เจาะเช่นเดิมแต่เป็นคนละคนกับครั้งที่แล้ว คุณหมออัลตราซาวด์ทั้งสองข้างแล้วก็บอกว่าข้างขวาไม่น่าใช่ ก้อนในต่อมน้ำเหลืองที่เห็นอยู่ไกลจากต่อมไทรอยด์มากประกอบกับก้อนหน้าตาดี ก้อนอาจจะเกิดจากการอักเสบหรือคันในหูก็ได้ และคุณหมอก็เจาะไป 3 ก้อนค่ะ ....อีกครั้งที่คุณหมอดูกังวลกับก้อนต่างๆที่ข้างซ้ายคุณหมอช่วยคำนวนผล Lab ของวันนี้ (ปกติใช้เวลาอ่านผล 7 วัน) ว่าจะออกวันไหน แล้วให้รีบไปนัดคุณหมอเจ้าของไข้ให้ไวที่สุด.......
.....วันที่ 6 พฤษภาคม 64 ช่วงเย็นๆ คุณหมอโทรมาแจ้งผลที่
เจาะก้อนเนื้อด้านขวาไปตรวจ...ปรากฏว่าเป็นก้อนเนื้อปกติ (เกร็ดความรู้ คือก้อนในต่อมน้ำเหลืองสามารถอักเสบได้ตลอดเวลา เช่น มีอาการคันหู ) แล้วคุณหมอก็นัดวันผ่าตัดเลย เป็นวันที่ 20 พฤษภาคม นี้ แต่ให้เข้า Admit วันที่ 19 พร้อมตรวจ Swab ก่อนผ่าตัดด้วย เรานี่ก็นิ่งไปแปปนึง โอ้โห.....ใจเริ่มหวิวๆ... คุณหมอแนะนำการเตรียมตัวก่อนผ่าตัดคร่าวๆ เช่น ก่อนผ่าตัด 1 สัปดาห์ คนไข้ควรงดวิตามินต่างๆ ยาพวกแอสไพริน เป็นต้น
...วันที่ 11 พฤษภาคม มาพบคุณหมอตามนัด คุณหมอก็แจ้งข่าวดีก้อนเนื้อด้านขวาปกติ ไม่น่ากังวล เลยถามคุณหมอไปว่าผ่าตัดแล้วกลืนแร่เลยหรือไม่ คุณหมออธิบายว่าหลังฝาตัดประมาณ 6 สัปดาห์ ก็เริ่มกลิ่นแร่ได้เลย ที่นี้ก็ต้องดูว่าเราจะต้องกลืนแร่กี่ครั้ง แต่หลังจากนี้เราจะมีนัดกันบ่อยๆนะคะ คุณหมอน่ารักมากๆ มีความเมตตากับคนไข้สุดๆ
... ระหว่างรอวันผ่าตัด จะมีคุณหมอโทรมา Confirm วัน เวลา กับการพูดคุยทั่วไป หรือตอบคำถามคนไข้...
.. ... วันที่ 19 พฤษภาคม มาถึงโรงพยาบาลประมาณ 7 โมง เพื่อทำ Swab ก่อน พอ Swab เรียบร้อย ก็มาพบคุณหมออีกครั้งเพื่อพูดคุยและตรวจอาการอีกครั้ง ... ที่นี้ก็ภาวนาขอให้ห้องว่าง ช่วงโควิดโรงพยาบาลค่อนข้างเข้มงวดเรื่องการเฝ้าและการเยี่ยมมากๆ เช่น ถ้าอยู่ห้องรวมญาติมาเยี่ยมไม่ได้เลย ยกเว้นวันกลับบ้านค่อยมารับ หรือ ถ้าจะพักห้องพิเศษคนเฝ้าต้องคนเดียวเท่านั้น ห้ามเปลี่ยนคนเฝ้า คนเฝ้าก็ต้อง Swap เช่นกัน ห้ามคนเยี่ยมเหมือนกัน ...
.......มาเล่าต่อ ....วันพฤหัสที่ 20 พฤษภาคม ประมาณ 08.00 น. คุณพยาบาลมาตรวจวัดความดัน ชีพจร อุณหภูมิ และเจาะเข็มเข้าเส้นเลือดใหญ่เพื่อให้ยา โดนจิ้มไป 3 รอบ รอบที่ 4 ถึงจะได้ (เนื่องจากเป็นคนกลัวเข็มมากพอจิ้มปุ๊บเส้นเลือดหด) เตรียมพร้อมเพื่อไปห้องผ่าตัด พอถึงหน้าห้องผ่าตัดคุณพยาบาลก็ให้นอนรออยู่ด้านนอกอีกพักนึง พอเข้าห้องผ่าตัดคุณหมอเต็มห้องเลย คุณหมอถามชื่อซ้ำและบอกว่าไม่ต้องกลัวนะ คุณหมออยู่กับเยอะเลย จากนั้นคุณหมอก็เริ่มวางยาโดยให้ดมยาสลบและน่าจะทางน้ำเกลือด้วย ....... รู้สึกตัวอีกทีคือมีคนเรียกชื่อไม่แน่ใจว่ากี่โมง รู้แต่ตอนเคลื่อนย้ายกลับไปตึกเดิมฟ้ามืดแล้ว เห็นไฟไซเรนแวบๆ
........... รู้ตัวอีกครั้งคือตื่นขึ้นมาบนเตียงห้องพัก คุณพยาบาลบอกว่าคนไข้ฉี่ได้เลยต่อสายไว้แล้ว มีสายเดรนน้ำเหลืองที่คอ 2 เส้น และต้องให้ยาฆ่าเชื้อไปก่อน พอพยาบาลไปซักพักรู้สึกคลื่นไส้และอาเจียนออกมา (เลยเข้าใจเลยว่าทำไมต้องอดข้าว อดน้ำก่อนผ่าตัดตั้งแต่ 4 ทุ่ม)
......วันที่ 21 พฤษภาคม. คุณหมอที่ผ่าตัดมาเยี่ยม คุณหมอแจ้งว่าผ่าตัดมะเร็งออกไปแล้ว เจอท่อน้ำเหลืองรั่วซ่อมให้เรียบร้อยแล้ว มีความจำเป็นต้องตัดเส้นประสาทไป 1 เส้น เนื่องจากเซลล์มะเร็งเกาะแน่นมาก (อันนี้คุณหมอเคยคุยความเสี่ยงให้ทราบแล้ว) แล้วคุณหมอให้ลองหยักไหล่ดูว่าขึ้นหรือเปล่า สรุปว่าขึ้นจ้ะ คุณหมอแจ้งว่าเดี๋ยวจะมีคุณหมอกายภาพมาช่วยดูนะ 😊 เสียงปรกติไม่มีแหบแห้ง ส่วนต่อมพาราไทรอยด์ผู้ผลิตแคลเซียมให้ร่างกายยังอยู่แต่ช่วงนี้ต้องทานแคลเชียมทดแทนไปก่อน คุณหมอดูแผลและทำแผลให้ โชคดีไม่มีเลือดซึมออกมา อาการสำหรับการผ่าตัดวันแรกคือแน่นที่คอมากๆ เนื่องจากมีผ้าพันที่คอไว้ค่อนข้างแน่น ตอนนี้กลิ่นน้ำลายเจ็บมาก รู้สึกมีเสมหะเกาะแน่นมากๆๆ ก่อนไปคุณหมอตบท้ายว่าถ้าเดินไปเข้าห้องน้ำไหวอยากให้ไปเข้าเองปอดจะได้ทำงาน พอช่วงเย็นๆคุณพยาบาลมาถอดสายฉี่ออกให้รู้สึกสบายเลย😆 และเริ่มทานอาหารอ่อน ปล.หมอให้นอนศรีษะสูงตลอด เมื่อยบ่าไหล่ฝุดๆ
........ วันที่ 22 พฤษภาคม. วันที่ 2 หลังการผ่าตัด ตึงคอบ่าไหล่กับรู้สึกเสมหะเยอะและแข็ง มีไข้ต่ำๆ เลยเจาะเลือดไปเพาะเชื้อ ส่วนอย่างอื่นเหมือนเดิม คือนอนหมอนสูง ลุกไปเข้าห้องน้ำเองและกินอาหารอ่อน
......วันที่ 23 พฤษภาคม รู้สึกดีขึ้นในทุกกรณีวันนี้ไม่ต้องให้น้ำเกลือแล้วแต่ให้แคลเซียมน้ำอยู่ และเจาะเลือดตรวจค่าแคลเซียมทุกวัน
...... วันที่ 24 พฤษภาคม เอาน้ำเกลือ+แคลเซี่ยมน้ำออกไปเมื่อวานช่วงบ่ายพอสายๆ ของวันนี้มีอาการชาที่มือและก็ชา ชา จนมือเกร็ง ชาจากมือไปถึงหัวไหล่จนรู้สึกชาไปถึงหน้าอก ส่วนขาชาเล็กน้อย คุนหมอบอกว่าเกิดจากขาดแคลเชียม วันนี้คุณหมอดึงสายเดรนเลือดทั้งสองข้างออกแล้ว หมดอุปกรณ์พกพาเข้าห้องน้ำไปอีก 1
.......วันที่ 25 พฤษภาคม คุณหมอด้านต่อมไร้ท่อมาคุยเรื่องแคลเซียมว่าให้เต็มลิมิตแล้ว ถ้าหากยังไม่ดีขึ้นต้องเปลี่ยนเป็นแบบเม็ดฟู่ และพรุ่งนี้ตัดไหมได้แย้วววววว คุณหมอกายภาพแวะมาหาช่วงเย็น บอกให้ทำท่ากายภาพประมาน 4 ท่า
.......วันที่ 26 พฤษภาคม อาการชาดีขึ้นแล้ว แต่ค่าเลือดยังไม่ดี นอนต่อไปจ่ะ.....คุณหมอมาตัดไหมแล้วค่า แผลแห้งดี มีแพ้ผ้าก๊อตนิดหน่อย
......วันที่ 27 พฤษภาคม ยังไม่ให้กลับบ้านรอค่าแคลเซียมให้ดีกว่านี้ก่อน (จากวันที่ค่าแคลเซียมตกวันก่อนพูดเลยว่าแอบกลัวเหมือนกัน ความรู้ใหม่...ถ้าร่างกายขาดแคลเซียมมากๆ อาจทำให้หัวใจหยุดเต้นได้) รอคุณหมอต่อมไร้ท่ออนุญาตให้กลับ แผลแห้งดี พร้อมให้ยาทาเพิ่มความชุ่มชื่น เช้า-เย็น
.......วันที่ 28 พฤษภาคม กลับบ้านด้ายยยย ดีใจเป็นที่สุดเลยยยยยย
ปล.1 คราวหน้าจะมาเล่าเรื่องการเตรียมตัวกลืนแร่กับผลการรักษา
ปล.2 อาหารการกิน กินได้ทุกสิ่งไม่มีห้าม
ปล.3 ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้🙏 อยากบอกเพียงแค่ว่ากำลังใจจากตัวเองเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ถ้าใจเราแข็งแรงพอต่อให้เจอเรื่องร้ายแค่ไหน เราก็จะพร้อมยิ้มรับกับสิ่งนั้น
ปล.4 ขอบคุณโรคนี้ที่มาพิสูจน์ใจว่าเราพร้อมแค่ไหน....✌
ปล.เพิ่มเติม เชื่อว่าตอนนี้ทุกคนหลังอ่านจบเริ่มสังเกตคอตัวเอง
โฆษณา