3 ก.ค. 2021 เวลา 11:03 • ท่องเที่ยว
ทุ่งกังหันลม เขาค้อ .. ณ ไร่ GB
ในฤดูที่ความชุ่มฉ่ำของเม็ดฝนเริ่มตกลงมาโปรยปราย เติมความสดใสให้แก่ผืนดินเช่นในตอนนี้ .. ไอดินกลิ่นฝนที่ชวนให้นึกถึงจุดเช็กอินยอดฮิตในฤดูฟ้าฉ่ำอันดับต้น ๆ ของไทย เชื่อว่าจะต้องมีชื่อของ “เขาค้อ” จังหวัดเพชรบูรณ์ รวมอยู่ด้วยแน่นอน
“เขาค้อ” ไม่ได้มีเพียงแค่ทะเลหมอกเท่านั้น .. หากยังมีทุ่งดอกไม้สวย ๆ อย่างทุ่งเวอร์บีน่า ที่บานสะพรั่งสวยงาม ณ บริเวณทุ่งกังหันลม เป็นแม่เหล็กดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมาเชยชม
ทุ่งกังหันลม ณ เขาค้อ .. ตั้งอยู่ที่บ้านเพชรดำ ตำบลทุ่งสมอ อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวในดินแดนมะขามหวานที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว จากผู้คนที่มาเยือนเขาค้อ ..
… นอกจากจะมีวิวกังหันลมใหญ่ยักษ์สูงกว่าร้อยเมตรให้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกแล้ว ยังมีสถานที่หลายแห่ง พร้อมกิจกรรมให้ทำมากมาย ท่ามกลางอากาศเย็นสบาย และวิวยังสวยน่าประทับใจ
เนื่องจากพื้นที่ของทุ่งกังหันลมนั้นกว้างขวาง ปกติจะมีรถพ่วงบริการนักท่องเที่ยว พาไปชมสถานที่ท่องเที่ยว จุดชมวิวเป็นรอบๆไป .. แต่น่าเสียดายที่ 2 ครั้งหลังสุดที่เราไปเยือน รถพ่วงหยุดให้บริการด้วยสาเหตุบางประการ
ชาวบ้านโดยรอบพื้นที่เขาค้อ ส่วนใหญ่จะเป็นชาวม้ง ... ทางชุมชนได้มีการจัดสรรพื้นเป็นสัดส่วน โดยแยกบริเวณลานจอดรถ และพื้นที่ขายของให้กับชาวบ้าน รวมทั้งจัดจุดท่องเที่ยวต่าง ๆไว้ดีและเป็นระเบียบ ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินเที่ยวชมได้ง่าย
ในโซนของร้านค้า มีร้านค้าหลายสิบร้าน จำหน่ายสินค้าหลากหลาย .. ทั้งผัก ผลไม้สด ๆ ผลิตภัณฑ์แปรรูป และสินค้าพื้นเมือง ในราคาที่ไม่แพง ให้นักท่องเที่ยวได้ชิม และช้อปปิ้งกันเพลินใจสุดๆ
บางส่วนของพื้นที่ได้รับการจัดสรรเป็นไร่ผลไม้ ดอกไม้ และเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปชม ทำกิจกรรม และถ่ายภาพ ...
… เราเลยถือโอกาสแวะเข้าไปที่ไร่ GB ติดกับทุ่งกังหันลม และอยู่ใกล้สุด โดยเสียค่าเข้าชมคนละ 20 บาท
ไร่ GB .. ทันทีที่เราก้าวผ่านเข้าไปในบริเวณไร่ จะมองเห็นประติมากรรมรูปม้าหลายตัวที่ประกอบและสร้างสรรค์ขึ้นมาจากไม้ท่อนสั้นๆจำนวนมาก ฝีมือดีทีเดียว
ส่วนกลางของไร่ เป็นพื้นที่ ที่มีการปลูกดอกไม้ในพื้นที่กว้างขวาง ... ดอกเวอร์บีน่าสีม่วงฉ่ำออกโทนอ่อนหวาน สุดสวย ที่กำลังชูช่อเหมือนพรมดอกไม้ พลิ้วไหวในสายลม ราวกับจะโบกมือทักทายนักท่องเที่ยวที่มาเยือน
... โดยมีดอกคัตเตอร์สีขาวฟรุ้งฟริ้ง สวยฟูดูละมุนไปทุกมุม และดอกไม้อีกบางสายพันธุ์แทรกแซมสลับให้ทิวทัศน์น่ารื่นรมย์ไล่เรียงสลับสีสันไปจนสุดปลายสวน ราวกับเรากำลังเดินชมสวนดอกไม้ในยุโรป
... เป็นความฟินในช่วงหน้าฝน ท่ามกลางบรรยากาศของขุนเขา สายลม และความชุ่มฉ่ำของสายฝน ที่ควรค่าแก่การมาสัมผัส
ณ จุดกลางของไร่ .. มีประติมากรรมม้าขนาดใหญ่ในท่วงท่ากำลังคึกคะนอง ยกขาหน้าขึ้นตะกุยท้องฟ้า .. มีดอกกะเจียวสีม่วงจัดจ้าน เบ่งบานล้อมรอบ สวยปังมาก
ดอกหญ้าที่กำลังเริงระบำล้อลมแรง .. งดงามในสายตาและเลนส์กล้อง จนฉันรู้สึกเหมือนกำลังเดินทางผ่านทะเลดอกหญ้าอันนุ่มนวล
ณ มุมหนึ่งของสวน .. เรามองเห็นกังหันลมขนาดยักษ์
ว่ากันว่า ... กังหันลมที่นี่มีทั้งหมด 24 ต้น แต่ละต้นใหญ่อลังการมาก สูงถึงกว่า 100 เมตร แต่ละใบพัดยาว 60 เมตร และต้นที่ใกล้ที่สุดจะอยู่บริเวณลานจอดรถใกล้กับไร่จีบีนี่เองค่ะ
กลิ่นกาแฟ หอมฟุ้งขจรขจาย นำทางเรามายังร้านกาแฟของไร่ ... ด้านหน้ามีชิงช้าให้เข้าไปเล่นอยู่ 2 แบบ คือ ชิงช้าธรรมดาแบบที่เราคุ้นเคยกันดี และ ชิงช้าชาวเขา ที่ท้าทายทั้งเขาและเราให้เข้าไปนั่ง วัดใจในขณะที่ชิงช้าถูกแกว่งไกว โล้ไปในอากาศ เรียกความรู้สึก “เสียวไส้” ท้าทายแต่สนุกสุดๆ
จุดชมวิว อยู่ใกล้กับร้านกาแฟ ..
… ณ มุมนี้อยู่บนเนินเขาสูง ไกลลิบๆออกไปคือเทือกเขายาวเหยียด กว้างไกลยิ่งกว่าพาโนรามา จนภาพที่อยู่ในใจกลายมาเป็นภาพจริงตรงหน้า ... เมื่อมองออกไปมองเห็นทิวเขาสูงสลับกับหุบเขาบนพื้นราบ สีเขียวสดใสดูสวยงาม มีแนวถนนคดโค้งที่นำเรามาถึงตรงนี้ เติมเป็นภาพที่สวยงามได้อย่างลงตัว
.. ฉากหน้าของดอกหญ้า พาสายลมอ่อนโบกโบยมากระทบผิวกายเรานั้นเย็นสดชื่นมาก เป็นมุมถ่ายรูปที่สวยแปลกตา บรรยากาศดีสุดขั้นเทพ ฟีลกู้ดสุด ๆ
ใครบางคนเล่าว่า .. ช่วงปลายเดือนตุลาคมเป็นต้นไป สตรอว์เบอร์รีในไร่ GB ด้านล่างของพื้นที่ที่เรายืนอยู่ตอนนี้จะออกผล
.. นักท่องเที่ยวสามารถที่จะไปถ่ายรูปกับไร่สตรอว์เบอร์รีใกล้ๆบริเวณนี้กันได้ นักท่องเที่ยวที่รักสตรอว์เบอร์รีต้องไม่พลาด
… น่าเสียดายที่ในช่วงที่เราไปเยือน มองเห็นแค่แปลงปลูก
กระท่อมไม้ไผ่ริมเขา ตั้งเรียงรายอยู่ประมาณ 5 หลัง ...
… นักท่องเที่ยวสามารถที่จะไปนั่งกินข้าวชมวิวชิล ๆ ได้ในบริเวณนี้ น้องที่ทำงานในร้านกาแฟเล่าว่า ในช่วงปลายฝนต้นหนาว จะมีสายหมอกขาวๆลอยอ้อยอิ่งให้ได้ชมกันด้วย .. อิ่มทั้งท้องและใจ เก็บเกี่ยวความประทับใจกลับไปเต็มกระบุงเชียวค่ะ
ลมโบกโบยผ่านยอดไม้ ... ฉันเริ่มเพลิดเพลินกับการส่งสายตาไปกับบรรยากาศรอบตัว ... โลกของฉันในเวลานี้ คล้ายกับย่อส่วนเหลือเพียงสิ่งที่เห็นตรงหน้า ... เวลาคล้ายไม่มีอยู่จริงๆ .. โลกเล็กลง ทว่าชัดเจนในดวงตา
ใครบางคนเคยบอกว่า ชีวิตควรเป็นไปตามธรรมชาติ ไม่แข็งขืน ฝืนใจ .. นี่คงจะเป็นจังหวะจะโคนแห่งชีวิต ที่ไหลหลั่งดั่งสายน้ำ สงบนิ่งดุจก้อนหินในลำธาร .. ที่นำเรามายังสถานที่ชวนฝัน เหมือนได้เข้าไปนั่งอยู่ในโลกของเทพนิยาย จนแทบไม่อยากหลุดออกมาเลยทีเดียว
*******************
เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลกกับพี่สุ … รวม link บทความที่เขียนในเพจ ..
***เมืองไทย ไดอารี่ by Supawan
***Supawan’s colorful world
***สถานีอร่อย by Supawan
โฆษณา