10 ก.ค. 2021 เวลา 13:54 • ท่องเที่ยว
มัณฑะเลย์ (05) .. ล่องแม่น้ำเอยาวดี สู่อาณาจักรมิงกุน
โปรแกรมของวันนี้ เราจะไปเยือนอาณาจักรมิงกุนกันค่ะ
เราต้องเดินทางโดยการล่องเรือไปตามแม่น้ำเอยาวดี โดยใช้บริการเรือที่ไม่รู้ว่าเขาเรียกอะไร แต่ฉันจะเรียกเรือยนต์ ก็แล้วกันนะคะ เพราะมีเสียง ตั๊กๆๆๆๆๆ ไปตลอดทาง รูปร่างเหมือนกับในรูปที่เห็นค่ะ
เรานั่งรถแท็กซี่มาสด้าคันเล็กเจ้าเก่ามาลงที่ท่าเรือ มัณฑะเลย์เป็นเมืองท่าค้าขายกับต่างประเทศมาช้านานในอดีต
ปัจจุบันเป็นท่าเรือที่มีคนโดยสารและสินค้าเข้าออก ขนขึ้น ขนลงจากเรืออยู่ตลอดเวลา จึงเป็นท่าเรือที่คึกคักด้วยความเคลื่อนไหวของผู้คนและสินค้าที่ขึ้นลงมากมายที่นี่
การเดินทางไปมิงกุน ชาวต่างชาติต้องซื้อตั๋วจากเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ท่าเรือนั่นเองค่ะ เขาจะจัดเองว่าจะให้เรานั่งที่เรือลำไหน ขณะรอก็นั่งสังเกตความเคลื่อนไหวต่างๆที่น่าสนใจรอบๆตัวไปพลางๆ
ชีวิตของชาวมัณฑะเลย์ที่ท่าเรือ เคลื่อนไหวเหมือนภาพยนตร์ที่ผ่านสายตาเราไปช้าๆ เป็นธรรมชาติ ... สะท้อนถึงวิถีชีวิต และความเป็นอยู่ของชาวบ้านในระดับที่ต้องปากกัดตีนถีบ
… แม้จะยากลำบาก แต่พวกเขาก็โอบกอดความทุกข์ยากนี้ให้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่ต้องดำเนินไปทุกๆวัน อาจจะด้วยความหวังว่าชีวิตในวันนี้จะผ่านไปด้วยดี และมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในสักวันหนึ่ง
เราลงเรือพร้อมกับคนชาติต่างๆอีกหลายคน … ฉันสังเกตเห็นว่านักท่องเที่ยวในมัณฑะเลย์ไม่ค่อยจะซำเหมา ซอมซ่อเท่าไหร่ค่ะ ส่วนใหญ่จะแต่งตัวดีพอสมควร และมีคนสูงอายุอย่างฉันปนอยู่ด้วยจำนวนไม่น้อย
… อาจจะเป็นเพราะเป็นเมืองที่ไม่ต้องปีนป่ายมากมายเท่าใดนัก สามารถเดิน นั่งรถแท็กซี่ หรือรถไซกะ (รถจักรยานพ่วงข้าง โดยผู้โดยสาร 2 คนต้องหันหลังชนกัน) มีบริการมากมายในเมืองนี้
“เอยาวดี” แปลว่า “มหานที” เป็นทั้งอู่ข้าวอู่น้ำ และอู่อารยะธรรมที่หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณชาวพม่ามาช้านานนับพันปี มีต้นกำเนิดมาจากภูเขาในรัฐกะฉิ่น ตอนเหนือสุดของพม่า ไหลผ่านใจกลางประเทศไปออกทะเลอันดามัน ที่เขตอิระวดี ใกล้กรุงย่างกุ้ง รวมทั้งสิ้น 2,170 กิโลเมตร
สายน้ำเอยาวดีราบเรียบพอสมควร น้ำเป็นสีน้ำตาลอ่อน แม่น้ำกว้างขวาง สองข้างเป็นสันทรายที่มีตลิ่งสูง มองไม่ค่อยเห็นสีเขียวของต้นไม้เท่าไหร่ คงเพราะพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นทราย ขาดความชุ่มชื้น ต้นไม้จึงไม่ขึ้นและเติบโตได้
ตลอดทางฉันเห็นมีการโกยทรายอย่างเป็นล่ำเป็นสันจากสองฝั่งแม่น้ำ ใส่ลงในเรือทั้งลำเล็ก ลำใหญ่ คงเอาไปใช้ในการก่อสร้าง เพราะอุตสาหกรรมที่ต้องใช้ทราย เช่นอุตสาหกรรมแก้ว ไม่ค่อยจะมีมีประเทศพม่า
วิถีชีวิตริมน้ำที่ผ่านสายตา และเลนส์กล้อง … บรรยากาศรอบบริเวณแม่น้ำดูมัวซัว ไม่แจ่มใส ท้องฟ้าสีหม่นเหมือนมีหมอกควันปกคลุม ชวนให้รู้สึกหดหู่ ไม่แจ่มใสตามไปด้วย ไม่รู้ถึงสาเหตุของอากาศที่เป็นแบบนี้ค่ะ
หมู่บ้านเอยาวดี ที่มองดูแล้วเหมือนบ้านกึ่งแพ ที่สะดวกในการย้ายไปย้ายมา ด้วยระดับน้ำในแม่น้ำในแต่ละฤดุกาลต่างกันมาก
เรือแล่นมาราว 2 ชั่วโมง ฉันก็เริมมองเห็นสถานที่แห่งหนึ่งใหญ่โต รวมถึงสิ่งก่อสร้างที่ดูเหมือนเจดีย์ บ้านเรือน ค่อยๆชัดเจนขึ้นเรื่อยๆตามสัดส่วนของระยะทางที่เรือแล่นเข้าไปใกล้ฝั่ง
ยิ่งเราเข้าไปใกล้ฝั่ง ภาพที่เห็นสลัวๆเมื่อครู่ก็ยิ่งชัดเจน … นี่คือ “มิงกุน” ส่วนหนึ่งของอมรปุระ ที่อยู่บนเกาะกลางลำน้ำเอยาวดี เป็นที่ตั้งของอนุสรณ์สถานที่ยิ่งใหญ่ของพระเจ้าปดุง
“พี่ดูนั่นสิ … เกวียนหลายอันเลย มีเขียนไว้ว่า Taxi ด้วย” เพื่อนร่วมทาง ชี้มือให้ฉันดูเกวียนเทียมโค ที่กำลังบ่ายหน้ามาที่ท่าเทียบเรือ เพื่อรับผู้โดยสารที่ต้องการนั่งเกวียนชมเมือง
เราไม่ได้ใช้บริการเกวียนแท็กซี่ค่ะ แต่เลือกที่จะเดินไปตามทางริมน้ำ ผ่านกลุ่มคนที่กำลังขนหญ้าขึ้นจากเรือ ฉันเดาเอาว่าคงเป็นหญ้าที่จะนำไปเลี้ยงโค …
บนฝั่งมีต้นงิ้วที่มีดอกสีแดงสดใสอยู่เต็มต้น น่าแปลกที่ต้นงิ้วต้นโตๆมีอยู่มากมายในมัณฑะเลย์
*******************
เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลกกับพี่สุ … รวม link บทความที่เขียนในเพจ ..
***เมืองไทย ไดอารี่ by Supawan
***Supawan’s colorful world
***สถานีอร่อย by Supawan
โฆษณา