12 ก.ค. 2021 เวลา 12:00 • ธุรกิจ
ใครคือเจ้าของ Whoscall แอปพลิเคชันบอกเบอร์แปลก
1
ทุกคนเคยประสบปัญหากับเบอร์โทรศัพท์แปลก ๆ ไหมคะ
บางทีก็เป็นเบอร์คนส่งของ บางทีก็เป็นเบอร์โทรมาขายประกัน สินเชื่อ
หรืออย่างเลวร้ายที่สุดก็เป็นเบอร์ที่โทรมาเพื่อมาหลอกเอาข้อมูลจากเรา
4
เรื่องนี้ทำให้หลายคนเลือกที่จะหลีกเลี่ยงการรับเบอร์แปลก
จนกลายเป็นว่าบางครั้งก็พลาดสายสำคัญ ๆ ไป เพราะปฏิเสธการรับเบอร์แปลกทุกเบอร์
วันนี้ลงทุนเกิร์ลจะพาทุกคนมารู้จักกับแอปพลิเคชัน Whoscall
ซึ่งจะคอยช่วยบอกเราว่า เบอร์ที่โทรเข้ามาเป็นเบอร์ใครกันแน่ แม้เราจะไม่เคยบันทึกเบอร์เหล่านั้นก็ตาม
1
Whoscall น่าสนใจอย่างไร ? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
จุดเริ่มต้นของ Whoscall นั้นมาจากคุณ Jeff Kuo หนุ่มชาวไต้หวัน ซึ่งได้รับสายจาก Spam Call จนทำให้เขาเริ่มอยากที่จะทำแอปพลิเคชันที่ช่วยป้องกัน การได้รับสายอันไม่พึงประสงค์นี้
พอเรื่องเป็นแบบนี้ เขาและเพื่อนอีก 2 คน ได้แก่ คุณ Jackie Chang และคุณ Reiny Song จึงได้รวมตัวกัน เพื่อช่วยสร้างแอปพลิเคชัน Whoscall ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในปี 2010 ทาง Google Play
5
หลังจากที่เปิดตัวได้ไม่นาน แอปพลิเคชันนี้ก็ได้รับเสียงตอบรับอย่างดีจากหลายประเทศ
2
และแอปพลิเคชันนี้ก็ยิ่งได้รับความสนใจยิ่งขึ้นไปอีก เมื่ออดีต CEO ของ Google ได้กล่าวถึง Whoscall ขณะเดินทางไปที่ไต้หวัน ในปี 2011 ว่า
1
“Whoscall จะบอกว่าเบอร์แปลก ๆ ที่โทรมาหาคุณคือใคร
โดยแอปพลิเคชันนี้ก็เติบโตไวมากทั้งในสหรัฐอเมริกา, อินเดีย และจีน และมันถูกสร้างขึ้นที่ไต้หวัน”
สำหรับในช่วงแรก ๆ ของการทำแอปพลิเคชัน Whoscall เหล่าผู้ก่อตั้งทั้ง 3 คนยังมองว่า Whoscall เป็นเพียงแค่งานพาร์ตไทม์เท่านั้น แต่เมื่อได้รับผลตอบรับที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขาจึงตัดสินใจหันมาทุ่มเทเวลาให้กับ Whoscall มากขึ้น
และในที่สุด ปี 2012 ทั้ง 3 คนก็ได้ก่อตั้งบริษัท Gogolook ขึ้น
โดยมีเป้าหมาย เพื่อป้องกันการถูกฉ้อโกงผ่านทางโทรศัพท์ให้กับคนทั่วโลก
1
ที่น่าสนใจ คือ Whoscall ใช้เวลาไม่นาน ก็กลายเป็นหนึ่งในแอปพลิเคชันที่ได้รับความสนใจจากคนทั่วโลก และยังมียอดผู้ใช้เติบโตในหลาย ๆ ประเทศอีกด้วย
1
ซึ่งความโดดเด่นของ Whoscall นี้ก็ได้ไปเตะตา บริษัท Naver ผู้เป็นเจ้าของแอปพลิเคชันแช็ต LINE ที่เรารู้จักกัน และทำให้ Naver ตัดสินใจเข้าซื้อบริษัท Gogolook ในปี 2013 ด้วยจำนวนเงินกว่า 375 ล้านบาท
1
ต่อมาในปี 2014 Whoscall ก็เปิดให้ดาวน์โหลดบน App Store เป็นครั้งแรก
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ บางคนอาจจะยังสงสัยว่าแล้ว Whoscall ทำงานอย่างไร
และรู้ได้อย่างไรว่า เบอร์แปลก ๆ เหล่านั้นเราควรจะรับหรือไม่
2
หนทางแรกของบริษัทก็คือ การร่วมมือกันกับองค์กร หรือบริษัทอื่น ๆ
1
อย่างเช่น การร่วมมือกันของ Gogolook และบริษัทด้านการขนส่งสินค้าอย่างบริษัท Transnet
โดยการร่วมมือในครั้งนี้ก็เพื่อเพิ่มอัตราในการรับสายของพัสดุที่กำลังจะส่งถึงบ้าน
2
หรือการเข้าซื้อบริษัท Call Defender ซึ่งเป็นบริษัทที่มีรูปแบบคล้าย ๆ กับ Whoscall จากฮ่องกง
เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของแอปพลิเคชันที่กำลังเป็นที่นิยมไปทั่วโลก
2
นอกจากนี้ทางบริษัทยังได้ร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติของไต้หวัน และสำนักงานตำรวจแห่งชาติของเกาหลี เพื่อร่วมมือกันแลกเปลี่ยนข้อมูล เทคนิคต่าง ๆ
เพื่อต่อต้านและเรียนรู้รูปแบบการฉ้อโกงที่เกิดขึ้น และนำมาพัฒนาระบบให้ดียิ่งขึ้น
1
ส่วนหนทางที่สองก็คือ จากการกรอกข้อมูลของผู้ใช้งาน Whoscall
1
โดยผู้ใช้งานทุกคนสามารถกรอกข้อมูลเบอร์โทรศัพท์ไม่พึงประสงค์ลงในแอปพลิเคชันได้
ซึ่งข้อมูลในส่วนนี้ก็จะถูกแชร์ไปยังผู้ใช้งานคนอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน
1
ปัจจุบันมีผู้ใช้งาน Whoscall มากกว่า 80 ล้านคน จาก 31 ประเทศทั่วโลก
รวมถึงมีข้อมูลเกี่ยวกับเบอร์โทรศัพท์กว่า 1,600 ล้านเบอร์อยู่ในฐานข้อมูล ซึ่งมีทั้งเบอร์ที่คนไม่ได้ต้องการบันทึก เช่น เบอร์คนส่งของ หรือเบอร์ที่เราควรหลีกเลี่ยงรวมกัน
3
เมื่อมาถึงตรงนี้หลายคนอาจมองว่า Whoscall ก็คงเป็นเพียงแค่แอปพลิเคชันธรรมดา ๆ ที่นอกเหนือจากการที่บอกเบอร์โทรศัพท์ที่สมควรรับหรือไม่รับ ก็ไม่สามารถทำอะไรได้อีก
แต่ในความเป็นจริงแล้วสำหรับ Whoscall กลับไม่ได้มองตัวเองเป็นแบบนั้น
ด้วยฐานข้อมูลที่ Whoscall มีเกี่ยวกับการฉ้อโกงในรูปแบบต่าง ๆ ทางโทรศัพท์
รวมถึงข้อมูลเบอร์โทรศัพท์มากมาย ทำให้บริษัทเริ่มหันเข้ามาสู่ธุรกิจด้าน FinTech
เพราะการฉ้อโกงส่วนใหญ่มักจะอยู่ในอุตสาหกรรมเกี่ยวกับการเงินทั้งนั้น
ไม่ว่าจะหลอกให้ทำสินเชื่อ หลอกให้โอนเงิน หลอกเอาเลขบัตรเครดิต
1
และบุคคลที่ทำงานในอุตสาหกรรมเหล่านี้ก็มักจะรับค่าจ้างเป็นเงินสด เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบจากตำรวจและธนาคาร ทำให้เกิดเป็น “เครดิตที่มองไม่เห็น”
พอเรื่องเป็นแบบนี้ บริษัท Gogolook จึงวางแผนการเปิดตัวอีกแพลตฟอร์มชื่อว่า “Roo”
โดยเป็นแพลตฟอร์มที่มีหน้าที่เอาไว้เปรียบเทียบสินเชื่อต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับผู้ที่ต้องการสินเชื่อ
และนำข้อมูลเบอร์โทรศัพท์ของคนที่เคยถูกรายงานมายัง Whoscall ว่าเป็นผู้ฉ้อโกง
หรือเป็นเบอร์ที่มีการถูกบล็อกบ่อยครั้งหรือไม่ ทำงานร่วมกับ AI เพื่อช่วยในการตรวจสอบ
“เครดิตที่มองไม่เห็น” ของบุคคลนั้น ๆ ให้แก่ธนาคาร
2
ช่วยให้ธนาคารสามารถตรวจสอบ และสามารถประเมินการให้เครดิตแก่บุคคลนั้น ๆ ได้ดีขึ้น
และในอนาคตอาจรวมไปถึงการสมัครบัตรเครดิต การซื้อประกัน และการลงทุนต่าง ๆ ด้วย
ซึ่งก็เป็นที่น่าติดตามว่าในอนาคตบริษัท Gogolook
จะทำให้ Whoscall และ Roo สามารถเติบโตไปได้ในทิศทางไหนต่อไป
3
และกรณีของคุณ Jeff Kuo เองก็ถือว่าเป็นแรงบันดาลใจที่ดีมากทีเดียว
เพราะเพียงแค่โทรศัพท์หนึ่งสาย ก็สามารถเปลี่ยนให้กลายเป็นแอปพลิเคชันที่คนใช้ทั่วโลก
แล้วสำหรับพวกเราเอง ในอนาคตก็อาจจะมีโทรศัพท์ที่โทรเข้ามาเพื่อเปลี่ยนชีวิตเราก็ได้..
1
โฆษณา