13 ก.ค. 2021 เวลา 02:29 • ไลฟ์สไตล์
กักตัว...
ชีวิตคือ... ชีวิต
ช่วงที่ได้อยู่กับตัวเองนานพอสมควร​ เพราะออกไปไหนไม่สะดวก​ ทุกวันก็จะมีกันสามคนแม่ลูก
แม่​ สาวน้อยวัย​ 79 ปี​ คือไม่ยอม​ 80​ ซักที​ เป็นเสาหลักของบ้าน  เช้าไปตลาดเย็นไปตลาด​ เรื่องปรุงอาหารต้องยกให้เป็นที่1ของที่บ้าน... อย่าถามเหตุผล​ เข้าใจตรงกันนะ
พี่สาว​ ทำงานประจำที่ตัวอำเภอ  นั่งรถส่วนตัวไปทำงาน​ ไปเช้าเย็นกลับ​ ไปเป็นอยู่​ 2 ที่​ บ้านกับที่ทำงานด้วยสถานะการณ์​ไม่เอื้อให้ทำกิจกรรมที่ชอบได้​ เช่น​ เดินร้านหนังสือ​ ดูกระเป๋ารองเท้า​(หนักไปทางดู)​ หรือนั่งรับประทานอาหารตามร้านอร่อยๆกันในครอบครัวนี่ตัดออกจากชีวิตกันไปเลย​ ตั้งแต่ปีใหม่​ 2564​
ตัวเราเอง​ มีกิจกรรมปลูกต้นไม้​ และจัดการสวนหลังบ้านให้มีความสวยงามตามสายตาเราเอง​ เศษใบไม่กิ่งไม้และวัชพืชถูกรวบรวมไว้เพื่อนำมาทำปุ๋ย​ให้แก่ต้นไม้​ และงานจิปาถะต่างๆภายในบ้าน​ เลยไม่ค่อยจะได้ออกไปไหนมาไหนมากมายนัก... แทบไม่ไปไหนเลย
เราสามคนยังไม่มีใครได้ฉีดวัคซีนกันโควิด
.... คิวกำลังจะมาถึงแล้ว
จากเดือนมกราคมยาวมาจนผ่านเมษายนมาได้กับสุขเล็กๆในบ้านหลังน้อยค่อยๆผ่านกันไป​ ตราบจนเดือนมิถุนายนจบลงด้วยอากาศร้อน​
ร้อนจนตับแทบแตก
จนกระทั่ง​ 12​ กรกฎาคม​ 2564
จุดจบซ้อนทับกับจุดเริ่มต้น
พี่สาวโทรมาบอกว่า​ เธอได้กลายเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะติดเชื้อโควิดเข้าให้แล้ว​ และจะกักตัวภายในบ้านโดยจะแบ่งส่วนหลังบ้านเป็นที่กักตัว​ และให้ช่วยกันแม่ให้อยู่ห่างๆ​ เว้นระยะให้พองาม​ ตอนที่กลับบ้าน​ หลังจากต้องไปกับหมู่คณะเพื่อตรวจหาเชื้อกันที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด
โพล๊ะ
เราโพล่งด้วยความคิดที่ว่องไว
เอางี้ไหม​ ให้แม่ไปพักกับพี่ชายที่ตัวจังหวัดช่วง​14​ วันก่อนดีไหม​ ผมจะอยู่ไปเป็นเพื่อนเอง
พี่สาวตอบกลับสั้นๆ
ดี​ ไปทั้งคู่เลย...โทรไปหาพี่ชายด้วย​ ให้มารับไปเลย​ ไม่ต้องรอ
ครับ...
เอาเข้าแล้ว​ คิดไม่ถึง1  ขีนเราอยู่​ ถ้าเป็นก็ได้เป็นกันทั้งคู่ซิ... ไปทั้งคู่เลยดีกว่า
เริ่มต้นติดต่อพี่ชาย​ ช่องทางที่1  ไม่สามารถติดต่อได้​ ช่วงเร่งด่วนมักเป็นเช่นนี้เสมอ​ ไม่เคยติดต่อให้ได้ทันใจในเวลาเร่งด่วน
ช่องทางที่​ 2  รอดพี่ชายรับสายพร้อมตกปากรับคำว่าจะเข้ามารับก่อนพี่สาวจะกลับบ้านมา​
โล่งอกทางสะดวก... เราจะรอดไปด้วยกัน
เดินไปบอกแม่ให้รู้ว่าพี่สาวได้กลายร่างเป็นกลุ่มเสี่ยงไปเสียแล้ว​ ตอนนี้กำลังเดินทางไปตรวจหาเชื้อที่ตัวจังหวัด​ และขอให้แม่เตรียมเสื้อผ้าเพื่อไปพักที่บ้านของพี่ชาย​ในเบื้องต้นก่อน​ แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้​ แค่เตรียมตัวไว้ก่อน​ อาจมีการปรับแผนเพื่อความเหมาะสม
แม่ถาม​ ติดมาจากไหน...
เราตอบ​ ไม่รู้ๆๆ...
แม่เดินเข้าห้อง​ จัดเตรียมเสื้อผ้าใส่กระเป๋าให้พร้อม​  ท่าทางเซๆ​ มึนๆงงๆ​ ปนโมโหคนที่เอาเชื้อมาใกล้ลูกสาว
เรายังเดินวนไปวนมาซักพักก่อนตัดสินใจเดินไปคุยกับแม่​
1
พี่สาวเป็นแค่กลุ่มเสี่ยงนะ​ เพราะใกล้ชิดกับคนที่ติดเชื้อโควิดมา​ อาจไม่ติดก็ได้​ เราแค่เตรียมตัวกันไว้ก่อน​ ไม่ได้ติดเชื้อมาแล้ว​ ต้องรอผลตรวจจากโรงพยาบาลก่อน​
แม่ทำท่าเข้าใจ​ แล้วเดินกลับไปจัดกระเป๋าต่อ​ มากมายความคิดคงผุดมาในหัวแม่... ลูกรักของแม่
ซักพัก​ พี่ชายโทรมา​ บอกว่า​ เราทั้งสามคนแม่ลูกต้องกักตัวทุกคนเลยนะ​ เพราะไม่รู้ว่าติดเชื้อกันหรือเปล่า​ หากมีการเคลื่อนย้ายตอนนี้​ จะไม่ดีเท่าไหร่​ อาจเป็นพาหะแพร่กระจายเชื้อได้
คิดไม่ถึง2  ตาแทบถลนออกจากเบ้า​ เรานี่คิดอะไรไม่รอบคอบเลยดีที่มีหลายคนช่วยกันคิดคนละอย่าง2อย่างแล้วค่อยเลือกสิ่งที่ดีที่สุดมาใช้​
รับฟังกันบ้าง... ลดความสูญเสียได้มาก
วางสายจากพี่ชาย​ ก็รีบโทรไปหาพี่สาว​
สรุปว่า... เราสามคนกักตัวพร้อมกัน​ แต่แยกส่วนกันอยู่
ที่สำคัญ... แจ้ง​ อสม.​ ว่าเราจะกักตัวเนื่องจากเป็นกลุ่มเสี่ยง​ โดยจะมีหนังสือจากโรงพยาบาลให้ทำการกักตัว
การเตรียมการก็เริ่มขึ้น​ เริ่มจากคุยกับแม่ก่อน​ แล้วค่อยหาอะไรให้แม่ทำ​ ไม่อยากให้ท่านอยู่เฉยๆ​ เพราะจะคิดมาก​
และคิดๆๆๆๆ.... ประสาทจะแดกก่อนโดนโควิดแดก
1
ชวนแม่จัดห้องนอนให้พี่สาว​ เรายกที่นอนมา​ แม่หาผ้าปูที่นอนหมอนผ้าห่มเอามาค่อยๆจัด​ ค่อยๆทำ​
้พอยกของหนักเสร็จก็ปลีกตัวไปเตรียมห้องน้ำหลังบ้าน​
กลับมาก็พอดีแม่ปูที่นอนเสร็จ
น้องสาวของพี่สาวก็โทรมา​ แจ้งวิธีการกักตัว
อันดับแรกต้องไม่เครียด...
อันนี้เราทำได้ค่อนข้างดี​ ก็บอกเขาไปว่าพร้อมรับมือได้(คิดไม่ถึงไป2รอบ)​
เรื่องอาหารต้องจัดอาหารใส่ถุง​ ไปให้พี่สาว​นำไปใส่ภาชนะที่เตรียมไว้... และให้พี่สาวจัดการทำความสะอาดเอง(พี่สาวเราเหนือชั้นกว่าคือ​ กินในถุงเลย... ไม่ต้องล้าง)
และการอาศัยอยู่ร่วมกัน​ ต้องไม่เดินเฉียดกันไปมา​ ต้องเว้นให้ห่างมากๆไว้ก่อน
ใส่แมส ถูสบู่​ ทาเจล... มาเป็นสูตร
ห้องนอนแยก... ปกติแม่จะนอนห้องเดียวกับพี่สาว
ห้องน้ำแยก...
เสื้อผ้าต้องแยกทำความสะอาดไม่ให้รวมกับคนอื่น
เรื่องเสื้อผ้าเราเสนอให้เตรียมชุด​ 4  วันเลย​ ถ้าผลตรวจไม่พบเชื้อค่อยเอามาซักทีเดียว​ก็พอได้นะ
และให้มี​ สติๆๆ​ (จริงๆอยากได้สตางค์ด้วยนะ)
แม่บอกให้ไปล้างจานด้วยนะ...ไหนว่าคนแก่ขี้ลืม​ อุตสาห์ทำเนียนเลี่ยงไปทำอย่างอื่น​ แม่ยังจำได้​ แสดงว่า​ แม่ยังสาวอยู่
ปรึกษากับแม่เรื่องการใช้ชีวิตในบ้าน​ 4วันเป็นอย่างน้อย​ ตรวจสอบอาหารแห้ง​  ของสด อาหารค้างตู้... พร้อม​
1
4 วันพอไหว.... อาหารทิพย์เว้นไว้ก่อน
พี่สะใภ้โทรมาคุยบอกจะให้พี่ชายเอาเสบียงมาส่ง​ เราก็รีบบอกว่าตอนนี้ยังไม่สะดวกรับแขกนะ​ รอผลตรวจออกมาชัดเจนก่อนค่อยว่ากัน​
คุยกันซักพักก็ได้กองหนุน​ โดยตกลงกันว่าถ้าขาดเหลืออะไร​ จะมีกองหนุนส่งเสบียงมาให้โดยแขวนไว้ที่หน้าประตู​ โดยไม่ต้องแวะเข้ามาในบ้าน​ หายห่วงไปอีกหนึ่ง
แม่ยังคงขุ่นข้องใจคนที่ทำให้พี่สาวต้องมาตกอยู่ในภาวะกลุ่มเสี่ยง​ เราบอกว่า​น่าเป็นห่วงเขา​ เขามีครอบครัวมีแฟนมีลูก​ ไม่รู้ว่าจะติดเชื้อกันหรือเปล่า​
แม่เริ่มใจอ่อน... สงสารเขา
นั่งคุยกะแม่ไปเพลิน​ๆ​ จนพี่สาวกลับมา​ ค่อยได้คุยกัน​ พาพี่สาวตรวจงานดูว่ายังขาดเหลืออะไรบ้าง​
พี่สาวเล่าให้ฟังว่า​ ตอนตรวจจะโดนล้วงจมูก​ เขาบอกว่าเจ็บๆกัน​ ตรวจจริงไม่เห็นเจ็บเลย​ พอกลับมาถึงบ้านชักมีเจ็บบ้าง
1
และเล่าต้นเหตุว่า
คนที่ทำงานไป​กรุงเทพฯ​ กลับมาทำงานวันที่​ 28​ มิถุนายน​ 64​ และไปอีกหลายที่​ มีอาการไอ​ เหมือนเป็นไข้หวัดใหญ่​พอไปตรวจ​ก็เจอเชื้อโควิด​ เลยเดือดร้อนกันทั้งสำนักงาน​ ต้องไปตรวจหาเชื้อและกักตัวกันถ้วนหน้า... ผู้ป่วยเป็นคนมนุษย​สัมพันธ์​ดี​ ทุกคนต่อว่าผู้ป่วย​ แต่ก็เป็นห่วงไม่อยากให้เป็นอะไรมาก
ขอให้พระคุ้มครอง​ อย่าเป็นอะไรมากเลย
เราไม่รู้สึกโกรธเขา​ ที่ทำให้ครอบครัวเราวุ่นวายแบบนี้​ แม่ต้องทุกข์ใจและคิดไปต่างๆนานา​ พี่สาวต้องกระวนกระวายใจรอผลตรวจจะออกมาอย่างไร​ และที่สำคัญกลัวนำเชื้อไปติด... แม่
1
เราโกรธวัคซีน​ ที่ไม่ยอมเข้ามาอยู่ในร่างกายเราเสียที่​ วัคซีนที่มีประสิทธิ์ภาพสูง​
นี่เดือนกรกฎาคม​แล้ว​ มันน่าจะดีกว่านี้​
ถ้าไม่มีอะไรผิดปกติ​... ทุกคนน่าจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้
มองเข้าไปในดวงตาแม่​ สัมผัสลึกเข้าไปในหัวใจ​ แม่คงอยากกอดลูกไว้ในอ้อมอกเหมือนตอนเจ้ายังเป็นเด็กมีไข้ขึ้น​ ถ้าแม่เป็นแทนได้​ แม่จะเป็นเอง
แต่สิ่งที่ได้รับ.. มีเพียงเสียงเข้มๆของลูกสาว
... ออกไปห่างๆ
ความห่วงใย​
... ใยบางๆ​ ถึงห่างก็ห่วงกัน​ ลูกก็ห่วงแม่
พอทุกอย่างลงตัวแล้วก็... ​ แยกย้าย​ พักผ่อน
​ รอผลตรวจ
พรุ่งนี้.... ถ้า
โทรมาก็..... ติด
SMSมาก็รอด... รอบที่1
ยังมีอีก​ 2  รอบ​ ก่อนจะรอดในครั้งนี้
ฝึกเขียนไทม์ไลน์ก่อน​ เผื่อได้ใช้
1 ก.ค. 64  อยู่บ้าน
2 ก.ค. 64  อยู่บ้าน
3 ก.ค. 64  อยู่บ้าน
4 ก.ค. 64  อยู่บ้าน
5 ก.ค. 64  อยู่บ้าน
1
เขียนเรื่องจริงจะมีคนสงสัยไหมนะ?
... เขียนไปเหอะ
6 ก.ค. 64  อยู่บ้าน
7 ก.ค. 64  อยู่บ้าน
8 ก.ค. 64  อยู่บ้าน
9 ก.ค. 64  อยู่บ้าน
10 ก.ค. 64  อยู่บ้าน....11  กับ​ 12​ ก็​ อยู่บ้าน
1
คิดด้านบวก​ ตั้งแต่วันที่​ 28​ มิถุนายน​2564​ มาจนถึงวันที่​ 12​ กรกฎาคม​ 2564​ รวมระยะเวลา​ 14​ วัน​ อันเป็นระยะเวลาฟักเชื้อ​ เรายังไ่ม่มีอาการ​ ไอแห้งๆ​ เปอร์เซ็นต์การติดเชื้อน่าจะน้อยลง​
หวังว่าเราคงไม่ใข่  1  ใน​ 100
ในห้วงคำนึง...
ขนาดว่าบ้านเรามีความพร้อม​ ยังหัวหมุนกันทั้งบ้าน​ สิ่งที่เตรียมทำได้ยังคิดว่ายังขาด.... แล้วคนที่ขาดความพร้อม​... เขาจะลำบากกันแค่ไหน
ทำไมพื้นฐานชีวิตต้องต่างกันขนาดนั้น?
สอนตัวเอง
ถึงเวลา​ จะเป็นอะไรก็ต้องเป็น
ชีวิตการกักตัวเริ่มขึ้นแล้ว
13​ ก.ค. 64
1
โฆษณา