25 ก.ค. 2021 เวลา 01:30 • ไลฟ์สไตล์
‘ห่างกันสักพัก’ ดีต่อความรักและความสัมพันธ์กว่าที่คิดนะ!
“เราอยากอยู่คนเดียวบ้าง”
.
เมื่อคำคำนี้ออกมาจากปากคนที่เรารัก ความคิดมากก็ทำงานขึ้นมาโดยอัตโนมัติ นี่เราทำอะไรผิดไปหรือเปล่า เขาโกรธเราหรือเปล่านะ หรือว่าเขาจะเบื่อเราแล้ว? เรากังวลไปต่างๆ นานา
.
โดยเฉพาะคู่รักที่ตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋อยู่ตลอดเวลา ไม่ว่ากิจกรรมไหนก็ทำด้วยกัน หรือว่าจะเป็นคนในครอบครัวที่อยู่บ้านหลังเดียวกัน เป็นความสุขของกันและกันมาโดยตลอด
.
จนเราหลงลืมไปว่า คนเราต้องการ ‘เวลาส่วนตัว’ เป็นเรื่องธรรมดา
.
ไม่ว่าจะเป็นแฟน สามีภรรยา หรือคนในครอบครัว การให้อีกฝ่ายมีเวลาอยู่คนเดียวบ้างจริงๆ แล้วดีต่อความสัมพันธ์อย่างยิ่ง และบางทีสิ่งนี้อาจเป็น ‘ของขวัญ’ ที่ดีที่สุดที่เราจะให้คนรักของเราได้ โดยเฉพาะในช่วงเวลาเช่นนี้
.
.
ไลฟ์สไตล์ใหม่และเวลาส่วนตัวที่หายไป
.
สองปีกว่าแล้วที่เราต้องอยู่แต่ ‘บ้าน’ เป็นหลัก พื้นที่พักผ่อนที่เคยให้ความสบายใจ กลายเป็น ‘ที่ทำงาน’ ทั้งสำหรับเราและคนอื่นๆ ในบ้าน โต๊ะกินข้าวกลายเป็นโต๊ะทำงานของแม่ ส่วนห้องรับแขกกลายเป็นสตูดิโอของพี่
.
‘ความเป็นส่วนตัว’ ถูก ‘ความเป็นส่วนรวม’ กลืนเข้าไปจนแยกไม่ออก
.
พอต้องอยู่แต่บ้านกับคนอื่นๆ แทบจะ 24 ชั่วโมงต่อวันเช่นนี้ สำหรับคนที่ชอบความเป็นส่วนตัว คงรู้ตัวเองดีว่าเรารู้สึกอึดอัดเพราะอะไร แต่หลายๆ คนที่ไม่ค่อยได้มีเวลาให้กับตัวเองและไม่ได้รู้จักตัวเองมากนัก อาจสับสนว่าความเครียดที่ก่อตัวอยู่ลึกๆ นี้มาจากไหนกัน
.
“คนที่ไม่ได้อยู่คนเดียวตั้งแต่แรกอยู่แล้วอาจไม่รู้สึกตัวว่า ความเครียดและความหงุดหงิดนี้มีสาเหตุมาจากการไม่มีเวลาอยู่คนเดียว” ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาจาก Carleton University กล่าว เขาเรียกความรู้สึกที่อยู่ตรงข้าม ‘Loneliness’ (ความเหงา) นี้ว่า ‘Aloneliness’
.
หาก Loneliness คือความรู้สึกโดดเดี่ยวเพราะไม่มีใคร
Aloneliness ก็คงเป็นความรู้สึกอึดอัดและต้องการความสันโดษ เพราะถูกรายล้อมด้วยผู้คนมากเกินไป
.
ให้คนที่เรารักได้พักสักวันเต็มๆ หรือให้เวลาส่วนตัวเค้าสัก 4-5 ชั่วโมง อาจช่วยให้คนเหล่านี้รู้สึกดีเหมือนได้ชาร์จพลัง
.
การให้เวลาส่วนตัวกับคนรักก็ถือเป็นการแสดงความรักในรูปแบบหนึ่ง
.
.
แล้ว ‘เวลาส่วนตัว’ ของแต่ละคนเป็นอย่างไร
.
สำหรับ Introvert แล้ว เวลาส่วนตัวอาจหมายถึงการได้อยู่คนเดียว อ่านหนังสือเงียบๆ หรือการได้ไปสถานที่โปรด ยกตัวอย่างวันส่วนตัวของ Ariel Fulhmer ที่เป็นทั้งดีไซเนอร์สาวและคุณแม่ลูกสอง เธอจองโรงแรมใกล้บ้านเพื่อนอนอ่านหนังสือ ดูทีวี จิบไวน์และนอนหลับเต็มอิ่ม 10 ชั่วโมง เธอบอกว่าโรงแรมไม่จำเป็นต้องหรูหราเลย แค่มีเตียงก็พอ เท่านี้ก็คลายความเหนื่อยจากการทำงานเต็มเวลา และการดูแลลูกเล็กถึงสองคนของเธอได้แล้ว
.
สำหรับ Extrovert อาจเป็นการสังสรรค์กับเพื่อนอย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลถึงเรื่องที่บ้าน นักจิตวิทยาคลินิก Jodie Eisher มองว่าการมีเวลาส่วนตัวให้ประโยชน์หลายด้าน และในช่วงเวลาส่วนตัวของเธอเอง (เช่นการไปทานอาหารกลางวันกับเพื่อน) เธอจะบอกสามีไว้เสมอว่าห้ามติดต่อเด็ดขาด ยกเว้นมีเรื่องเร่งด่วนจริงๆ เช่น ไฟไหม้ น้ำท่วม หรืออุบัติเหตุ
.
อย่างไรก็ตาม ในประเทศที่สถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลายแล้ว บริษัททัวร์หลายแห่งบอกว่าเทรนด์การเที่ยวคนเดียว หรือเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนเริ่มมีมากขึ้น จากที่แต่ก่อนมักจะเป็นการเที่ยวแบบครอบครัวใหญ่ๆ หรือเฉพาะคู่สามีภรรยา
.
เวลาส่วนตัวของแต่ละคนแตกต่างกันออกไป และไม่จำเป็นว่าต้องเป็นการไปเที่ยวไกลๆ หรือหายไปเป็นวันๆ เสียทุกครั้ง สำหรับบางคน แค่ได้ไปร้านหนังสือสัก 2-3 ชั่วโมงก็มีความสุขแล้ว
.
.
แล้วถ้าเราอยากอยู่คนเดียวบ้างล่ะ ทำอย่างไรดี
.
สื่อสารกับอีกฝ่ายให้ชัดเจนว่าความต้องการของเราคืออะไร ทำไมเราถึงต้องการเช่นนั้น อีกฝ่ายจะได้ไม่ตีความไปเองว่ามีปัญหาเกิดขึ้นในความสัมพันธ์
.
หรือถ้าหากคนสำคัญของเราเป็นฝ่ายต้องการอยู่คนเดียวบ้าง เราควรให้เกียรติและสนับสนุนอีกฝ่าย จำไว้เสมอว่าการที่ใครสักคนอยากอยู่คนเดียวนั้น หมายความว่าเขาต้องการเวลาส่วนตัว ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่มีความสุขที่จะอยู่กับเรา
.
ในช่วงล็อกดาวน์ เราอาจจะต้องอยู่ในที่แคบๆ ไม่ได้ทำอะไรมากนัก และอยู่กับคนอื่นเกือบตลอดเวลา ไม่แปลกที่เราจะรู้สึกว่าเราช่างไร้ความสามารถ ทำอะไรไม่ค่อยเป็น การได้ใช้เวลากับตัวเองนั้นจะช่วยให้เรารู้สึก ‘เข้มแข็ง’ มากขึ้น เพราะเราได้ทำอะไรโดยไม่ต้องพึ่งใคร และเป็นตัวของตัวเองได้เต็มที่
.
และที่สำคัญที่สุดที่เวลาส่วนตัวจะให้เราได้นั้น คืออิสระและโอกาสในการรู้จักตัวเอง บางครั้งการที่เราถูกรายล้อมด้วยผู้อื่นมากไป เราอาจลืมตัวตนและความต้องการของคนที่สำคัญที่สุด ซึ่งก็คือ ‘ตัวเราเอง’
.
อย่าลืมหาเวลาส่วนตัวและทำความรู้จักตัวเองกันอีกครั้งนะ
.
อ้างอิง
.
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast
#relationship
3
โฆษณา