26 ก.ค. 2021 เวลา 11:28 • ข่าว
รถไฟเริ่มขนคนป่วยโควิดกลับบ้าน ประเดิม 7 จังหวัดอีสาน พรุ่งนี้ (27 ก.ค.) “ศักดิ์สยาม” ไฟเขียวทุกเส้นทางเป็นขบวนพิเศษไม่ปะปนคนทั่วไป หนุนการจัดส่งผู้ป่วยทุกจังหวัดในโมเดลเดียวกัน
1
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ได้เป็นประธานประชุมติดตามเตรียมการส่งผู้ป่วยโควิด-19 กลับภูมิลำเนาในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างประกอบด้วย จังหวัดนครราชสีมา บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี นครราชสีมา อำนาจเจริญ ยโสธร และสุรินทร์ โดยมีผ่านระบบประชุมทางไกลออนไลน์ โปรแกรม Zoom ณ กระทรวงคมนาคม
2
ภายหลังการประชุม นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า การส่งผู้ป่วยโควิด-19 จากกรุงเทพฯและปริมณฑล กลับภูมิลำเนา เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้มอบหมายให้ กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.)  สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ร่วมกันกำหนดแนวทางและวางระบบการดูแลจัดส่งผู้ป่วยโควิดกลับอย่างปลอดภัยไม่ให้มีการแพร่เชื้อระหว่างการเดินทาง
1
สำหรับการประชุมในครั้งนี้เป็นการประชุมสรุปทั้งในส่วนของขั้นตอนการประสานจัดส่งผู้ป่วย ความพร้อมของทั้งส่วนกลาง กับจังหวัดปลายทาง ซึ่งขณะนี้ทุกหน่วยมีความพร้อมดำเนินการแล้ว โดยเฉพาะใน 7 จังหวัด มีความพร้อมทั้งในส่วนจุดรับเมื่อผู้ป่วยถึงจังหวัด ขั้นตอนการคัดกรอง และพื้นที่ให้การรักษาผู้ป่วยทั้งส่วนที่เป็นศูนย์พักคอย โรงพยาบาลสนาม และโรงพยาบาล
2
ส่วนของกระทรวงคมนาคมนั้น ขณะนี้มีความพร้อมที่จะรับส่งผู้ป่วยแล้ว โดยหน่วยงานภายใต้กระทรวงได้แก่ บริษัท ขนส่ง จำกัด กรมขนส่งทางบก การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) ได้จัดขบวนรถ รวมถึงได้ออกแบบเส้นทางการขนส่ง การอบรมให้ความรู้เจ้าหน้าที่ที่จะให้บริการ มีความรู้ความเข้าใจในข้อปฏิบัติเพื่อให้การขนส่งผู้โดยสารเป็นไปตามมาตรฐานสาธารณสุข  ซึ่งหน่วยงานแรกที่จะเริ่มส่งผู้ป่วยได้ คือ รฟท. โดยมีการเตรียมแผนที่ให้บริการรถไฟสายอีสานใต้ ผ่านนครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี เริ่มให้ส่งผู้ป่วยตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (27 ก.ค. 2564) เป็นต้นไป
3
“กระบวนการรับและส่งผู้โดยสารโดยหน่วยงานของคมนาคม ได้สั่งการย้ำว่าทุกขบวนจะต้องเป็นขบวนพิเศษทั้งกรณีรถของ บขส. หรือรถไฟ ทั้งพื้นที่และเวลาการขนส่งผู้ป่วยจะต้องแยกกับผู้โดยสารทั่วไป เพราะประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญสูงสุดคือความปลอดภัยของทั้งผู้ป่วยและประชาชนทั่วไป โดยหากจังหวัดอื่นๆ มีการประสานเข้ามา กระทรวงคมพร้อมจะสนับสนุนการเดินทางกลับภูมิลำเนาของผู้ป่วยโควิด-19 ภายใต้โมเดลเดียวกันกับ 7 จังหวัดนี้”นายศักดิ์สยาม กล่าว
2
รมว.คมนาคม กล่าวว่า เพื่อสร้างความเชื่อมั่นกับประชาชนว่าการส่งผู้ป่วยจะดำเนินไปอย่างรัดกุม การจัดส่งผู้ป่วยของหน่วยงานของกระทรวงคมนาคม จะดำเนินการโดยประสานข้อมูลร่วมกันกับ 3 หน่วยงานหลัก คือ สปสช. สพฉ. และ จังหวัด เพื่อให้การจัดส่งมีความปลอดภัยเป็นไปตามมาตรฐานสาธารณสุข โดยตามขั้นตอนผู้ป่วยจะต้องติดต่อผ่านสายด่วน สปสช. 1330 หรือติดต่อแจ้งความประสงค์กับแต่ละจังหวัด  จากนั้นแต่ละจังหวัดจะรวบรวามรายชื่อ จำนวนผู้ป่วย จำนวนเตียงที่ว่างแล้วแจ้งยอดต่อ สพฉ. จากนั้น สพฉ. จะแจ้งยอดผู้ป่วยให้แก่กระทรวงคมนาคมเพื่อจัดขบวนรถและจัดเส้นทางการขนส่ง พร้อมประสานวัน เวลา เพื่อเข้ารับตัวผู้ป่วยจากที่พักอาศัยโดยจะไม่มีกรณีผู้ป่วยเดินทางมา ณ จุดขึ้นรถเอง
นอกจากนี้ ระหว่างการส่งผู้ป่วยโดยรถขบวนพิเศษนี้ จะมีเจ้าหน้าที่ทั้งด้านสาธารณสุข เจ้าหน้าที่ตรวจ ไปกับขบวนรถเพื่อดูแลผู้ป่วย และความเรียบร้อยในขบวนรถ  มีการแยกกลุ่มผู้ป่วยที่ชัดเจน เช่น กรณีของ รฟท.จะมีการแยกโบกี้ระหว่างผู้ป่วยกลุ่มยืนยันด้วยผลตรวจ RT PCR positive กับกลุ่มผลตรวจ ATK positive เพื่อป้องกันกรณีที่ผู้มีผลตรวจ ATK positive คลาดเคลื่อนมาปะปนกับผู้ที่ผลตรวจชัดเจนแล้ว และก่อนออกเดินทาง สพฉ. จะมีการประเมินอาการของผู้ป่วยทุกรายก่อนให้ออกเดินทาง ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยเอง
1
“ขอย้ำผู้กับผู้ป่วยที่ประสงค์จะเดินทางกลับไปรักษาตัว ณ ภูมิลำเนาทุกคนว่า รัฐบาลให้การสนับสนุนการเดินทางเต็มที่ ขอให้ทุกท่านเดินทางโดยผ่านระบบของทางการ อย่าเดินทางกลับเอง เพื่อเป็นการดูแลทั้งตัวท่านเองและประชาชนท่านอื่น หากประสงค์กลับบ้านให้ติดต่อสายด่วน สปสช. 1330 เพื่อเข้าสู่ระบบการจัดส่งผู้ป่วย โดยทั้งหมดภาครัฐให้การสนับสนุนฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย” นายศักดิ์สยาม กล่าว
2
เบื้องต้นมีรายงานว่า คมนาคมได้จัดจัดขบวนรถไฟโดยสารด่วนพิเศษไว้ 14 โบกี้ รับผู้ป่วยจากกรุงเทพมหานคร ที่ลงทะเบียน และจองเตียงรักษา ผ่านระบบ สปสช. 1330 กลับไปรักษาตามภูมิลำเนาในภาคอีสาน
โฆษณา