27 ก.ค. 2021 เวลา 14:40 • การเมือง
เมื่อนักการเมืองไม่รักษาคำพูด ต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบ นี่คือกรณีศึกษาของไท่ จื้อ-อิง นักแบดมินตันคนดัง กับรัฐบาลไต้หวัน
1
ดราม่าเรื่องของ ไท่ จื้อ-อิง นักแบดมินตันมือ 1 ของโลก ขวัญใจชาวไต้หวัน อัพไอจีแซะรัฐบาลเรื่องจัดที่นั่งบนเครื่องบิน ให้นักกีฬานั่งชั้นประหยัด แทนที่จะเป็นชั้นธุรกิจ ประเด็นนี้ มีมุมมองที่น่าสนใจเยอะทีเดียว
3
ก่อนอื่นต้องอธิบายว่า ไต้หวัน มีประธานาธิบดีคือไช่ อิง-เหวิน โดยจุดยืนเรื่องการเมืองของเธอ คือต่อต้านการรวมชาติ ที่จีนแผ่นดินใหญ่พยายามมาโดยตลอด
ไช่ อิง-เหวินพยายามสร้างตัวตนของชาวไต้หวันในเวทีโลก ว่าไม่ใช่จังหวัดหนึ่งของจีน แต่มีอัตลักษณ์เฉพาะตัวอย่างชัดเจน ไต้หวันก็คือไต้หวัน จีนก็คือจีน ต่างก็มีศักดิ์ศรีของตัวเอง
9
เพื่อตอกย้ำแนวคิดของเธอว่าไต้หวันไม่ควรรวมกับจีน เธอจึงให้ความสำคัญมากๆกับ นักกีฬาชาวไต้หวัน เพราะบุคคลเหล่านี้ล่ะ เวลาไปแข่งขันในเวทีนานาชาติ ก็จะลงสนามพร้อมด้วยธงชาติไต้หวันติดที่หน้าอก ทำให้โลกได้รู้ว่า เฮ้ย ไต้หวัน ก็มีตัวตน และไม่ใช่ส่วนประกอบของประเทศจีนแต่อย่างใด
4
เวลา ไท่ จื้อ-อิง นักแบดมินตันหญิงคนดังไปแข่งที่ไหน แล้วได้แชมป์ คนก็จะพูดว่า Taiwan's Tai Tzu-ying wins (ไท่ จื้อ-อิงของไต้หวันคว้าชัย) คือคำว่าไต้หวัน มันจะก็จะเข้าหูชาวโลกไปโดยอัตโนมัติ เป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์และตัวตนของไต้หวันมากขึ้นไปอีก
3
ตัวอย่างที่เห็นชัดเจนคือ ในปี 2016 โอลิมปิก ริโอ เกมส์ ตอนนั้นนักกีฬาไต้หวันเวลาเดินทางไปแข่งจะได้นั่งเครื่องบินชั้นประหยัด ซึ่งพอไช่ อิง-เหวินรู้ข่าว เธอเลยประกาศว่าหลังจากนี้ไป นักกีฬาที่ไปรับใช้ชาติ จะได้นั่งชั้นธุรกิจ (Business Class) เพื่อให้ผู้เล่นได้พักฟื้นร่างกายอย่างเต็มที่ที่สุด มันคือสัญญาประชาคมที่เธอประกาศเอาไว้อย่างชัดเจน
4
นักกีฬาที่ไปรับใช้ชาติ ก็ต้องได้รับการดูแลอย่างดีที่สุดจากรัฐบาล มุมมองของเธอคือแบบนั้น
เหตุการณ์ผ่านไป ในเอเชียนเกมส์ 2018 ที่อินโดนีเซีย นักกีฬาไต้หวันก็ได้รับการดูแลอย่างดีเป็นปกติ ไม่มีดราม่าอะไร
จากนั้นในปี 2019 นายพาน เหวินจง รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ ที่รับผิดชอบเรื่องดูแลนักกีฬายืนยันว่า ในโอลิมปิกที่โตเกียวก็เช่นกัน ตัวแทนจากไต้หวันทุกคนจะได้เดินทางไปกลับ ด้วยเครื่องบินชั้นธุรกิจ มั่นใจได้เลยว่านักกีฬาจะได้รับการดูแลจากรัฐเป็นอย่างดีแน่นอน
2
อย่างไรก็ตามดราม่าของเรื่องนี้ก็เกิดขึ้น ในวันที่ 19 กรกฎาคม 2021 ที่ผ่านมา เมื่อถึงกำหนดเวลาที่นักกีฬาไต้หวันต้องบินไปที่โตเกียวเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนลงแข่งโอลิมปิก คือด้วยสภาวะโควิด-19 เพื่อลดโอกาสการติดเชื้อระหว่างการเดินทาง รัฐบาลไต้หวันจึงเช่าเครื่องบินไชน่า แอร์ไลน์ รุ่นแอร์บัส A330 แบบเหมาลำ ให้ทัพนักกีฬาจากไต้หวันบินไปพร้อมกันเลยเป็นกรุ๊ปเดียวกันจะได้ไม่ปะปนกับคนอื่น
9
ในเครื่องบินเหมาลำ มีคนเดินทางทั้งหมด 134 คน แบ่งเป็นนักกีฬา 50 คน ส่วนอีก 84 คน เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ, ผู้บริหารสมาคม และโค้ช
2
ปัญหาของเรื่องนี้คือ บนเครื่องบินเหมาลำ มีชั้น Business Class เพียงแค่ 36 ที่นั่งเท่านั้น เท่ากับว่าต้องมีบางคน ต้องไปนั่งชั้นประหยัด
และคนที่มีรายชื่อต้องนั่งชั้นประหยัดด้วย คือ ไท่ จื้อ-อิง ความหวังเหรียญทองอันดับ 1 ของประเทศ ซึ่งตอนเธอรู้ว่า ต้องนั่งชั้นประหยัด เธอถ่ายคลิปลงสตอรี่ใน IG แล้วเขียนแคปชั่นว่า "คิดถึง EVA AIR จัง อย่างน้อยเราก็เลือกจะนั่งชั้นธุรกิจได้"
คนไต้หวันเมื่อเห็นสตอรี่ของไท่ จื้อ-อิง ก็โมโหรัฐบาลว่า ไหนคุณสัญญาว่าจะดูแลนักกีฬาเป็นอย่างดีไง แล้วทำไมต้องให้ไท่ จื้อ-อิง นั่งชั้นประหยัด
คุณพ่อของไท่ จื้อ-อิงจี้แผลใส่รัฐบาลอีกบอกว่าในเดือนมิถุนายน เคยสัญญากันไว้ว่าลูกสาวของเขาได้นั่งชั้นธุรกิจ แต่ก็ทำตามที่พูดไม่ได้ คุณพ่อกล่าวว่า "การโดนหลอก มันเป็นความรู้สึกที่แย่นะ"
2
แล้วดราม่ายิ่งแรงหนักเข้าไปอีก เมื่อมีการสืบทราบว่า 36 ที่นั่งชั้นธุรกิจ ส่วนใหญ่ถูกนั่งโดยผู้ใหญ่จากสมาคมกีฬา และเจ้าหน้าที่รัฐ นักกีฬาไปแค่ 50 คนแท้ๆ แต่โดนกระจายไปนั่งชั้นประหยัดกันหมด
2
ประชาชนจึงระเบิดความไม่พอใจสุดขีด เพราะมันมีวิธีตั้งเยอะที่จะทำให้นักกีฬาสะดวกสบายกว่านี้ อย่างเช่น คุณเช่าเครื่องบิน 2 ลำได้ไหม ค่าใช้จ่ายมันจะเท่าไหร่เชียว ให้นักกีฬาทุกคนได้นั่งชั้นธุรกิจกันหมด
2
หรืออย่างแย่ถ้าจะไปลำเดียวจริงๆ ใน 36 ที่นั่งของ A330 ก็ควรเป็นนักกีฬาได้นั่งทั้งหมด ไม่ใช่เอาผู้ใหญ่สมาคม ใครก็ไม่รู้มานั่งตรงนั้น แล้วให้นักกีฬาไปนั่งหลังแทน เฮ้ย รัฐบาล คุณลำดับความสำคัญไม่เป็นหรือ
5
สตอรี่ที่ไท่ จื้อ-อิงลง ถือว่ามีพลังมหาศาลมาก เพราะเธอคือฮีโร่ของชาติ คนระดับนี้แค่จุดประเด็นนิดเดียว คนก็พร้อมใจด่ารัฐบาลแล้ว
1
ในโลกของการเมืองของประเทศโดยทั่วไปนั้น นักการเมืองจะต้องยึดถือสัจจะที่ตัวเองพูดเป็นที่สุด อะไรที่สัญญาประชาคมไปแล้วต้องทำให้ได้ ถ้าทำไม่ได้ ก็จะเสียเครดิต และเสียความนิยม ในการเลือกตั้งสมัยหน้าก็จะไม่ถูกเลือกเข้ามา
8
ดังนั้น ไม่มีทางเลย ที่นักการเมืองจะสัญญาไปเรื่อยเปื่อย เพื่อเอาตัวรอดไปวันๆ เพราะสังคมจะจับตาดูคุณเสมอ อะไรที่ทำไม่ได้จริง อย่าพูด
3
เมื่อประธานาธิบดีและรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการเคยสัญญาไว้ว่าจะให้นักกีฬานั่งชั้น Business Class แต่ทำไม่ได้ เรื่องนี้จึงไม่ใช่เรื่องเล็ก
ไช่ อิง-เหวิน ต้องออกแถลงการณ์ทันที โดยกล่าวว่า "เรามีการปรับแก้แผนการเดินทางเพราะเรื่องการป้องกันการติดเชื้อ แต่ฉันไม่ได้อธิบายอย่างชัดเจนกับทุกคนล่วงหน้า ดิฉันต้องขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้นจากใจจริง"
4
"นี่เป็นการจัดการที่ไม่ระมัดระวัง และไม่ใส่ใจมากพอ มันทำให้นักกีฬาที่เดินทางไปรับใช้ชาติต้องรู้สึกไม่ดี ดิฉันเสียใจมากจริงๆ"
1
คนเป็นผู้นำประเทศ ต้องรักษาสัญญาให้ได้ ถ้าทำไม่ได้ แม้ว่าจะสุดวิสัย ก็ต้องกล้าออกมาขอโทษ เพราะคำพูดที่เราพูดไปแล้ว มันเป็นนายของเราตลอดไป คุณจะสอนเด็กรุ่นหลังอย่างไร ให้รับผิดชอบกับคำพูดของตัวเอง ในเมื่อคนที่เป็นผู้นำยังไม่ทำให้เห็น
24
ไม่ใช่เพียงไช่ อิง-เหวิน แต่ซู เฉินจาง นายกรัฐมนตรีต้องโทรศัพท์หา ไท่ จื้อ-อิงทันที เพื่ออธิบายและยืนยันว่าเที่ยวบินขากลับนักกีฬาทุกคนจะได้นั่ง Business Class แน่นอน
6
ขณะที่ พาน เหวินจง รมต.กระทรวงศึกษาธิการ ต้องแถลงข่าวพร้อมโค้งศีรษะขอโทษประชาชนและนักกีฬาทุกคน ขณะที่จาง เส้าซี อธิบดีกรมพลศึกษาขอรับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่ง
24
เรื่องนี้ทำให้ประชาชนที่ไต้หวัน ก็รุมด่ารัฐบาลอยู่หลายวัน นอกจากนั้นก็เปิดช่องให้ฝ่ายค้านได้โจมตีอีกด้วย คือมันกลายเป็นประเด็นใหญ่มากๆ ไปเลย
6
ถ้าเรามองในสายตาของคนนอกที่ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรง ถามแฟร์ๆ ว่านักกีฬาลำบากขนาดนั้นไหม ก็คงไม่ เพราะเครื่องบินแอร์บัสก็ใหญ่โต นักกีฬาคนนึงได้นั่งทั้งแถวเลย โอเคล่ะ ว่ามันก็ไม่ได้สบายเท่า Business Class แน่ๆ แต่มันก็ไม่ได้ถึงกับเลวร้ายเกินไปหรอก
4
แล้วอีกอย่าง ไต้หวันกับญี่ปุ่น ก็ห่างกันแค่ 3 ชั่วโมง บินแป้บเดียวก็ถึงแล้ว ไม่ได้เหนื่อยเมื่อยล้าขนาดนั้น ไม่ใช่จากไต้หวัน บินไปบราซิล ใช้เวลา 15 ชั่วโมง ระยะแค่ 3 ชั่วโมงมันสั้นมาก
4
แต่ในสายตาของชาวไต้หวันเองเขาไม่ได้คิดแบบนั้น เรื่องนักกีฬาจะนั่งสบายหรือไม่สบายก็ประเด็นหนึ่ง แต่เรื่องที่สำคัญกว่า คือการรักษาคำพูดของนักการเมือง เพราะคุณสัญญาแล้วนี่ว่าจะให้นั่ง Business Class แต่คุณไม่สามารถทำได้ นี่ต่างหากที่สำคัญที่สุด
10
เพราะถ้าเรื่องเล็กๆ คุณพูดไว้ยังทำไม่ได้ แล้วประชาชนจะเชื่อถือในเรื่องที่ใหญ่กว่านี้ได้อย่างนั้นหรือ
5
ในประเทศที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย คำสัญญาของนักการเมือง มันมีราคาสูงมากจริงๆ
15
ถ้าพูดแล้วต้องทำให้ได้ และถ้าทำไม่ได้ต้องมีใครสักคนรับผิดชอบ
7
#PROMISE
1
โฆษณา