28 ก.ค. 2021 เวลา 03:13 • ความคิดเห็น
อัฟกานิสถานอดีตและอนาคต
โดย
นิติภูมิธณัฐ
มิ่งรุจิราลัย
ประวัติศาสตร์ของอัฟกานิสถานที่เลวร้ายที่สุดเกิดขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1222 เมื่อกองทัพมองโกลเข้ามาตี บ้านเมืองถูกทำลายและประชาชนจำนวนมากถูกฆ่าทิ้ง
1
https://www.theatlantic.com/photo/2013/07/afghanistan-in-the-1950s-and-60s/100544/
คนอัฟกันอยู่ภายใต้การกดขี่ข่มเหงของผู้ปกครองชาวมองโกลอยู่นานถึง 150 ปี
หัวหน้าโจรชาวอัฟกันคนหนึ่งสร้างตัวจนได้เป็นพระเจ้านาดีร์ ชาห์ แห่งเปอร์เซีย เจ้าองค์นี้ส่งเสริมให้คนอัฟกันรับราชการตำแหน่งสูงๆ แต่ไม่นานก็ถูกลอบปลงพระชนม์
ชายหนุ่มคนหนึ่งชื่ออะเหม็ดจากเผ่าอับดัล ปลุกระดมประชาชนจนยึดเมืองกันดาหาร์ได้ จึงได้รับเลือกเป็นกษัตริย์ ทรงพระนามว่า อะเหม็ด ชาห์ ดูร์รานี
1
ท่านนี้นี่ละครับ คือต้นราชวงศ์ดูร์รานี
ในยุคราชวงศ์ดูร์รานีนี่เองครับ ที่อัฟกานิสถานมีสถานะเป็นประเทศ ถ้าถามถึงศักราชที่แน่ชัด อัฟกานิสถานเป็นประเทศตั้งแต่ ค.ศ. 1747
ยุคของอะเหม็ด ชาห์ ดูร์รานี อัฟกานิสถานรุ่งเรืองมาก และขยายอาณาเขตได้กว้างขวาง
2
อัฟกานิสถานรุ่งเรืองจนถึงยุคของพระโอรสคือ พระเจ้าติมูร์
พระเจ้าติมูร์มีโอรสมากกว่า 20 องค์ ต่างแก่งแย่งชิงอำนาจ บ้านเมืองจึงยุ่งเหยิงยับย่อย ตอนหลังพวกซิกข์แย่งตีพื้นที่ไปได้เยอะ
1
ต่อมาอังกฤษก็ตีพวกซิกข์ไปได้อีก หลังจากนั้น อังกฤษก็ทำสงครามกับอัฟกานิสถานอีก 2 ครั้ง จบลงด้วยอังกฤษเป็นฝ่ายชนะ ซึ่งผมรับใช้ไปแล้ว
ประวัติศาสตร์ของอัฟกานิสถานมีแต่การลอบสังหารผู้นำ คนไหนเป็นใหญ่ก็โดนปฏิวัติรัฐประหาร แล้วก็โดนลอบสังหาร
หมดยุคกษัตริย์ เป็นยุคที่มีประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรี พวกนี้ก็โดนลอบสังหารหลายยุคหลายสมัย
อัฟกานิสถานเป็นเอกราชชาติใหม่เป็นครั้งแรกด้วยสนธิสัญญาราวัลปินดี เมื่อค.ศ. 1919 แต่อังกฤษก็ยังอยู่เบื้องหลังในการปกครองและความวุ่นวายต่างๆ
อัฟกานิสถานไม่มีน้ำมัน แต่เป็นประเทศที่มีพรมแดนประชิดติดกับกลุ่มประเทศเอเชียกลาง ปากีสถาน และอิหร่าน
https://www.theatlantic.com/photo/2013/07/afghanistan-in-the-1950s-and-60s/100544/
ความที่มีพื้นที่เป็นเทือกเขาสูง การเดินทางไปมาหาสู่กันจึงลำบาก ผู้คนอยู่เป็นกลุ่ม เป็นเผ่า เผ่าใครเผ่ามัน ไม่มีความสมัครสมานสามัคคี
1
ใครขึ้นมาก็ต้องมีอำนาจเหนือกลุ่มอื่นด้วยการใช้กำลังและอาวุธ ใช้การฆ่าฟันกันเพื่อสร้างความกลัวให้อีกฝ่ายหนึ่ง
อังกฤษออกไปนานแล้ว สหภาพโซเวียตก็หนีหางจุกตูดไปแล้ว สหรัฐก็พาพันธมิตรหนีไปในเดือนกรกฎาคมนี้เอง
ถ้าอัฟกานิสถานต้องการจะพัฒนา ก็ต้องหามหาอำนาจที่มีสตางค์และเทคโนโลยีเข้ามาช่วย สหรัฐกับตะวันตกคงไม่เอาแล้ว รัสเซียก็ยังแขยงแขงขน
คราวนี้ก็เหลือแต่เพียงจีน แต่สไตล์จีนไม่เหมือนอังกฤษ สหรัฐ และรัสเซีย ที่ใช้กำลังและอาวุธ มหาอำนาจตะวันตกชอบหนุนหลังเพื่อให้เกิดการทะเลาะเบาะแว้งกัน
แต่สไตล์จีน ชอบทำการค้ามากกว่า จีนชอบให้คนเลิกทะเลาะกัน ถ้าฟังนายหวัง อี้ ซึ่งเป็นมนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน ก็จะพบว่า
ท่านพยายามอำนวยความสะดวกในด้านการเจรจาระหว่างฝ่ายต่างๆ ในอัฟกานิสถาน เพื่อต้องการให้เกิดสันติภาพอย่างยั่งยืนในประเทศนี้
2
จีนมองแผ่นดินอัฟกานิสถานเป็นแลนด์ลิงค์ที่จะเชื่อมเอเชียกลางกับปากีสถาน ดังที่ผู้อ่านท่านอาจจะทราบข่าวมาแล้วนะครับ
1
ว่าจีนจะช่วยสร้างทางรถไฟจากกรุงทัชเคนท์เมืองหลวงของอุซเบกิสถานไปยังเปชาวาร์ เมืองชายแดนในปากีสถานที่อยู่ติดกับอัฟกานิสถาน
เรื่องการพัฒนาอย่างนี้ อังกฤษ สหรัฐ และสหภาพโซเวียตไม่เคยทำมาก่อนในช่วงที่ตัวเองยังมีอิทธิพลอยู่ในอัฟกานิสถาน
อุปสรรคอย่างหนึ่งที่ผมพอมองเห็นในประวัติศาสตร์หน้าใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นก็คือ การขึ้นมาของพวกตอลีบานที่เป็นพวกเคร่งศาสนาสุดโต่ง ซึ่งอาจเกิดความขัดแย้งกับกลุ่มอื่นได้ง่าย
หากคนจีนเข้ามาทำมาค้าขาย และมีพฤติกรรมที่ไม่สอดคล้องกับวัฒนธรรมอิสลาม ต่อไปก็ทะเลาะเบาะแว้งกัน
หากมีอะไรเกิดขึ้นกับคนจีน รัฐบาลจีนก็คงไม่ยอมดอกครับ
ถึงแม้คนจีนที่เข้าไปพัฒนาและทำมาค้าขายในอัฟกานิสถานจะไม่ทำอะไรผิดวัฒนธรรม
แต่ก็อาจจะมีมือที่สามไปสร้างสถานการณ์ทำให้เกิดการขัดแย้ง และพยายามดึงจีนให้ตกหล่มสงครามเหมือนดังมหาอำนาจอื่นๆ.
1
โฆษณา