28 ก.ค. 2021 เวลา 09:50 • ประวัติศาสตร์
สาระควรรู้ ภาค2
คนขายเสื่อ จนๆ สร้างตัว จนเป็นฮ่องเต้ ในมณฑลหนึ่ง
จะเห็นหลายๆ คน ตีความ จากวรรณกรรม ทั้งเข้าข้าง และต่อต้าน
อาศัย อยู่กับมารดา
โดยมารดาก็เล่าปูมหลังให้ฟัง ว่า
เป็นเชื้อพระวงศ์ โดยการลำดับให้ฟัง
เด็กคนนี้ ก็จำ เพราะ ไม่ว่าจะไป
แห่งหนไหน ก็โดน Bully
เพราะบ้านจน
เมื่อมี เรื่องนี้ ก็จะสามารถบล็อค
Bully ได้ส่วนหนึ่ง
อย่างตอนนี้ พวกต่อต้านเขา
ก็จะ บอกว่า เขาเป็นคนไม่จริงใจ
ฝ่ามือประสานสิบทิศ เพื่อ
ไม่ให้ใครจ้องตา มองความจริงใจ
ส่วนคนที่นิยม ก็จะบอกว่า
มันเป็นความนอบน้อมถ่อมตน
เขา เติบโตมา ก็ย่อม ต้องการเพื่อน
เขา ก็คบหลากหลาย แต่
ในสมัยนั้น การทำมาหากิน
เป็นเรื่องใหญ่ การเมืองเป็นเรื่องรอง เพราะ ความเชื่อ สมมุติเทพ
จึงให้ กษัตริย์บริหารไป
เขาช่วยทางบ้าน ผลิต เสื่อ
แบบอุตสาหกรรมครัวเรือน
และช่วยในการตลาด ด้วย
นอกเหนือจากการมีแผงขายเสื่อในเมือง
เมื่อคบเพื่อน เพื่อเลือกเพื่อนที่ชอบ
ก็ย่อมมีการคบ หลากหลาย
ก็มี บางบ้าน เป็นลูกค้าเสื่อของเขาบ้างแหละ ง่ายและถูก ขั้นตอนก็ไม่เยอะ
ดังนั้น เมื่อ ศักยภาพของเขามีแบบนี้
เขาก็ต้องทำมาหากิน ในแบบฉบับนี้
และ มนุษย์เราต้องการความก้าวหน้า
ในอาชีพการงานทั้งนั้น
การเมืองในความคิดของเขา
เริ่ม ศึกษามากขึ้น เพราะการงาน
อาชีพต้องเกี่ยวข้อง และมีความ
สัมพันธ์ กับสภาพเศรษฐกิจ
และการเมือง ในขณะนั้น
 
จาก การขายปลีก ณ จุดขาย
ประกอบกับ การค้าปลีก ด้วย Relationship
มันก่อให้เขา เกิดความคิด
จาก ทักษะการขายการตลาด
และการจัดการ เกิดขึ้น
เสื่อ ในยุคสมัยนั้น เป็นสิ่งจำเป็น
ของ ชนทุกระดับชั้น โดยเฉพาะ
คนชั้นกลางลงล่าง
จะนอนด้วยเสื่อและผ้าปูเท่านั้น
ยังไม่มีฟูกในราคาย่อมเยา
 
การที่เขาขายปลีก ด้วย
Relationship
เขาเริ่มมองการขยายตลาด
ทั้งทักษะการนอบน้อมที่ติดตัว
ก็เพิ่มขึ้น พัฒนาขึ้น เพื่อ
การบริการหลังการขาย
และสามารถสืบเนื่องต่อไป
เขา รู้จัก กับ ครอบครัวที่ทอเสื่อขาย
อื่นๆ ในชุมชนของเขา
เขาเพิ่มไลน์การผลิตและการตลาด
ด้วยรองเท้าฟาง ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็น
สำหรับ คนชั้นกลางลงล่าง
และ คนชั้นล่าง ในสมัยนั้น
 
เมื่อเขาทราบแหล่งผลิต เสื่อ และ
รองเท้าฟาง อื่น
นอกเหนือจากที่ครอบครัวผลิตอยู่แล้ว
สิ่งเหล่านี้ก็ทำให้เขา ทราบถึง
ศักยภาพที่อยู่ในมือ และ
สามารถเปิดตลาดในท้องที่ใกล้เคียง
ด้วยการ ขายส่ง และ การ delivery
พร้อมบริการหลังการขาย และ
การต่อเนื่อง อื่น
 
สิ่งที่เขา ทำในขณะนั้นก็คือ
การเป็น Provider เสื่อและรองเท้าฟาง
ในภูมิภาค ของเขา
เมื่อขยายตลาด ตัวเขาก็เริ่มเดินทาง
มากขึ้น พบปะผู้คนมากขึ้น
ความรู้ และ เงินเก็บ ก็ย่อม เพิ่มพูนขึ้น
ช่วยให้เขา สามารถ ลาจากการ
ดูแลแม่ชั่วคราว เพื่อเดินทางได้
 
จะบอกว่าเขาจนสุดๆ คงไม่ได้
เพราะ เมีย 2 คน ดูแลแม่แทนเขา
ก็ต้อง ใช้เงินใช้จ่ายภายในบ้าน
รวมทั้งถ้าเขาไม่กลับมาอีก
ครอบครัวจะทำอย่างไร เขาคง
ไม่ใช่คนไม่คิดขนาดนั้น
จาก การขายปลีก และRelationship ทักษะการพูดการเจรจา
ย่อมเกิดกับเขา
หน้าตาเขาก็ค่อนข้างดี
ปูมหลัง ก็เชื้อเจ้า
ถ้าหากไม่ครบเครื่องแบบนี้ ผู้หญิง
2 คน จะยอมเป็นเมียเขาเหรอ
 
เมื่อ มีฐานการตลาดกว้าง
ค่าความนิยม(Goodwill) ในตัวเขา
ก็ย่อมเพิ่มขึ้นมากมาย
ในการเจรจาธุรกิจ มันก็ต้องมี story สิ่งที่แม่เขาบอกว่า เขาคือเชื้อพระวงศ์ เขาก็เริ่มพูด เพื่อผลในธุรกิจ เสื่อและรองเท้าฟาง ของเขา
เมื่อมี story มีสินค้าดี
การเจรจาที่ดีแล้ว ก็ทำให้
ธุรกิจเดิมของเขา เป็นของที่ง่าย
เขาก็เริ่มงาน Freelance
เพราะเขารู้จักภูมิภาค ของเขาดี
ธุรกิจที่อยู่ในท้องที่ เขาก็ดีล
เป็น เอเย่นต์ เป็นตัวแทน
 
สิ่งเหล่านี้ คือ การตอบโจทย์
*ค่าความนิยมในตัวเขาที่สูงมาก*
เขา ก็ ออกเดินทาง ตามเจตนารมณ์
แห่งความก้าวหน้าในมนุษย์ ไป
จนรู้จัก กับ เจ้าของโรงชำแหละหมู
ขายส่ง กับ นักล่าค่าหัว ผู้โดนหักหลัง
จากสายงานที่ทำอยู่ กลายเป็นโจร
เมื่อ 3 คน พบกัน ทัศนคติใกล้เคียงกัน พูดจากันก็ย่อม ถูกใจซึ่งกันและกัน
เริ่มคุยกันเรื่องการเมือง
Provider เสื่อ ก็ ชวนจัดตั้งเป็น
**นิติบุคคล** ด้วยการ สาบาน
ในสวนท้อ เพื่อเริ่มงานการเมืองกัน
 
ทั้ง 3 คน มีฐานะ เหลือเก็บกันทั้งนั้น
เจ้าของโรงชำแหละหมู ก็ต้องมี
ภาระของครอบครัว ที่จะต้อง
เตรียมการไว้ให้ เมื่อเดินทาง
ถ้าหากว่า Providerเสื่อ
ยากจนเข็ญใจจริง ไม่มีเงินจริงๆ
คงไม่ได้คบกับ 2 คนนี้
ซึ่ง **นักล่าค่าหัว** ก็ต้องมีเก็บ
จากรายได้ที่ค่อนข้างสูง เพื่อ
ป้องกันตัวเอง จากงานอาชีพ
ถ้าหาก Providerเสื่อ จนจริงๆ
หากจะหยิบยืม จาก 2 คนนี้
ในการรู้จักกันไม่นาน
เพื่อนำไปให้กับครอบครัวของเขา
ในยามที่เขาเดินทาง เขาคงไม่ได้
เป็นพี่ใหญ่ เป็น MDแน่ๆ
คงโดนลดเกียรติจาก การยืมเงิน
 
ดังนั้น การจัดตั้งนิติบุคคล ที่
สวนดอกท้อ ทุกคนฐานะ
พอมีเก็บทั้งนั้น
ไม่ได้ยากจนข้นแค้นมากมาย
เป็นการเริ่มต้น
การเมืองในประวัติศาสตร์
ที่นำมาทำเป็นวรรณกรรม
สะท้านโลก หลายร้อยปี
คนอ่านทุกชั้นวรรณะ ทั่วโลก
ซึ่ง หลอกว้านจง ผู้เรียบเรียง
วรรณกรรมชิ้นนี้
คงจะ แทบไม่อยากเชื่อ
ถ้าเขามีอายุมารับทราบ
ถึงปัจจุบันนี้ ว่า วรรณกรรม ที่
เขาเขียนและเรียบเรียง
จะเป็น วรรณกรรม ที่ผู้อ่าน
อ่านมากที่สุดในโลก และ
ติดตามกันอย่างมหาศาล
***เพียงชายคนนี้***
ทายดูสิ เขาคือใคร?
โฆษณา