1 ส.ค. 2021 เวลา 02:30 • กีฬา
[ #7,000 ปอนด์ในวันนั้น ]
ฤดูกาลที่เพิ่งจบไปถือว่าเป็นช่วงเวลาไม่ค่อยดีเท่าไรนักสำหรับ เจมส์ แมดดิสัน
2
เขาต้องเผชิญกับปัญหาอาการบาดเจ็บถึง 5 ครั้งด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นสะโพก กล้ามเนื้อเอ็นหลังหัวเข่าและหัวเข่า ซึ่งส่วนหลังที่อาจจะเรื้อรังด้วยถ้าไม่รักษาให้ดี
ปัญหาอาการบาดเจ็บมาต่อเนื่อง มาพร้อมฟอร์มที่แผ่วลงไป ทั้งที่น่าจะทำได้มากกว่า 11 ประตู 10 แอสซิสต์ด้วยซ้ำ
ผลกระทบที่ตามมาก็คือ แมดดิสัน ต้องโดนหั่นชื่อทิ้งจากทีมชาติอังกฤษชุดสู้ศึกยูโร 2020 แม้จะได้โควต้าเฉพาะกิจ 26 คนก็ตาม
ก่อนย้ายมาเลสเตอร์ด้วยค่าตัว 20 ล้านปอนด์ในฤดูร้อนปี 2018 ฟอร์มของเขาในยูนิฟอร์มนอริช ซิตี้เร่าร้อนมากๆ แม้จะเล่นในเดอะ แชมเปี้ยนชิพก็ตาม
สำหรับนักเตะในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุกแล้วซัดกระจาย 15 ประตู บ่งบอกอยู่แล้วไม่ธรรมดา อีกทั้งยังมี 11 แอสซิสต์การันตี นั่นจึงทำให้จิ้งจอกสยามไม่รีรอยอมควักเงินจำนวนดังกล่าว
1
ตอนนั้นมีหลายสโมสรในพรีเมียร์ลีกขีดเส้นใต้ชื่อของเขาเอาไว้ แต่ส่วนใหญ่ไม่อยากจ่ายในเรตที่นอริชต้องการ ต่างจากเลสเตอร์ซึ่งผู้บริหารเชื่อมั่นในสายตาแมวมอง จึงพร้อมลงทุน
1
แล้วก็ได้รับผลตอบแทนอย่างคุ้มค่าตั้งแต่ซีซั่นแรก แมดดิสัน โชว์ให้เห็นสกิลอันยอดเยี่ยม ไหวพริบที่ดี รวมทั้งสกิลซึ่งครบเครื่องสำหรับผู้เล่นในตำแหน่งเบอร์ 10
1
ไม่ใช่แค่แอสซิสต์หรือยิงประตูที่โดดเด่น แต่ฟรีคิกยังเป็นอีกหนึ่งในอาวุธเด็ดเช่นเดียวกัน แม่นยำและเปี่ยมไปด้วยเทคนิค ซึ่งไม่ง่ายเลยจะทำได้เช่นนี้ ต้องผ่านทั้งฝึกซ้อมต่อเนื่อง บวกพรสวรรค์ที่มีติดตัว
1
บรรดาโค้ชที่เคยติวเข้ม ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเด็กคนนี้โชคดีที่ได้รับพรสวรรค์ในเรื่องนี้ มันเหมือนชดเชยรูปร่างที่เล็กแกร็นกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน
เขาเกิดที่โคเวนทรี บ้านอยู่ห่างจากสโมสรด้วยการเดินเท้าแค่ไม่กี่นาที จึงเริ่มต้นกับทีมสกายบลูส์ในระดับเยาวชน
1
จากนั้นฉายแววจนกลายเป็นแข้งจากอะคาเดมี่ที่เจ๋งสุด ได้ขึ้นชุดใหญ่ด้วยวัยเพียงแค่ 17 ปี จนแฟนบอลเรียกว่าเด็กมหัศจรรย์
ปลายปี 2014 ได้รับสัญญาประทับตราการเป็นแข้งอาชีพ เป็นจุดเริ่มต้นบนเส้นทางสายนี้ พร้อมทั้งแบกความคาดหวังไว้ไม่น้อย
แม้ดูเสียเปรียบรูปร่างที่ค่อนข้างเล็กแถมบอบบาง เสียเปรียบการเข้าปะทะอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เขากลับมีวิธีการเอาตัวรอดอย่างน่าทึ่ง
นั่นสะท้อนถึงสัญชาตญาณที่ดี เลี่ยงวิธีที่จะต้องเผชิญหน้าตรงๆ รวมทั้งรู้ด้วยว่าเอาชนะได้แบบไหน
ตลาดมกราคม 2016 ลิเวอร์พูลที่เพิ่งได้ เจอร์เก้น คล็อปป์ มาคุมทีมไม่นานนัก อยากได้แบบจริงจัง ยื่นข้อเสนอมาเป็นเรื่องราว
จังหวะเดียวกันนอริชก็เข้ามามีเอี่ยวด้วย แมดดิสัน ต้องคิดหนักพอสมควร ก่อนตัดสินใจฝากอนาคตไว้กับนกขมิ้นเหลืองอ่อน จากเหตุผลที่ว่ามีโอกาสได้ลงเล่นมากกว่าย้ายไปอยู่สโมสรใหญ่
อย่างไรก็ดีมีเสียงซุบซิบจากคนใกล้ตัวว่า แท้จริงแล้ว แมดดิสัน เป็นสาวกแมนฯยูไนเต็ดตอนเด็กๆ หลักฐานคือชอบใส่เสื้อทีมนี้ อีกทั้งยังมีคลิปที่เขาเล่นบอลในสวน โดยสวมยูนิฟอร์มปีศาจแดงด้วย
เพราะสมาชิกในครอบครัวบางคนเป็นเร้ด อาร์มี่ ตัวเขาก็เลยซึมซับรับการถ่ายทอดด้วย รวมถึงเติบโตมาในช่วงแมนฯยูไนเต็ดยิ่งใหญ่พอดี ความทรงจำเลยแจ่มชัด
อย่างไรก็ดีการตัดสินใจมาเริ่มกับนอริชก่อนก็ถือเป็นเหตุที่ดีมากๆ สำหรับนักเตะวัยรุ่นที่ไม่ได้พิจารณาแค่ความหวือหวาในปัจจุบันเท่านั้น แต่มองไกลไปถึงอนาคตด้วย
กระนั้นชื่อเสียงและเงินทองมันคือสองสิ่งที่ยั่วยวน อีกทั้งสามารถเปลี่ยนคนได้ไม่ยาก โดยเฉพาะเมื่อยังเป็นวัยรุ่นขาดวุฒิภาวะ
ช่วงครึ่งแรกของซีซั่น 2016/17 แมดดิสัน ในวัยเพียงแค่ 20 ปีถูกนอริชส่งไปให้อเบอร์ดีนยืมใช้งาน เพื่อเป็นการเก็บเกี่ยวประสบการณ์สั้นๆ
คืนหนึ่งเขาไปเที่ยวในผับกับเพื่อน ดื่มไปสักพักน่าจะเมาพอสมควร แล้วมีเรื่องโต้เถียงกับชายแปลกหน้า ก่อนจะข่มใส่ด้วยคำพูดว่า ตัวเองได้เงินค่าจ้าง 7,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ เล่นบอลแค่เดือนเดียวมากกว่าคู่กรณีทำงานทั้งปี
จากนั้นเพื่อนที่มาด้วยกัน ก็เลยตะคอกใส่ไปว่า ไม่รู้จักนักฟุตบอลดังของทีมประจำเมืองหรือไง ก่อนที่จะต่อยเข้าที่หน้าเต็มๆ ซึ่งภายหลังต้องขึ้นศาลว่าความกันด้วย
ผู้เสียหายเล่าเป็นฉากๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง โดยตอนที่เรื่องแดงเป็นช่วงที่ แมดดิสัน ย้ายไปเลสเตอร์แล้ว
และการขยายสัญญาครั้งล่าสุดเมื่อกรกฎาคมปี 2020 ระบุว่าเขาฟันค่าจ้างถึงสัปดาห์ละ 110,000 ปอนด์ มากเป็นเบอร์ต้นๆ น่าจะติดท็อปไฟฟ์ร่วมกับ เจมี่ วาร์ดี้ และ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล
ที่สำคัญมากกว่าตอนได้รับจากนอริชเป็นสิบเท่า การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในช่วงเวลา 3-4 ปีเท่านั้นเอง
ช่วงฤดูกาลเบรกพักเมื่อปีที่แล้ว เจมส์ แมดดิสัน พร้อมด้วยเพื่อนนักเตะชื่อดังที่สนิทกันทั้ง เดเล่ อัลลี่ และ แจ็ค กรีลิช รวมพลกันเป็นแก๊งบินไปพักผ่อนที่เกาะอิบิซ่า ในสเปน
นอกจากสามคนนี้ยังมีเพื่อนกลุ่มใหญ่อีก พร้อมสาวๆไม่น้อย ไปดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน
หากดูรูปต่างๆที่โพสต์ตามโซเชี่ยล จะพอรู้ถึงไลฟ์สไตล์ของ แมดดิสัน ว่าชอบปาร์ตี้ รักความสนุก แต่งกายแบบนำสมัยด้วยแบรนด์เนมชั้นนำ
นั่นทำให้หลายคนเริ่มห่วงพฤติกรรมของเขา เพราะสองซีซั่นล่าสุด บาดเจ็บรวมทั้งหมด 9 ครั้งด้วยกัน แม้จะไม่ใช่เจ็บหนักถึงขนาดต้องผ่าตัดใหญ่ แต่การเดี้ยงแบบถี่ๆพอจะบอกถึงสภาพร่างกายได้อย่างดี
ช่วงท้ายฤดูกาล 2020/21 สังเกตุได้เลยว่า ฟอร์มไม่เปรี้ยงเหมือนแต่ก่อน อาจได้ลงเป็นตัวจริง แต่มักจะโดนเปลี่ยนออกเมื่อผ่านชั่วโมงแรกของเกมมาได้ไม่นานนัก
ที่น่าสังเกตก็คือเกมสำคัญอย่างเอฟเอคัพในรอบรองชนะเลิศกับเซาธ์แฮมป์ตัน กระทั่งนัดชิงที่เลสเตอร์พลิกล้มเชลซีอย่างตื่นเต้น แมดดิสัน เป็นแค่สำรองเท่านั้น
เขาถูกเปลี่ยนลงมาในช่วง 20 นาทีสุดท้ายและก็ไม่ได้สร้างสรรค์ผลงานเป็นชิ้นเป็นอันเท่าไรนัก
ในขณะที่เกมพรีเมียร์ลีก 2 นัดสุดท้าย ซึ่งสำคัญมากๆเพราะชี้เป็นชี้ตายว่าจะได้ตั๋วยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกหรือไม่ แมดดิสัน ได้ออกสตาร์ตก็จริง แต่โดนถอดนาทีที่ 60 และ 62 ตามลำดับ
บทบาทความสำคัญของเขาเริ่มลดลงในสายตาของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ทั้งที่ควรเป็นเสาหลักในแนวรุกที่พึ่งพาฝากความหวังได้ตลอด
ขณะเดียวกัน แกเร็ธ เซาธ์เกต ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษก็ยังมองข้ามด้วย
คำถามที่ถูกจุดขึ้นมาคือร่างกาย แมดดิสัน ฟิตถึงขีดสุดหรือไม่? ไลฟ์สไตล์ส่งผลมากน้อยแค่ไหน? นี่แหล่ะน่าสนใจ
ขณะเดียวกันเขาถูกโยงเรื่องข่าวย้ายทีม อาร์เซน่อลอยากได้ในซัมเมอร์นี้ แต่ต้องจ่ายไม่น้อยกว่า 60 ล้านปอนด์
จากเพลย์เมคเกอร์ที่เป็นเหมือนคนกำหนดผลของทีม เริ่มไม่ใช่คนที่จำเป็นอีกต่อไป แม้ขุนพลจิ้งจอกสยามชุดปัจจุบันจะไม่มีผู้เล่นแบบ แมดดิสัน ก็ตาม
จะน่าสนใจมากหากเลสเตอร์ตัดสินใจยอมขาย นั่นอาจไม่ได้หมายถึงเรื่องเงินค่าตัวอย่างเดียว
ถึงเวลาที่ แมดดิสัน จะต้องย้อนกลับมาพิสูจน์ให้เห็นคุณค่าที่แท้จริงอีกครั้ง หลังถูกตั้งข้อสงสัยว่าติดกับดักชื่อเสียงและเงิน
ไม่ว่าในฤดูกาลหน้าจะยังอยู่เลสเตอร์หรือย้ายไปทีมอื่น นั่นคือสิ่งแรกเลยที่ต้องพยายามทำ อย่าปล่อยให้ค้างคา
เพราะจะเป็นการตัดสินอนาคตที่แท้จริง
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา