3 ส.ค. 2021 เวลา 01:59 • นิยาย เรื่องสั้น
บันทึกกึ่งนิยาย ตอนที่ 2
"Do you believe in True Love?"
ปาย / แม๊ตตี้ / ซิวเซี่ยน
ปาย / คืนที่สอง / 20 ก.พ. 2545
อากาศปลายเดือนกุมภาพันธ์หนาวยะเยือกในตอนกลางคืนและรุ่งเช้า เมื่อคืนว่าระเบียงเรือนอาหารใต้แสงดาวโรแมนติกแล้วนะ รุ่งเช้าตอนพระอาทิตย์ค่อย ๆ อวดโฉมยิ่งโรแมนติกเข้าไปใหญ่ ยอดไม้ใบแตกหน่อและหยาดหยดน้ำค้างมันหมายถึงความชุ่มชื่นและการผลิใหม่ … ใช่!! เมืองปาย ชุบชีวิตให้ฉันแล้ว
ฉันพกถุงไปรษณียบัตร และอุปกรณ์วาดสีน้ำติดมือมาด้วย ลงมือเขียนถึงเพื่อนด้วยความสดใสอย่างแท้จริง และชายหนุ่มตาสีฟ้าประกายเจิดจ้าก็ทำให้ความสดใสเพิ่มทวีคูณ แม๊ตตี้ หนุ่มน้อยวัย 23 ปีจากเบลเยี่ยม ผู้ซึ่งจะไปเป็นครูสอนเด็กในอนาคต เขาเริ่มทักฉันก่อนด้วยประโยคง่าย ๆ อย่าง “I like this time” แค่นั้นฉันก็ตายใจ ยอมจำนรรจาด้วยภาษาที่ไม่เคยคุ้นอย่างภาษาอังกฤษอีกครั้ง
1
แต่กิจกรรมที่เราทำร่วมกันกลับไม่ต้องใช้ภาษาและคำศัพท์ยาก ๆ เท่าไหร่นัก เราเล่นเกมส์ทายประเทศจากภาพในไปรษณียบัตรของฉัน บางภาพแทบจะไม่เห็นสัญลักษณ์ของประเทศนั้นเลยแต่เขาก็ทายถูก ซึ่งเขาจะชี้ให้เห็นรายละเอียดเล็ก ๆ นั้นทุกภาพไป บางทีเขาคงเหมาะที่จะเป็นคุณครูล่ะมั๊ง อนาคตคุณครูคนนี้อยู่ปายมาได้เกือบ 2 อาทิตย์ และจะไปพม่าในอีก 1 อาทิตย์ข้างหน้า เพราะตอนนี้กำลังติดพันกับเรื่องการเรียนนวด หรือ Massage ที่ฮิตมากในหมู่ชาวต่างชาติ
เขาจากไปพร้อมกับทิ้งความสดใสไว้เบื้องหลัง ทำให้ฉันอดนึกไม่ได้ว่าเมื่อตอนฉันเรียนจบใหม่ ๆ ยังไม่ได้ผจญกับชีวิตจริง ๆ จัง ๆ ฉันสดใสแบบนี้รึเปล่า 5 ปีมันก็ไม่นานนัก แต่ทำไมนึกไม่ออก ??
ในเช้าวันที่สองนี้ฉันสอยชาวต่างชาติ ต่างภาษามาได้ 3 คน รายแรกคือหนุ่มน้อยจากเบลเยี่ยม อีก 2 เป็นสาวชาวญี่ปุ่น ที่มาพักแบบ Home Stay ที่บ้านน้ำปาย 1 คนชื่อ “อิกุ” และอีกคนพักที่บ้านเพื่อนพี่นิด ชื่อ “ชิโอริ”
ทั้งสองสาวน่ารักและร่าเริง เรื่องวุ่น ๆ ที่ทำให้เรานั่งจ้อกันนานก็เป็นเพราะ ทั้งคู่พูดภาษาไทยได้ด้วย และพูดได้ดีกว่าภาษาอังกฤษ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าภาษาไทยที่เธอ ๆ พูดกันได้ฉันจะรู้เรื่องทั้งหมด บางที 20 นาทีผ่านไปเรายังไม่รู้เลยว่าพูดเรื่องอะไรกันอยู่ จนใครคนใดคนหนึ่งทนไม่ได้เปลี่ยนไปคุยเรื่องใหม่
ที่จริงเมื่อคืน อิกุและชิโอริ ก็อยู่ในกลุ่มของพวกที่มาเล่นดนตรีเมื่อคืนนี้ด้วย แต่ฉันจำไม่ได้ คนตั้ง 7-8 คนในที่มืดสำหรับคืนแรกกับความแปลกที่ ความตื่นเต้นทำฉันก็ไม่เหลือสมองให้สั่งการเรื่องอะไรอีกแล้ว
เที่ยงของวันฉันก็ฝากท้องกับพี่นิดอย่างเคย ไม่รู้ว่าที่นี่เหมือนกับเกสท์เฮาส์อื่นรึเปล่า ตรงที่สั่งอะไรไปกินก็ให้ไปเขียนลงไว้ในสมุดเล่มเล็กประจำห้องพักซึ่งวางอยู่หน้าเคาเตอร์ด้วยตัวเอง อย่างชา กาแฟ โอวัลติน พี่นิด เตรียมใส่โหลไว้ให้พร้อมเสียบปลั๊กกาน้ำร้อน แล้วติดป้ายไว้ราคาไว้ ใครกินเท่าไหร่ก็จดจำนวนครั้งลงสมุด ความเป็นกันเองเล็ก ๆ แบบนี้ทำให้ไม่อึดอัดที่จะทำตัวตามสบาย อยากฟังเพลงอะไรก็เลือกตามชอบ มี CD วางให้เลือกเป็นกอง
ตอนบ่ายฉันได้ของเล่นใหม่ เมื่อบังเอิญเดินผ่านร้านเช่าจักรยาน ถึงเมืองปายจะเล็กขนาดเดินรอบเมืองสบาย ๆ โดยเหงื่อไม่ตก แต่ถ้าจะให้เดินไปกลับตลาดบ่อย ๆ คนขี้เกียจอย่างฉันเห็นทีคงนอนขลุกอยู่แต่บ้านน้ำปายแน่ จึงถอยเมาเทนไบค์มาหนึ่งคันด้วยอัตรา 1 วัน 80 บาท พี่ตั้มทักว่าฉันจะไปเที่ยวไหน เมื่อเห็นฉันปั่นเจ้าสองล้อเข้าบ้าน … ไปไหนดีล่ะพี่?
ฉันปั่นกลับไปที่ร้าน T.S. Bike อีกครั้งเพื่อถามถึงเส้นทางที่พอจะสนุกกับเจ้าสองล้อได้โดยไม่ต้องหฤโหดนัก เราช่วยกันเลือกจนได้เส้นทางไป น้ำพุร้อนท่าปาย ระยะทาง 8 กิโลเมตรและระยะสูงชันของทางก็ไม่มากเท่าไหร่ ถือว่าจัดอยู่ในระดับเด็ก ๆ อนุบาลแค่นั้นเอง
แต่ก็นั่นแหละถึงจะเด็กอนุบาลยังไงก็ตาม คนที่วัน ๆ นั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์จะไปมีเรี่ยวแรงอะไรนัก เป้ใบเล็กที่ติดหลังเริ่มหนักขึ้นเรื่อย ๆ ทั้ง ๆ ที่ไม่มีอะไรนอกจาก น้ำ 1 ขวด ส้มครึ่งโล ผ้าถุงและผ้าฝ้ายอย่างละ 1 ผืน
ตอนนี้เสียงหายใจฟืดฟาดดังก้องเต็มสองหู ทั้ง ๆ ที่เพิ่งปีนขึ้นลงเนินเล็ก ๆ ผ่านมาแค่ 3 เนิน ซึ่งยังต้องเจออีกไม่รู้กี่สิบเนิน ฉันจอดและจูงเจ้าสองล้อค่อย ๆ พากันเดินอย่างทุลักทุเล ขาสั่นน้อย ๆ กระซิบถามตัวเองในใจว่า “จะไปจริง ๆ ง่ะ ?” ไม่มีเสียงตอบกลับมา มีแต่ความเวิ้งว้างของสองข้างทาง
พระอาทิตย์กำลังลับทิวเขาอยู่ลิบ ๆ มองไปข้างหน้าไม่เห็นใคร มองย้อนกลับไปก็ว่างเปล่า มือยังคงกำแน่นอยู่ที่แฮนด์จักรยาน ปากพ่นลมเป็นระยะเพื่อช่วยจมูกหายใจ แต่ขาที่สั่นก็ยังถีบพาสองล้อไปข้างหน้าเรื่อย ๆ จนมาหยุดที่ยอดของความชัน
ฉันมองทางลาดลงที่ทอดยาวอยู่ข้างหน้า เผลอยิ้มออกมาโดยไม่ตั้งใจ ว่าแล้วฉันก็ขึ้นคร่อมเจ้าสองล้อ ค่อย ๆ ปล่อยตัวลงมาอย่างช้าาาาา ช้าาาา และค่อย ๆ แรงขึ้น เร็วขึ้น ตามแรงดึงดูดของโลก
ลมที่ปะทะหน้าและเนื้อตัว ทำให้เหงื่อละลายกลายเป็นความเย็นซ่านไปทั่วแผ่นหลัง ความเร็วระดับนี้ทำให้ใจฉันเต้นระรัว กลัวก็กลัว แต่สนุกมากกว่า ครานี้ทางชันแค่ไหนก็ไม่หวั่นปั่นไม่ไหวก็ลงเดิน เมื่อนึกถึงความรู้สึกตอนลงทางลาด ฉันบอกกับตัวเองเสียงหนัก ๆ ว่า ชอบ!!
8 กิโลเมตร กับระยะเวลาประมาณเกือบชั่วโมง อาจถือว่าเป็นนักปั่นที่เลว แต่สำหรับฉันถือว่าเป็นการเรียกน้ำย่อยวัยเด็กที่ดี จะมีสักกี่ครั้งที่เราจะรู้สึกสนุกจริง ๆ เหมือนเมื่อวัยเด็กเมื่ออยู่ในร่างคนโต สำหรับฉันมันไม่บ่อยนักหรอก
1
ฉันจูงจักรยานจอดไว้ตรงลานจอดรถ และเดินเข้าไปยังธารน้ำพุร้อน ต้นไม้ร่มครึ้มและมีธารน้ำสายเล็กมาก ไหลเอื่อย ๆ นักท่องเที่ยวนอนแช่อยู่ตลอดแนวลำธาร บ้างนั่งอยู่บนโขดหินแช่เท้า บ้างแช่กันทั้งตัวเป็นกลุ่ม บ้างนอนยิ้มหน้าแดงก่ำอยู่ในน้ำ ทำให้รู้ว่าน้ำท่าจะร้อนจริง
ฉันวางเป้ที่ข้างหินก้อนใหญ่ ถอดรองเท้าและถุงเท้าเพื่อผ่อนคลายหลังจากใช้งานเกินลิมิต และทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้วว่านี่น่ะน้ำร้อน แต่ก็ไม่คิดว่าจะร้อนขนาดนี้ เมื่อหย่อนเท้าลงไปในน้ำก็กระเด้งกลับมายืนบนดินภายในเวลา 1 วินาที จ๊ากกกกก!! พวกนั้นลงไปแช่กันได้ยังไงเนี่ย??
เมื่อฉันคุ้นกับคุณธารน้ำร้อนดีแล้ว ก็ผลัดเปลี่ยนเป็นผ้าถุงแล้วลงไปนอนแช่บ้าง ความร้อนทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย จากที่เมื่อยล้าก็หายขาด ไม่นึกว่าการนอนแช่น้ำพุร้อนจะสบายแบบนี้ ยิ่งเป็นการแช่กลางธรรมชาติอย่างนี้ด้วยแล้ว ยิ่งวิเศษเข้าไปใหญ่
พอดีที่ว่าฉันเห็นหญิงร่างเล็กกระทัดรัดจูงจักรยานตรงมาทางนี้ จึงร้องทักออกไป เธอก็ตอบทันควันเหมือนกัน “I’m not Thai” แต่ก็เดินตรงมาหยุดตรงหน้าฉัน
เธอเป็นหญิงสาวชาวสิงคโปร์วัย 32 ปั่นจักรยานมาจากปายคนเดียวเหมือนกัน เธอบอกว่ามีคนคิดว่าเธอเป็นคนไทยบ่อยมาก แน่นอน! ก็เธอหน้าเหมือนคนไทย-จีนอย่างกับถอดกันมา
“ซิวเซี่ยน” คือชื่อของเธอ … เราทำสัญญาใจกันว่าจะปั่นจักรยานกลับด้วยกันและเธอจะพาฉันไปดูที่พักเธอ ส่วนฉันก็จะอวด “บ้านน้ำปาย” ให้เธอยลเหมือนกัน
หลังจากฉันผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า เธอก็เอ่ยปากขอยืมผ้าถุงฉันไปใช้เพื่อแช่น้ำร้อนบ้าง ภาษาอังกฤษของเธอจะฟังง่ายมากถึงมากที่สุด แต่ฉันก็ไม่แน่ใจว่าภาษาอังกฤษของฉันจะทำให้เธองุนงงบ้างรึเปล่า เมื่อเธอขอร้องให้ฉันอธิบายวิธีการเปลี่ยนผ้าถุง!!
คนที่เคยใช้ผ้าถุงจะรู้ดีว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะใช้ครั้งแรกแล้วปลอดภัยไม่โป๊ ฉันใช้ผ้าถุงมาตั้งแต่ ม.1 นานพอที่จะผลัดเปลี่ยนมันกลางที่แจ้งโดยไม่อนาจาร แต่เพื่อนใหม่ฉันไม่เคยแตะมันมาก่อนและก็ไม่ได้เห็นฉันตอนผลัดผ้า เรื่องทุลักทุเลก็คือฉันต้องอธิบายเป็นภาษาอังกฤษผิด ๆ ถูก ๆ และเธอกำลังหัดใช้มันกลางป่าต่อหน้าสายตานับสิบคู่ ที่ไม่รู้ว่าแอบมองอยู่บ้างรึเปล่า
เราผ่านบทเรียน ผ้าถุงบทที่ 1 มาได้ด้วยดีจนทำให้เธอสนุก พร้อมบอกว่าก่อนกลับจะซื้อติดมือกลับไปใช้ที่บ้าน ตอนนี้ฉันกลายเป็นฑูตวัฒนธรรมไปซะแล้ว
1
ท้องฟ้าเริ่มครึ้มแต่ยังไม่มืดเมื่อตอนเราออกจากน้ำพุร้อนท่าปาย ขากลับไม่รู้สึกว่าไกลเหมือนขาไป อาจเพราะได้เพื่อนร่วมปั่น และ ร้องวู้เสียงดังลั่นทุ่งมาด้วยกัน ทาง 8 กิโลก็เลยเหมือน 4 กิโล
กลับมาถึงปายก็ค่ำพอดี ฉันพา ซิวเซี่ยน มาดูเรือนอาหารของบ้านน้ำปาย เธอร้องว้าวตื่นเต้น และบอกกับฉันว่าจะมาดินเนอร์ด้วยคืนนี้ เวลานัดของเราคือ 2 ทุ่ม
ซิวเซี่ยนที่สดใสมาพร้อมกับธูปหอม เธอบอกว่าซื้อที่ปายนี่แหละ คืนนี้นอกจากสายลม หมู่ดาว และแสงเทียน แล้ว เราก็ได้สูดกลิ่นหอมซึ่งเป็นของกำนัลจากเธอด้วย หอมขนาดที่ว่าพี่นิดเดินขึ้นมาถาม ได้กลิ่นหอมอะไรรึเปล่า เมื่อรู้ว่าเป็นธูปของเพื่อนฉัน ยังบอกว่าจะไปหาซื้อมาจุดบ้าง หอมใสหอมเย็นดีจริง
1
ฉันเพิ่งรู้สึกตัวก็เมื่อ ซิวเซี่ยน ถามว่าไม่เหงาเหรอเดินทางคนเดียว ฉันบอกว่าเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าหายเหงาแล้วก็ตอนที่เธอถามนี่แหละ
เราคุยกันเรื่องที่ฉันไม่คิดมาก่อนว่าจะคุยกับใครเป็นภาษาอังกฤษ แต่ก็ด้วยความบังเอิญหลายอย่างทำให้ฉันคุยอย่างออกรส เธอถามถึงศาสนา และเรื่องพระ เธออยากรู้ว่าศาสนาพุทธของไทยกับสิงคโปร์ต่างกันแค่ไหน ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ฉันคงตอบอะไรไม่ได้มากไปกว่าฉันนับถือศาสนาพุทธเพราะครอบครัว แต่เมื่อสองปีก่อนน้องชายฉันบวชเป็นพระ ทำให้ฉันสนุกที่จะคุยเรื่องนี้กับเธอ และอธิบายถึงพระที่ต่างกัน 2 สายโดยให้สังเกตุสีของจีวร ส่วนคำศัพท์ไหนที่นึกไม่ออกเธอก็ช่วยนึกให้
เราปิดท้ายค่ำคืนด้วยอ้อมกอดของมิตรภาพ เพราะพรุ่งนี้เธอต้องกลับแล้ว เธอหัวเราะแล้วบอกว่าขอบคุณที่ทักเธอก่อนที่น้ำพุร้อน ทำให้เธอเพิ่งรู้ว่ามิตรภาพเกิดขึ้นง่าย ๆ และเราสามารถมีค่ำคืนที่โรแมนติกได้โดยไม่ต้องพึ่งผู้ชาย!
1
ฉันก็ขอบคุณที่เธอไม่คิดว่าฉันบ้าแล้วเดินหนีไป ซึ่งเธอก็ทำให้ฉันรู้สึกเป็นครั้งแรกเหมือนกันที่ตัดสินใจไม่ผิดในการเดินทางคนเดียว!
1
ขี้เกียจรออ่านเป็นตอน ๆ สามารถซื้อ E-book ได้ที่นี่นะคะ 👇
โฆษณา