5 ส.ค. 2021 เวลา 05:57 • ท่องเที่ยว
ตลาดนัดน้ำปัน (Nanpan Market)
วิถีชีวิตของชาวอินทา เหมือนภาพชีวิตหลงยุคที่เปี่ยมเสน่ห์ ดึงคนจากทุกสารทิศให้ดั้นด้นมาเปิดประตูแง้มดูด้วยความทึ่ง กึ่งสงสัย ว่ายังมีดินแดนหลงยุคหลลงเวลาเหลืออยู่ในโลกปัจจุบัน ที่ห่างจากความ ศิวิไลซ์ในกรุงเทพเพียงแค่นิดเดียว
บรรยากาศหลงยุคของชาวอินทาสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนอีกที่ ตลาดนัดน้ำปัน ซึ่งเป็นตลาดนัดแบบหมุนเวียนของพ่อค้าแม่ค้าที่ยึดอาชีพขายของตามตลาดริมน้ำ แบบเดียวกับพ่อค้าเร่ในเมืองไทย พ่อค้าแม่ค้าเหล่านี้จะนำสินค้าลงเรือขนาดใหญ่ แล้วขึ้นฝั่งไปปักหลักตั้งแผงขายของกันที่หมู่บ้านทั้ง 5 ของทะเลสาบอินเลแห่งละวัน แล้วจึงหมุนเวียนกันไป ตลาดเหล่านี้จึงมักจะรู้จักในชื่อ Five Days Market
ตลาดนัดจะเริ่มตั้งแต่เช้ามืด ไปจนถึงเสลาบ่าย 2 โมง หลังจากนั้นตลาดจะวาย … พ่อค้าแม่ค้า เก็บสินค้าลงเรือแล่นไปยังหมู่บ้านอีกแห่งหนึ่งริมน้ำ อันเป็นแหล่งนัดหมาย ละเป็นที่รู้กันทั้งทะเลสาบว่า วันไหนจะมีตลาดนัดอยู่ที่ไหนบ้าง ตามความยาว 20 กิโลเมตร และความกว้าง 10 กิโลเมตรของทะเลสาบ … การหมุนเวียนของตลาดนัดจึงเป็นการกระจายสินค้า และให้ความสะดวกแก่ชุมชนที่อาศัยอยู่รอบๆทะเลสาบอย่างทั่วถึง
วันที่เราไปเยือน เป็นวันที่น้ำลงมาก เรือจอดแทรกขบวนเรือของนักท่องเที่ยวอื่นๆ และเรือของพ่อค้าแม่ค้าอีกหลายสิบลำ เพื่อส่งเราห่างจากตลาดหลายกิโลเมตร เราต้องเดินเท้ามุ่งหน้าไปยังตลาดด้วยตัวเอง แต่ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าตลาดที่เราต้องการจะไปนั้นอยู่ที่ไหน แต่สามารถสังเกตได้จากผู้คนเป็นแถวเป็นแนว ที่หาบข้าวของที่ซื้อหามาจากตลาดอยู่บนบ่า เดินมุ่งหน้ากลับบ้าน เราแค่ต้องเดินสวนทางกับพวกเขาเท่านั้นเองค่ะ
ระหว่างที่เดินๆอยู่บนทาง เราเจอกับพ่อเฒ่าที่เพิ่งจะกลับจากตลาด พ่อเฒ่าใจดีแบ่งข้าวเกรียบให้เรากินไป เดินไป ... น่ารักจริงๆค่ะ
ข้าวเกรียบที่คนไทยเราเรียกว่า "ข้าวเกรียบว่าว" คนที่นี่เขาเรียกกันว่า Mont Lay Pway แปลว่า Gone with the wind หรือ "ล่องลอยไปกับสายลม" คงด้วยเหตุที่หากลมพัดมากระทบข้าวเกรียบจะแตกปลิวไปเพราะความเปราะบางของแผ่นข้าวเกรียบ หรืออีกทีหากบิใส่ปาก ยังไม่ทันเคี้ยวก็จะสลายตัวไปอย่างรวดเร็ว
พื้นที่ที่เรามุ่งหน้าไปในวันนี้เป็นพื้นที่สูง จึงมีผืนดินที่สามารถใช้ทำนาได้มากพอสมควร จึงมองเห็นบ้านหลังกระทัดรัด เด็กเลี้ยงควาย และนาข้าว ที่มีภูเขาสีเข้มเป็นฉากหลัง ... สวยจนต้องหยุดมอง และถ่ายรูปอยู่บ่อยๆ และชวนให้คิดถึงภาพยนตร์ฝรั่งเรื่อง Heaven and earth อยู่ครามครัน
สีสันระหว่างทาง … หญิงเหล่านี้เป็นชาวปะหล่อง ชนเผ่าหนี่งใน 126 เผ่าในรัฐฉาน พวกเธอแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีดำ มีผ้าโพกหัวสีสดเป็นเครื่องประดับศีรษะ เธอเดินแบกฝืนมาใส่ในเรือให้กับลูกค้า ฉันชอบสีสันของชนเผ่าอยู่แล้วเป็นทุนเดิม เลยเดินตามพวกเธอมาที่สถานที่เป็นแหล่งรวมสินค้าฟืนของชาวปะหล่อง
ภาพชีวิตของชนเผ่าในอีกมุมหนึ่งของพม่า .. ภาพชีวิตหลงยุคหลงสมัยปรากฏอยู่ตรงหน้าฉัน ช่างเป็นชีวิตที่ยากลำบาก แต่ดูเหมือนว่าเป็นของธรรมดาสำหรับพวกเขา เห็นแล้วสะท้อนใจค่ะ และรู้สึกว่าคนไทยยังโชคดีมาก ที่ไม่ต้องต่อสู้กับความยากลำบากเช่นพวกเขาเหล่านี้
ข้าวต้มมัด … คุณยายใจดีชาวปะหล่อง คงนึกสงสารกลัวเราจะหิว เลยแบ่งปันข้าวต้มมัดมาให้ ความกลัวท้องเสียติดปีกบินหายไป ใจชื่นชมกับความมีน้ำใจของชาวบ้าน เลยผสมผสานให้รสชาติข้าวต้มมัดอร่อยมากมายทีเดียวค่ะ
ทิวเขา … บ้านหลังเล็กๆของชาวบ้าน … วัว ควาย ในท้องทุ่ง และเด็กเลี้ยงควาย … สีสันของวิถีชีวิตชาวอินเล
เรือกสวน ไร่นา … ดอกทานตะวันสีสดใสตัดกับท้องฟ้าสีครามเข้ม ให้มิติของภาพที่งดงาม …
แม่เฒ่าชาวไทใหญ่ และผู้คนในเสื้อผ้าแพรพรรณประจำเผ่า ที่เดินทางกลับจากการซื้อหาของกินของใช้ …
เกวียนเทียมวัว พาหนะที่มากคุณค่าในท้องที่ห่างไกล ใช้ได้สารพัดประโยชน์ ที่นี่รถยนต์ไม่มีความหมาย เพราะไร้ปั๊มน้ำมัน 5555+ สะใจจริงๆ
เราเดินมานานมากๆ (เพราะเรือแล่นเข้ามาลึกกว่าที่ท่าที่จอดส่งไม่ได้ ด้วยระดับน้ำที่แห้งขอด) เราชมนก ชมไม้ ชื่นชมกับความงดงามหลายอย่างริมทางที่เลยผ่าน … สุดท้ายเราเดินไปไม่ถึงตลาด แล้วเลือกที่จะหันหลังกลับ เพราะเสียเวลาไปมาก ยังมีสิ่งอื่นๆที่น่าสนใจให้เราค้นหาค่ะ เอาไว้โอกาสหน้าจะเดินทางมาอีกครั้ง
*******************
เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลกกับพี่สุ … รวม link บทความที่เขียนในเพจ ..
***เมืองไทย ไดอารี่ by Supawan
***Supawan’s colorful world
***สถานีอร่อย by Supawan
โฆษณา