14 ส.ค. 2021 เวลา 03:25 • ความคิดเห็น
[Classic Post]: ม้าตีนต้น-ม้าตีนปลาย / Anontawong's Musings
5
ช่วงนี้ใครขับรถเส้นพระราม 4 หรือนราธิวาส-ราชนครินทร์อาจจะเห็นป้ายโฆษณาเครื่องสำอางที่มีคุณเจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณเป็นพรีเซ็นเตอร์
1
แฟนผมบอกว่าเจ้าของเครื่องสำอางยี่ห้อนี้เป็นเพื่อนสมัยเรียนป.ตรีของเธอ ซึ่งตอนที่อยู่ในห้องเรียนก็ไม่ได้เป็นเด็กที่ได้คะแนนท๊อปของห้อง เรียนบ้างเล่นบ้างตามประสาเด็กผู้หญิงธรรมดาทั่วไป แต่พอจบมาแล้วเริ่มไปเปิดร้านขายเครื่องสำอางที่ต่างจังหวัดแล้วขายดีมาก จนเริ่มเข้ามาขายในกรุงเทพและทำเครื่องสำอางแบรนด์ของตัวเอง
2
-----
1
ที่บริษัทของผมจัดงานมินิมาราธอนมาสี่ครั้งแล้ว โดยเราจะจัดงานกันที่สวนลุมพินีในเย็นวันธรรมดาแล้วชวนเพื่อนพนักงานไปวิ่งด้วยกัน ใครวิ่งครบสองรอบตามเวลาที่กำหนดก็จะได้เหรียญที่ระลึกไป และรายได้ทั้งหมดจากการขายเสื้อเราจะมอบให้การกุศล
สองปีแรกที่จัดงานมีฝรั่งชื่อแกรมได้ครองแชมป์ถึงสองครั้ง (ปีที่สามเขาป่วยเลยไม่ได้ลงแข่ง และปีที่สี่เขาไปทำงานที่อื่นแล้ว)
ผมเคยคุยกับแกรม เขาบอกว่าตอนออกตัว เขาจะดีใจมากถ้ามีนักวิ่งหลายคนวิ่งแซงเขาไป
เพราะเขารู้แล้วว่าคนพวกนี้มักจะวิ่งเร็วเกินไป และจะหมดแรงก่อนวิ่งครบสองรอบ ซึ่งเขาก็มั่นใจว่าเขาจะกลับมาแซงนักวิ่งใจร้อนพวกนี้เพื่อเข้าเส้นชัยเป็นที่หนึ่ง
อันนี้ผมรู้ดีว่าเขาพูดแล้วทำได้จริง เพราะผมเองก็เคยโดนเขาแซงเหมือนกัน!
-----
เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว สมัยเรียนอยู่ปี 4 ผมเคยไปร่วมงานมินิมาราธอนที่จัดที่บางแสน (หรือพัทยาไม่แน่ใจ) โดยมีเด็กมหาลัยผมไปร่วมหลายคน
จำได้ว่าผมวิ่งไปพร้อมๆ กับ “ต้อง” น้องรหัส พอผ่านไปได้สามสองสามกิโลเมตร สปีดเขาก็ตกลง ผมเลยบอกเขาว่า ไม่ต้องรีบนะ วิ่งไปตามจังหวะของเรา – go at your own pace
จากนั้นเราก็แยกกันวิ่ง และไปถึงเส้นชัยทั้งคู่
เวลาที่เรามองไปรอบตัว เราอาจเห็นหลายคนที่เรียนจบมาพร้อมกัน แต่ดูเขาเจริญรุ่งเรืองกว่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหน้าที่การงาน ชีวิตครอบครัว ฐานะทางการเงิน หรือฐานะทางสังคม
จนบางทีเราก็อดตั้งคำถามกับตัวเองไม่ได้ว่า ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น
ทั้งๆ ที่เราก็ขยันทำงานเหมือนกัน สติปัญญาของเราก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาซะหน่อย
ผมว่าบางทีเราอาจจะอธิบายได้ด้วยแนวคิดที่ว่า บางคนเป็นม้าตีนต้น บางคนเป็นม้าตีนกลาง และบางคนก็เป็นม้าตีนปลาย
ที่เขาวิ่งนำหน้าเราฉิวๆ นั้น เราไม่รู้หรอกว่าเขาผ่านอะไรมาบ้าง และกำลังประสบกับอะไรอยู่บ้าง
เขาอาจจะแซงหน้าเราในบางเรื่อง แต่ใครจะรู้ว่าด้านที่เขาไม่ได้เปิดเผยนั้น เขาอาจจะตามเราอยู่ก็ได้
หลายสิ่งหลายอย่างที่เราทำ อาจจะยังไม่เห็นผลในวันนี้ แต่ขอให้เชื่อว่า ถ้ายังหมั่นรดน้ำพรวนดิน ยังไงซะมันก็จะผลิดอกออกผลในวันหน้า
จึงไม่มีความจำเป็นต้องไปแข่งกับคนอื่น เพราะถ้าเราคิดเปรียบเทียบ ใจก็ขุ่นเปล่าๆ
เพราะชีวิตคือการวิ่งมาราธอน
จุดประสงค์จึงไม่ใช่เพื่อเอาชนะใคร แต่เป็นการประคับประคองตัวเองให้วิ่งได้จนจบการแข่งขัน
1
ถ้าเรามัวแต่กลัวว่าจะตามคนอื่นไม่ทัน และรีบเร่งฝีเท้า เราอาจจะเหนื่อยจนหมดแรงก่อนก็ได้
ทางที่ดีที่สุดคือวิ่งในสปีดที่เหมาะกับตัวเอง – go at your own pace
3
ถ้าไม่นอกลู่นอกทางหรือหันหลังกลับ ยังไงก็ถึงเส้นชัยแน่นอน
Anontawong's Musings Classic Post from July 2016
โฆษณา