18 ส.ค. 2021 เวลา 17:09 • ประวัติศาสตร์
วันที่ ๑๙ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๔๘๙
หลังจากขึ้นครองราชย์ได้เพียง ๒ เดือนเศษ ก็ต้องเสด็จกลับไปทรงศึกษาต่อที่สวิตเซอร์แลนด์
"วันนี้ถึงวันที่เราจะต้องจากไปแล้ว"
เจรฺิญชาแนลวาดเพื่อจัดทำปฎิทินในปี ๒๕๖๕
พอถึงเวลาก็ลงจากพระที่นั่งพร้อมกับแม่ ลาเจ้านายฝ่ายใน ณ พระที่นั่งชั้นล่างนั้นแล้ว ก็ไปยังวัดพระแก้วเพื่อนมัสการลาพระแก้วมรกต และพระภิกษุสงฆ์ ลาเจ้านายฝ่ายหน้า ลาข้าราชการทั้งไทยและฝรั่ง
ตลอดทางที่รถพระที่นั่งแล่นผ่านฝูงชนที่มาส่งเสด็จอย่างล้นหลาม ได้ทอดพระเนตรเห็นประชาชนที่แสดงความจงรักภักดี บางแห่งใกล้จนทอดพระเนตรเห็นดวงหน้าและแววตาชัด ที่บ่งบอกถึงความเสียขวัญอย่างใหญ่หลวง ทั้งเต็มไปด้วยความรักและห่วงใย
ขวัญของคนเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าขาดกำลังใจ ถ้าขวัญเสีย มีแต่ความหวาดระแวง ประเทศจะมีแต่ความอ่อนแอและแตกสลาย
พอรถแล่นออกไปได้ไม่ถึง ๒๐๐ เมตร มีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาหยุดรถแล้วส่งกระป๋องให้เราคนละใบ ราชองครักษ์ไม่แน่ใจว่าจะมีอะไรอยู่ในนั้น บางทีจะเป็นลูกระเบิด เมื่อมาเปิดดูภายหลังปรากฏว่าเป็นทอฟฟี่ที่อร่อยมาก
ตามถนนผู้คนช่างมากมายเสียจริงๆ ที่ถนนราชดำเนินกลาง ราษฎรเข้ามาใกล้จนชิดรถที่เรานั่ง กลัวเหลือเกินว่า ล้อรถของเราจะไปทับแข้งทับขาใครเข้าบ้าง รถแล่นฝ่าฝูงคนไปได้อย่างช้าที่สุด
ถึงวัดเบญจมบพิตร รถแล่นเร็วขึ้นได้บ้าง ตามทางที่ผ่านมา ท่ามกลางเสียงโห่ร้องถวายพระพรได้ยินเสียงใครคนหนึ่งร้องขึ้นมาดังๆ เข้าพระกรรณ์ ว่า....
"ในหลวง อย่าละทิ้งประชาชน"
อยากจะร้องบอกเขาลงไปว่า
"ถ้าประชาชนไม่ทิ้งข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าจะทิ้งประชาชนอย่างไรได้"
การเสด็จฯ กลับไปทรงศึกษาต่อที่สวิตเซอร์แลนด์ครั้งนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจำต้องเปลี่ยนสาขาวิชาที่ทรงศึกษาอยู่เดิม จากวิชาวิทยาศาสตร์มาเป็นกฎหมายและรัฐศาสตร์ เพื่อให้เหมาะสมกับการเป็นพระประมุขของประเทศ เพื่อจะได้นำความรู้ ความสามารถ พัฒนาประเทศ กลับมาดูแลประชาชนของพระองค์ และพระองค์ทรงกลับมา...กลับมาทำสิ่งเหล่านี้...ให้ประชาชนของพระองค์
#charoen #เจริญสุข #เจริญจิต #เจริญใจ #เจริญชาแนล
โฆษณา