21 ส.ค. 2021 เวลา 09:18 • ข่าว
หนึ่งสถานที่สองความรู้สึก ของผู้ได้หนีจากอัฟกานิสถานและผู้รอคอย
บรรยากาศรอบสนามบินสนามบินฮามิด คาไซ ในกรุงคาบูล ยังคงเต็มไปด้วยพลเมืองชาวอัฟกานสถานที่รอความหวังว่าจะได้เดินทางออกนอกประเทศ เพื่อไปเริ่มต้นชีวิตใหม่เอาดาบหน้า กับเครื่องบินทหารของกองทัพต่างชาติไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ หรืออังกฤษ
นับตั้งแต่วันนี้ที่กลุ่มตาลีบันยึดกรุงคาบูลและประกาศตั้งรัฐบาลของตัวเองขึ้นมา ความวุ่นวายในเมืองหลวงแห่งนี้ยังคงไม่จางหายไป ผู้คนนับหมื่นนับพันพยายมเบียดเสียดยัดเยียด เพื่อยื้อแย่งให้ตัวเองได้หนีออกจากประเทศ เพราะไม่อาจเฝ้ามองดูอนาคตของตัวเองในวันที่รัฐบาลซึ่งใช้กฎหมายตามหลักศาสนาอิสลามเข้มข้น เข้ามาปกครองประเทศอีกครั้ง ซึ่งอาจทำให้พวกเขาไร้อิสรภาพที่มีอยู่อย่างน้อยนิด
ผู้คนที่ได้รับอนุญาตให้เดินทางออกนอกประเทศได้ ต่างก็เข้าคิวเพื่อรอโดยสารเครื่องบิบเพื่อไปยังค่ายผู้ลี้ภายซึ่งอยู่ในแถบประเทศเพื่อบ้านรอบๆ อ่าวเปอร์เซีย ต่างก็มีสีหน้าดีใจ ถึงแม้จะไม่ใช่ความดีใจที่สุดในชีวิตก็ตาม แต่สำหรับพวกเขาหรือเธอ มันคงเป็นทางที่ดีที่สุดที่เลือกแล้ว
ส่วนผู้คนที่ไม่อาจจะเดินทางได้ในตอนนี้ต่างยังคงเฝ้ารออย่างมีความวังรอบๆ สนามบินที่มีรั้วรอบขอบชิดสูงที่ด้านบนยังติดตั้งรั้วลวดหนาม พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ทหารที่คอยระแวดระวังไม่ให้ผู้คนบุกเข้ามาในสนามบินอีกจนเกิดเหตุการณ์วุ่นวาย และมีเหตุสลดขึ้นเหมือนวันแรกที่ตาลีบันยึดประเทศ
ภาพของความสิ้นหวังที่สนามบินกรุงคาบูล บีบให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดนต้องปกป้องการจัดการกับการอพยพ และจุดชนวนให้เกิดการฟ้องร้องจากพันธมิตรอเมริกันที่กำลังดิ้นรนเพื่อเอาพลเมืองของตนออกจากอัฟกานิสถาน
ไบเดนกล่าวว่า ปฏิบัติการที่นำโดยสหรัฐฯ ทำให้เกิด “ความคืบหน้าอย่างมีนัยสำคัญ” หลังจากเริ่มต้นอย่างยากลำบาก โดยมีทหารอเมริกันเกือบ 6,000 นายอพยพชาวอเมริกัน 5,700 คน ชาวอัฟกัน และคนอื่นๆ ในวันพฤหัสบดี เที่ยวบินถูกระงับเป็นเวลาหลายชั่วโมงในวันศุกร์ เคลียร์ผู้คนที่อยู่ในสนามบิน
“เรากำลังดำเนินการกับผู้จัดส่ง ชาวอเมริกันคนใดที่ต้องการกลับบ้าน เราจะพาคุณกลับบ้าน”
2
อย่างไรก็ตาม คำพูดที่ให้ความมั่นใจของไบเดนขัดแย้งกับความเป็นจริงที่น่ากลัวในกรุงคาบูล ซึ่งเกิดความตื่นตระหนกและกลุ่มตาลีบันล้อมรอบสนามบินด้วยความหวาดกลัว ในขณะที่นาย ไบเดนให้คำมั่นที่จะไม่ละทิ้งพลเมืองอเมริกันหรือชาวอัฟกันที่ช่วยงานกองทัพสหรัฐฯ เขาทิ้งให้คนอื่นไม่รู้เรื่องอยู่ในบริเวณพื้นที่อันตราย และพูดยอมรับออกมาว่า
1
“ผมสัญญาไม่ได้ว่าผลลัพธ์สุดท้ายจะเป็นอย่างไร”
ระหว่างที่ชาวอัฟกันหลายพันคนยังคงล้อมประตูสนามบิน โดยขอร้องให้ขึ้นเครื่องบิน กองกำลังติดอาวุธตาลีบันก็ข่มขู่คุกคามพวกเขาด้วยไม้และด้ามปืนไรเฟิล ฝูงชนที่วิตกกังวล โดยผู้หญิงและเด็กถูกส่งตัวขึ้นไปในอ้อมแขนของกองทหารอเมริกันที่อยู่อีกด้านหนึ่ง
1
ในภาพบาดใจภาพหนึ่งคือ นาวิกโยธินพิงรั้วลวดหนามเพื่อรับทารกจากผู้ที่เป็นแม่ที่ไม่สามารถจะเดินทางไปได้ แต่ขอให้ลูกได้ออกจากประเทศนี้ไปแทน แต่ทางเพนตากอนกล่าวว่า ทารกป่วย ต้องได้รับการรักษา แต่สุดท้ายก็จะต้องกลับมาส่งให้กับครอบครัว ไม่สามารถพาเด็กเล็กแบบนี้ออกเดินทางไปเพียงลำพังได้
2
ผู้คนจำนวนมากถูกตาลีบัน ข่มขู่ถูกขับไล่ด้วยแก๊สน้ำตาสีแดงและการยิงปืนขึ้นบนฟ้า และมีการเอาปืนจ่อที่ศีรษะของชายคนหนึ่งเล่าเหตุการที่เขาเจอและเตือนเขาว่า “กลับไปบ้านซะ ไม่อย่างนั้นฉันจะยิงแก”
บริเวณทางตะวันออกของสนามบิน ชาวอัฟกันหลายร้อยคนปะทะกับทหารอังกฤษขณะพยายามเข้าไปในบริเวณที่อังกฤษควบคุม ในวิดีโอที่สำนักข่าว BBC โพสต์บนโซเชียลมีเดีย กองทหารสั่งให้ผู้คนออกจากทางเข้า ภาพแสดงให้เห็นทหารกำลังเหวี่ยงชายคนหนึ่งลงไปที่พื้น
1
“เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าไปในสนามบิน หากคุณยังคงพยายามเข้าไป คุณอาจถูกยิงเสียชีวิต ผมเห็นเด็กสาววัยรุ่นถูกเหยียบเมื่อวานนี้ เธอตายแล้วและพ่อของเธอก็ร้องไห้”
ชายชาวอัฟกันคนหนึ่งเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ ส่วนตัวเขาก็พยายามถึง 6 ครั้งในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเพื่อไปถึงสนามบิน แต่มันก็ล้มเหลว
1
ทั้งนี้มีประชาชนมากกว่า 18,000 คน เดินทางออกจากกรุงคาบูลตั้งแต่ตาลีบันเข้ายึดครอง จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือ NATO แต่ก็ยังมีประชาชนอีกหลายพันคน ซึ่งผิดหวังที่จะเดินทางออกนอกประเทศ ยังคงหลั่งไหลไปรวมตัวกันที่สนามบิน
แหล่งอ้างอิง
╔═══════════╗
ไม่พลาดบทความสาระดีๆ ที่ Reporter Journey ตั้งใจสร้างสรรเพื่อผู้ติดตามทุกท่าน อย่าลืมกดติดตามเพจ ติดตาม Reporter Journey ได้ทุกช่องทางที่
╚═══════════╝
โฆษณา