16 ก.ย. 2021 เวลา 08:50 • การเกษตร
ปฐมบทเกษตรอินทรีย์เริ่มต้นที่นี่?
ถ้าจะพูดถึงประเทศที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีการเกษตรอย่างก้าวหน้าและต่อเนื่องหนึ่งในนั้น
ก็คงต้องยกให้ประเทศญี่ปุ่น
ย้อนเวลากลับไปหลายปีก่อนตอนที่ผมเข้ามาเริ่มงานส่งเสริมอาชีพเกษตรใหม่ๆ
ราวปี 2549 ผมได้รับหนังสือเล่มหนึ่งมาจากพ่อ
หนังสือเล่มนั้นชื่อ
'การประยุกต์ใช้จุลินทรีย์อีเอ็มเพื่อการเกษตรและสิ่งแวดล้อมวันนี้ ,ตีพิมพ์ปี 2545'
แรกๆ ก็ไม่มีความเชื่อถือศรัทธาใดๆ ในหนังสือเล่มนี้เลย เพราะมันขัดกับแนวคิดเกษตรกรรมเคมีที่ผมเคยเรียนรู้ในมหาวิทยาลัยอย่างสิ้นเชิง
โชคดีที่ผมยังเก็บหนังสือเล่มนี้เอาไว้
ด้วยภาระหน้าที่การงานบังคับเลยต้องจำยอมลองทำตามอย่างเลี่ยงเสียไม่ได้
ล้มลุกคลุกคลานลองถูกลองผิด 15 ปี ผ่านไปทำให้ผมได้รู้ว่าเกษตรธรรมชาติมันสามารถทำได้จริง
แต่ต้องทำแบบค่อยเป็นค่อยไปจะมาใช้วิธีหักด้ามมีดด้วยสันแข้งคงไม่ไหว
หรือที่วงการเกษตรสมัยใหม่เขาเรียกว่าการทำ
เกษตรอินทรีย์นั่นเองครับ
หนึ่งในบุคคลผู้ที่มีคุณูปการต่อวงการเกษตรอินทรีย์ในปัจจุบันจะไม่กล่าวถึงคงไม่ได้นั่นก็คือ
ศ.ดร.เทรูโอะ ฮิหงะ
นักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญสาขาพืชสวน มหาวิทยาลัยริวกิว เมืองโอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น
ท่านได้ศึกษาแนวคิดเรื่องดินมีชีวิตของท่าน
โมกิจิ โอกะดะ (2425-2498) บิดาแห่งการเกษตรธรรมชาติของโลก
1
จากนั้น ศ.ดร.เทรูโอะ ฮิหงะ เริ่มค้นคว้าทดลอง
ตั้งแต่ปี 2510 และค้นพบ EM เมื่อปี 2526
นั่นจึงถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนที่สั่นสะเทือนวงการเกษตรกรรมเคมีที่โลกเคยยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมานานนับ 6 ทศวรรษ ตั้งแต่มีการปฏิวัติเขียว
ท่านอาจารย์ เทรูโอะ ฮิงะ อุทิศตนทุ่มเททำการวิจัยแล้วค้นพบว่ากลุ่มจุลินทรีย์ EM นั้นสามารถทำงานได้ผลจริง
หลังจากนั้นไม่นานราวปี 2537 ศ.วาคุกามิได้นำเรื่องนี้มาเผยแพร่ต่อในประเทศไทย
โดยท่านเป็นประธานมูลนิธิบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ด้วยกิจกรรมทางศาสนา
หรือคิวเซ
(คิวเซ แปลว่าช่วยเหลือโลก)
1
โดยมีศูนย์ฝึกอบรมและเผยแพร่เกษตรธรรมชาติคิวเซ ตั้งอยู่ที่อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี
หนังสือเล่มนี้เกษตรกรสายอินทรีย์หลายท่านคงจะเคยเห็นผ่านตามาบ้างแล้ว ตอนนี้หลายท่านอาจจะมีอยู่ในมือก็ได้
ถ้าใครมีก็ขอให้เก็บรักษาไว้ให้ดีนะครับ ผมว่ามันคือสุดยอดเคล็ดวิชาที่เป็นรากเหง้าของเกษตรกรรมธรรมชาติที่โลกเคยมีมาเลยทีเดียว
โดยสรุปเนื้อหาสาระในหนังสือเล่มนี้ได้พูดถึงการทำเกษตรธรรมชาติ โดยการประยุกใช้จุลินทรีย์อีเอ็มในหลากหลายกิจกรรม ทั้งปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
อีเอ็ม(EM) คืออะไร?
EM ย่อมาจาก Effective Microorganism
หมายถึงกลุ่มจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ
จุลินทรีย์มี 3 กลุ่มคือ
1).กลุ่มสร้างสรรค์มี 10%
2).กลุ่มทำลายมี 10%
3).กลุ่มเป็นกลางมีมากถึง 80 %
จากวันที่ ศ.วาคุกามิได้นำวิธีการทำเกษตรกรรมธรรมขาติเข้ามาเผยแพร่ในประเทศไทย
27 ปีกำลังจะผ่านพ้นไป
ท่ามกลางมรสุมลมแรงที่พัดถาโถมใส่เรือลำน้อยๆ ที่เริ่มคล้อยออกจากฝั่งด้วยอุดมการณ์
อันแรงกล้า
ต้องฝ่าบททดสอบที่หนักหนาสาหัสชนิดที่ว่าเลือดตาแทบกระเด็น ต่อสู้กับแนวคิดการทำเกษตรกรรมเคมีที่มีกลุ่มทุนยักษ์ใหญ่ระดับโลกคอยหนุนหลัง
ถึงแม้วันนี้เกษตรกรหลายท่านอาจจะยังไม่เข้าใจ
ในหลักการอันยอดเยี่ยมนี้
แต่ผมเชื่อแน่ว่าผู้บริโภคอย่างเราท่านนี่แหละจะเป็นผู้ตัดสินชี้ขาดบนเวทีว่าใครคือตัวจริง
เพราะทุกท่านต่างเข้าใจตรงกันแล้วใช่ไหมครับว่าเกษตรกรรมธรรมชาติเท่านั้นคือคำตอบสุดท้ายของมวลมนุษยชาติ
มีงานวิจัยจากหลายสถาบันที่น่าเชื่อถือต่างเห็นพ้องต้องกันแล้วว่า เกษตรกรรมเคมีนั้นมีสารพิษตกค้างหลายชนิดที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของ
ผู้บริโภค
เคยมีปราชญ์พูดเอาไว้ว่า
'อย่าเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง' ผมก็เชื่อมั่นในหลักการนี้
แต่อย่าลืมว่า
ไม้ซีกหากมีแค่อันเดียวก็คงไม่เท่าไหร่แต่ถ้าหลายๆ ไม้รวมกันเข้า มันก็มีโอกาสงัดไม้ซุงให้กระเด็นหลุดวงโคจรไปได้เช่นกัน
ถ้าเช่นนั้นเรามาช่วยกันงัดดีไหมครับ?
งัดถั่งงัด
งัดถั่งงัด
งัดถั่งงั่ด
ถั่งงัดๆ!
1
เกษตรเอส'Society
"อยากเห็นคนในสังคมนี้ 
มีรอยยิ้มและความสุข"
หากชอบช่วยกดไลค์ กดแชร์ กดติดตามเพื่อเป็นกำลังใจให้ผมและทีมงานด้วยนะครับ หรือจะเข้ามาเขียนคอมเม้นต์เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ก็ยินดีครับ
ติดตามอ่านบทความได้ที่
🙂
โฆษณา