29 ส.ค. 2021 เวลา 10:50 • นิยาย เรื่องสั้น
ความตายของคาเรน ซิลค์วู้ด
แปลจาก The Death of Karen Silkwood ของจอยซ์ ฮันนัม
บทที่ ๕ เจ้าหน้าที่สหภาพแรงงานคนใหม่
หลังการถูกจับเข้าห้องล้างตัว ซูซานดูเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด เคร่งขรึมพูดน้อยและไม่ค่อยหัวเราะบ่อยๆ เหมือนเมื่อก่อน ไม่กี่เดือนต่อมาหลังเกิดเหตุการณ์นั้น คาเรนไปดื่มกับซูซานที่บาร์แห่งหนึ่งในตอนเย็นหลังเลิกงาน
"รู้อะไรมั้ย คาเรน เราต้องไปให้พ้นจากโรงไฟฟ้านี้ เพราะมันอันตรายมาก เธอสังเกตมั้ยว่าเราได้ยินสัญญาณเตือนภัยดังขึ้นกี่ครั้งแล้ว มันมีแต่จะยิ่งบ่อยขึ้น และทุกครั้งที่ได้ยิน เราต่างก็รู้ว่ามีใครสักคนกำลังตกอยู่ในอันตราย"
"มันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน ฉันไม่เข้าใจเลย" คาเรนกล่าว
"คือโรงไฟฟ้านี้ทำงานกันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ไม่มีทางที่ใครจะรักษาความปลอดภัยให้ตัวเองได้อย่างเคร่งครัดทุกครั้ง เพราะมันต้องใช้เวลา ทีนี้พอเราหมดกะ ก็มีพนักงานกะกลางคืนเข้ามาทำงานต่อทันที แล้วพวกผู้จัดการมันก็ไม่สนใจเรื่องความปลอดภัยกันหรอก มันสนใจแต่เงินอย่างเดียว แล้วเธอรู้อะไรมั้ย คาเรน ฉันเองก็ไม่ต่างจากพวกมันเท่าไหร่ ในหัวฉันคิดถึงแต่เรื่องเงิน เพราะฉันมีลูกสามคนแถมผัวก็ตาย ฉันอยากได้เงินจากโรงไฟฟ้านี่ เพราะมันให้ฉันได้มากกว่างานอื่นๆในโอคลาโฮม่า แล้วค่าใช้จ่ายของเด็กสามคนก็แพงมาก...แพงเหลือเกิน..."
"จ้ะ" คาเรนตอบ "ฉันเข้าใจ ฉันกับดรูว์คุยกันเรื่องนี้แล้ว เขากำลังคิดอยู่เหมือนกันเรื่องลาออก"
"ผู้ชายที่ยังหนุ่มยังแน่นแบบดรูว์ยังพอมีหนทาง เขาหางานใหม่ทำได้สบายๆ เธอเองก็เหมือนกันนะ คาเรน ทำไมเธอไม่ลาออก"
"เพราะว่าฉันตั้งใจจะเปลี่ยนแปลงมันน่ะสิ ฉันชอบงานที่นี่ และชอบเพื่อนร่วมงานด้วย แถมรายได้ยังดีอีกต่างหาก เราแค่ต้องปรับปรุงระบบรักษาความปลอดภัยก็เท่านั้น ฉันไม่เห็นว่ามันจะยากเย็นตรงไหน เราต้องไปคุยกับพวกผู้จัดการเพื่อชี้ให้เห็นถึงความสำคัญในเรื่องนี้ เธอรู้จักบ็อบที่อยู่ห้องแล็บหมายเลข ๑๖ นี่ เดี๋ยวก่อนอย่าเพิ่งหัวเราะ เขามาชวนฉันเข้าไปเป็นกรรมการสหภาพแรงงาน ฉันว่าจะลองดู"
"ไม่ได้หรอกคาเรน เธอเป็นผู้หญิงนะ ไม่เคยมีผู้หญิงได้เป็นกรรมการเลยสักคน พวกผู้ชายไม่ลงคะแนนเสียงให้เธอหรอก" ซูซานพูด
"ก็ไม่แน่" คาเรนตอบ "ว่าแต่เธอเถอะ จะลงคะแนนเสียงให้ฉันรึเปล่าล่ะ เธอรู้มั้ยว่ามีผู้หญิงทำงานในโรงไฟฟ้านี้เท่าไหร่ เป็นร้อยๆเลยนะ แล้วทำไมพวกผู้ชายถึงไม่ลงคะแนนเสียงให้ฉัน ไม่แน่นะฉันอาจจะเป็นผู้หญิงคนแรกที่ขอให้พวกเขาลงคะแนนเสียงให้ฉันก็ได้"
"เอ่อ..." ซูซานยิ้ม ก่อนจะเงียบไปเพราะไม่รู้จะตอบคาเรนไปว่าอย่างไรดี
สัปดาห์ถัดมา มีการประชุมพนักงานเพื่อลงคะแนนเสียงคัดเลือกกรรมการสหภาพแรงงานคนใหม่ ปรากฏว่าพนักงานหญิงส่วนใหญ่พากันลงคะแนนให้คาเรน เช่นเดียวกับพนักงานชายอีกจำนวนไม่น้อย เนื่องจากทุกคนเห็นถึงความตั้งใจของเธอที่ต้องการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมในโรงงานให้ดีขึ้น โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัยของพนักงานถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง ด้วยเหตุนี้ คาเรนจึงกลายเป็นเจ้าหน้าที่คนใหม่ของสหภาพแรงงานในโรงไฟฟ้าแห่งนี้
บทที่ ๖ การประชุมในกรุงวอชิงตัน
ประมาณหนึ่งถึงสองเดือนถัดมา สัญญาณเตือนภัยดังขึ้นอีก คราวนี้คนที่ยืนยืนอยู่หน้าเครื่องสแกนพอดีคือคาเรน หญิงสาวไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียวขณะที่ชายในชุดป้องกันมาพาตัวเธอไปห้องล้างตัว หลังเสร็จสิ้นการทำความสะอาด คาเรนตั้งคำถามพวกเขาหลายข้อเกี่ยวกับมาตรการความปลอดภัยภายในโรงไฟฟ้า แต่กลับไม่ได้รับคำตอบใดๆ นอกจากท่าทีฉุนโกรธ
พวกเขารู้ว่าคาเรนเป็นหนึ่งในคณะกรรมการสหภาพแรงงาน จึงออกจะหวั่นเกรงเธออยู่ไม่น้อย พวกผู้จัดการเองก็รู้ว่าเธออยู่ในสหภาพแรงงานเช่นกัน เพราะหญิงสาวมักจะถือสมุดโน้ตติดตัวไว้ตลอด คอยจดบันทึกวันและเวลาที่สัญญาณเตือนภัยดัง การพาตัวพนักงานไปเข้าห้องล้างตัว รวมถึงอันตรายอื่นๆที่เกิดขึ้นภายในโรงงาน ทุกครั้งที่เธอพูดคุยและตั้งคำถามต่างๆกับพนักงานหลายคน เธอมักจะบันทึกลงในสมุดเป็นประจำจนสมุดใกล้จะเต็ม
เดือนกันยายน ปี ๑๙๗๔ กรรมการสหภาพแรงงานได้จัดการประชุมขึ้น พนักงานทุกคนต่างเห็นพ้องต้องกันว่ามาตรการรักษาความปลอดภัยในโรงไฟฟ้าอยู่ในภาวะวิกฤติ กรรมการสหภาพฯ จึงเขียนจดหมายขอความช่วยเหลือไปยังผู้นำสหภาพแรงงานในกรุงวอชิงตัน สองวันถัดมามีโทรศัพท์นัดหมายให้กรรมการสหภาพแรงงานเดินไปร่วมประชุมกับผู้นำสหภาพฯ ที่กรุงวอชิงตันโดยด่วน
การเดินทางไปกรุงวอชิงตันถือเป็นการผจญภัยสำหรับคาเรนโดยแท้ เธออยากไปเห็นทำเนียบประธานาธิบดีและสถานที่สำคัญอื่นๆในเมืองหลวงของสหรัฐอเมริกาเอามากๆ ทว่าน่าเสียดายที่เธอมีเวลาจำกัด เนื่องจากส่วนใหญ่ต้องเข้าร่วมประชุมอันยืดเยื้อยาวนาน
ในตอนแรก ผู้นำสหภาพฯ รับฟังข้อมูลต่างๆที่คาเรนและกรรมการคนอื่นเล่าถึงโรงไฟฟ้า ใบหน้าของแต่ละคนยิ่งเครียดมากขึ้นเมื่อได้ยินคาเรนเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
"พวกผู้จัดการถ่ายรูปแท่งเชื้อเพลิงเพื่อตรวจดูว่าเจ้าสิ่งนั้นมันปลอดภัย แต่ฉันรู้ว่าพวกเขาแอบเปลี่ยนฟิล์ม ทำไมน่ะเหรอ ก็เพราะว่ารูปถ่ายพวกนั้นมันแสดงให้เห็นชัดเจนว่าแท่งเชื้อเพลิงพวกนั้นมันไม่ปลอดภัยน่ะสิ"
ผู้นำสหภาพฯ คนหนึ่งกล่าวกับคาเรนทันที "คุณรู้หรือเปล่าว่ากำลังพูดอะไรออกมา มิสซิลค์วู้ด หากที่คุณพูดมาเป็นความจริง ก็แสดงว่าชีวิตของคนจำนวนไม่น้อยกำลังตกอยู่ในอันตราย เพราะยูเรเนียมเป็นแร่ธาตุที่มีอันตรายมหันต์"
"ดิฉันแค่พูดให้ท่านรับรู้ในสิ่งที่พนักงานในห้องแล็บถ่ายภาพบอกดิฉันมาก็เท่านั้น" คาเรนตอบ
"ถ้านั่นเป็นเรื่องจริง รัฐบาลจะต้องสั่งปิดโรงไฟฟ้า แล้วคุณรู้มั้ยว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผู้คนมากมายจะตกงาน แล้วมันจะกลายเป็นข่าวพาดหัวหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ"
หญิงสาวเครียดขึ้นมาทันที "งั้นหรือคะ แต่เราต้องการแค่ให้ผู้จัดการโรงไฟฟ้าปรับปรุงมาตรการรักษาความปลอดภัยให้ดีขึ้นเท่านั้นเอง"
"ผมคิดว่ามันสายเกินกว่าจะทำแค่นั้นแล้ว"
หลังการประชุม มีผู้นำสหภาพฯ คนหนึ่งเดินมาหาคาเรนที่โถงทางเดิน
"ผมขอคุยอะไรด้วยสักครู่นะครับ" เขากล่าว
เขาเดินนำคาเรนเข้าไปให้ห้องเล็กๆ และปิดประตู เพราะไม่ต้องการให้มีคนอื่นได้ยิน
"คาเรน เราต้องการหลักฐานเกี่ยวกับฟิล์มภาพถ่ายพวกนั้น เพราะถ้าไม่มีหลักฐาน ก็จะไม่มีใครเชื่อเราเด็ดขาด คุณช่วยเอามาให้เราได้มั้ย"
"คุณอยากได้หลักฐานแบบไหนคะ"
"ต้องมีบางคนที่เข้าไปในห้องแล็บถ่ายภาพเพื่อขโมยฟิล์มต้นฉบับแน่ๆ เราต้องการทั้งฟิล์มต้นฉบับกับฟิล์มที่ถูกสับเปลี่ยนแล้วมายืนยัน คุณรู้มั้ยว่าฟิล์มต้นฉบับถูกเก็บไว้ที่ไหน"
"รู้ค่ะ" คาเรนตอบเสียงเบา "แต่คงจะยากมาก เพราะฉันไม่ได้ทำงานในห้องแล็บถ่ายภาพ ถ้าเกิดมีผู้จัดการคนหนึ่งเห็นฉันอยู่ในนั้น ฉันจะตอบคำถามเขาว่ายังไง"
"ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เชื่อว่าคุณน่าจะคิดหาทางได้ เพราะเราช่วยอะไรคุณไม่ได้หากว่าไม่มีหลักฐาน"
ทั้งคู่ต่างก็เงียบงันกันไป คาเรนหันออกไปมองแสงอบอุ่นของยามเย็นนอกหน้าต่าง หวนนึกถึงยิ้มที่มุมปากของมิสเตอร์เบลี่ย์กับเสียงกรีดร้องอย่างทรมานของซูซานขณะอยู่ในห้องล้างตัว
"ตกลงค่ะ" เธอตอบ
"ดีมาก มันอันตรายมากนะ เพราะฉะนั้นห้ามให้ใครรู้เด็ดขาดว่าคุณกำลังทำอะไร แม้แต่เพื่อนคุณในคณะกรรมการฯ มีผมคนเดียวเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ ผมจะโทรหาคุณสัปดาห์ละครั้งเพื่อสอบถามความคืบหน้า"
"ห้ามทุกคนเลยหรือคะ ฉันบอกดรูว์ แฟนฉันได้มั้ย" คาเรนถาม
"ไม่ได้ เพราะคนที่รู้เรื่องจะพลอยตกอยู่ในอันตรายไปด้วย"
"ค่ะ ถ้างั้นฉันจะทำอย่างเต็มที่" คาเรนพูดช้าๆ
"คุณต้องระวังตัวให้ดีนะครับ คุณกล้าหาญมาก ขอบคุณที่ยอมตกลงทำตามที่บอก
คาเรนลุกขึ้นยืน นอกหน้าต่างดวงอาทิตย์ยังคงส่องแสง แต่หญิงสาวกลับรู้สึกหนาวเยือกและเดียวดาย
"ฉันโทรศัพท์หาคุณได้มั้ยคะ เผื่อว่าจำเป็น"
"ได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืนก็ตาม นี่นามบัตรผม มีชื่อกับเบอร์โทรเรียบร้อย"
หญิงสาวรับนามบัตรมา เห็นชื่อพีทปรากฏอยู่บนนั้น เธอเหลือบมองเขาอีกครั้งก่อนจะก้าวออกจากห้อง
(ยังมีต่อ)
ภาพจากอินเตอร์เน็ต
โฆษณา