28 ส.ค. 2021 เวลา 08:42 • นิยาย เรื่องสั้น
บันทึกกึ่งนิยาย ตอนที่ 16
“Do you believe in True love?”
My Bodyguard in Hue
16 มีนาคม 2545
เมืองเว้ ประเทศเวียดนาม วันที่สอง
ฉันนอนทบต้นทบดอกให้กับวันเมื่อวานที่เพลียแสนเพลียจนถึงแปดโมงเช้า ซึ่งสเตฟานก็นอนทบต้นทบดอกไม่แพ้กันเพราะตอนฉันตื่นเขายังคงนอนอยู่ ก็เลยคว้ากระเป๋าที่มีไดอารี่และโปสการ์ดแล้วย่องออกมา เดินเรื่อยเปื่อย
จนมาเจอกับร้านเบเกอรี่เล็ก ๆ ฉันสั่งชาเขียวและขนมปังบาแก็ตไส้หมูเป็นอาหารเช้า ค่อย ๆ ละเลียดกินไปเขียนบันทึกย้อนหลังไป ฉันใช้เวลาเขียนบันทึกอยู่นานร่วมชั่วโมง เพราะไม่ได้บันทึก 2 วันติดกัน แถมยังเป็นสองวันที่มีเรื่องเกิดขึ้นมากมายเสียด้วย
กลับเข้ามายังโรงแรม สเตฟานยังไม่ตื่น ฉันเลยนั่งอ่านไกด์บุ๊กและศึกษาแผนที่ ตั้งใจว่าถ้าสิบโมงแล้วเขายังไม่ตื่น ฉันก็จะออกไปสำรวจเมืองคนเดียวไม่รอล่ะนะ เหมือนกระแสจิตของฉันจะแรงกล้า คิดเพียงแค่นั้นสเตฟานก็ลืมตาตื่น และบิดขี้เกียจทันที
ฉันบอกเขาว่า วันนี้ฉันอยากสบาย ๆ เดินเล่น เดินชมเมือง นั่งทอดน่องตามร้านกาแฟมากกว่า ถ้าเขาอยากไปดูอะไรที่เป็นจริงเป็นจังมากกว่านี้ เขาสามารถแยกตัวไปได้เลย สเตฟานสั่นหัวดิกแล้วบอกว่า ตลอดเวลาที่อยู่ที่เว้ จะขอเป็น Bodyguard ให้กับฉันเอง
เราเดินคู่กันไปตามเส้นทางแม่น้ำสายหลักของเมืองเว้ ผลัดกันเล่าเรื่องราวส่วนตัวของกันและกัน ฉันพบว่าเรามีอะไรหลายอย่างที่เหมือนกันมาก ต่างมาจากครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์เหมือนกัน มีปมวัยเด็กเหมือนกัน ชอบดูหนังเหมือนกัน และพูดเรื่องหนังกันได้ต่อเนื่องจากเรื่องนึงไปเรื่องนึงแบบไม่สะดุด
1
สเตฟานเป็นคนที่รอบรู้หลากหลายเรื่อง ไม่ว่าฉันสงสัยเรื่องอะไรเขาตอบได้เกือบหมด แต่ไม่ใช่คนน่าเบื่ออย่างพวกเด็กเนิร์ด เขามีวิธีพูดวิธีอธิบายเรื่องยาก ๆ ให้คนฟังเข้าใจได้ง่าย ๆ แถมยังเป็นคนตลกมากอย่างไม่น่าเชื่อ
2
ทั้งวันเราเลยมีเรื่องได้พูดคุยและหัวเราะกันตลอด นิสัยที่เขาและฉันสอดคล้องกันเป็นอย่างดีก็คือ การสอดส่องสายตาเก็บเล็กผสมน้อยเรื่องที่เห็น แล้วนำมาวิเคราะห์อย่างจริงจัง หรือเรียกง่าย ๆ ว่า ชอบนินทาคนอื่นนั่นเอง
โดยปกติฉันมักจะนินทาผู้คนอยู่ในใจอยู่แล้ว ตอนนี้มีลูกคู่คอยผสมโรงยิ่งสนุกเข้าไปใหญ่ เราเลือกร้านกาแฟที่มีเก้าอี้ตั้งเรียงราย โดยหันหน้าออกถนน นั่งมองผู้คนเดินผ่านไปมา และทำการวิเคราะห์อย่างจริงจัง
1
ตลอดบ่าย เราเดินและหยุดแวะร้านกาแฟ แล้วก็เดินต่อ แล้วก็หยุดแวะ ทำแบบนี้ทั้งวันโดยไม่รู้สึกเบื่อหน่าย เวลาผ่านไปเร็วมากเมื่อเราพบเจอคนที่คอเดียวกัน พูดคุยกันรู้เรื่องไปหมด
ฉันจะไม่ปฎิเสธหรอกนะว่า การที่มีคนที่สารภาพว่าชอบ มาพะเน้าพะนอคลอเคลียน่ะ ทำให้หัวใจฉันสดชื่นรื่นรมย์ แต่ใครคนนั้นยังสามารถเป็นเพื่อนร่วมทาง ร่วมสนทนาได้ทั้งวันแบบไม่น่าเบื่อด้วยนี่สิทำฉันรื่นรมย์ทวีคูณ
หลังจากกินอาหารเย็นง่าย ๆ เราก็แวะไปบาร์เล็ก ๆ ใกล้ที่พัก เพราะฉันเอ่ยขึ้นเมื่อมองไปเห็นโต๊ะสนุ๊กเกอร์ด้านในว่า ฉันเล่นไม่เป็นเลย ที่บาร์มีคนอยู่บางตาเนื่องจากยังหัวค่ำอยู่ มีฝรั่งสองสามคนนั่งคุยกันเบา ๆ เราเดินไปสั่ง Huda Beer ซึ่งเป็นเบียร์ประจำเมืองเว้มาคนละขวด แล้วเดินมาหยิบไม้สนุ๊ก
สเตฟานผู้รอบรู้มีข้อเสียที่ฉันเพิ่งรู้ อันที่จริงฉันรู้อยู่แล้วแต่คงลืมไป เขาใช้เวลาในการอธิบายกฎกติกา และเทคนิคในการเล่นนานมาก และย้ำกับฉันว่า นี่ไม่ใช่สนุ๊กเกอร์ แต่เป็นบิลเลียด ฉันกัดปากตัวเองไม่ให้ถามออกไปว่า “มันต่างกันอย่างไร” เพราะกลัวว่าจะไม่ได้เริ่มเล่นเสียที เบียร์หมดไปครึ่งขวดแล้ว กติกายังไม่จบเลย
เราออกจากบาร์ตอนห้าทุ่ม เวลาผ่านไปเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ ฉันได้รู้เทคนิคการใช้ไม้สนุ๊กแทงลูกแล้วตอนนี้ แต่ไม่ใช่จากสเตฟานนะ Chung-ชังก์ หนุ่มชาวเวียดนามที่พูดได้ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาเยอรมันต่างหากที่ทุ่มเทสอนฉันอยู่ทั้งคืน ส่วนสเตฟานได้เพื่อนเป็นหนุ่มสเปนคนหนึ่งที่มาคนเดียวเลยคุยกันยาว พวกเรานัดเจอกันอีกในคืนพรุ่งนี้
เว้ยามใกล้เที่ยงคืน เงียบเหมือนมีคนเอื้อมมากดปุ่มปิดเสียง เราเดินมาเงียบ ๆ สองคน สเตฟานเอื้อมมือมาจับมือฉันไว้ ถามขึ้นว่า
1
“Can i upgrade myself from Bodyguard to boyfriend?”
หืมมม​!!?? ฉันหัวเราะเอ็นดูให้กับความพยายามของเขา ยังไม่ทันตอบออกไป เขาก็อ้อนวอนต่อ
“please, just during we are in Hue”
แล้วส่งสายตาระยิบระยับล้านความหมาย ฉันหลงไปกับความเวิ้งว้างของระยิบระยับนั้นก็เผลอพยักหน้าไม่รู้ตัว
เขาก้มลงจูบฉันเนิ่นนาน แล้วพูดเสียงเบาว่า
“This is what boyfriend does”
ฉันหัวเราะเขิน ๆ ตอบกลับไป
“You are down grade to bodyguard again!!”
1
ขี้เกียจรออ่านเป็นตอน ๆ มี E-Book นะคะ 👇
โฆษณา