GOLD INSIGHT : Basel III กับทองคำ ! เมื่อระบบ Basel III มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2022 จะส่งผลอย่างไรต่อตลาดทองคำบ้าง ? มีนัยสำคัญอะไรที่เราควรจับตามอง ? มาดูกัน
หลังจากไม่ได้เขียนบทความเชิงลึกมานาน วันนี้คงถึงเวลาที่เหมาะสมแล้วที่ World Maker จะมาพูดถึงรายละเอียดที่หลายคนรอคอยอยู่ นั่นก็คือ "ผลกระทบของการใช้ Basel III ต่อตลาดทองคำ"
ใครที่ติดตามตลาดทองคำมาตลอดคงเคยได้ยินหลายคนพูดกันไปแล้วถึงการเปลี่ยนแปลงของระบบการเงินโลกเข้าสู่ Basel III แต่จริง ๆ แล้วมันคืออะไรกันแน่ ? แล้วจะส่งผลกระทบต่อตลาดทองคำมากน้อยแค่ไหน ? มีจุดไหนที่ควรสนใจบ้าง วันนี้เราจะมาสรุปกันอย่างรายละเอียดให้ทุกท่านได้เข้าใจกันครับ
สำหรับเรื่องของกรอบเวลานั้นเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2021 ข้อตกลง Basel III มีผลบังคับใช้กับธนาคารในสหภาพยุโรป สวิส และสหรัฐอเมริกาไปแล้ว และในวันที่ 1 มกราคม 2022 นี้ธนาคารอังกฤษซึ่งเป็นแหล่งค้าขายทองคำที่สำคัญที่สุดในโลกจะมีผลบังคับใช้
Basel III คืออะไร มีที่มาอย่างไร ?
ก่อนอื่นเราขออ้างอิงความหมายจากเอกสารของ Bank of Thailand ว่า Basel III นั้นหมายถึง หลักเกณฑ์การกากับดูแลสถาบันการเงินทั่วโลกของ Basel Committee on Banking Supervision (BCBS) ซึ่งครอบคลุมเรื่องของเงินกองทุนและการบริหารความเสี่ยงด้านสภาพคล่องทั่วโลก โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อส่งเสริมให้สถาบันการเงินสามารถต้านทานภาวะวิกฤตในระบบการเงินโลกและระบบเศรษฐกิจโลกได้ดีขึ้น พร้อมทั้งลดการส่งต่อความเสี่ยงจากระบบการเงินไปสู่ภาคเศรษฐกิจจริงหรือ Real Economy อีกด้วย
โดยที่มาของ Basel III นั้นเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงวิกฤตการเงินโลกหรือที่ภาษาอังกฤษเรียกกันว่า Hamburger Crisis/Subprime Crisis ที่เริ่มต้นขึ้นจากสหรัฐฯ และได้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างไปยังทั่วโลก และทำให้ธนาคารยักษ์ใหญ่ของโลกในขณะนั้นอย่าง Lehman Brothers ต้องประกาศล้มละลาย
ปัญหาวิกฤตการเงินโลกในครั้งนั้นถือว่าส่งผลกระทบหนักมากจนทำให้หน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินของโลกต้องเพิ่มความเข้มงวดในการดูแลสถาบันการเงินทั่วโลกมากขึ้นตั้งแต่นั้นมา ซึ่งต่อมาจึงเกิดเป็นการพัฒนาระบบหลักเกณฑ์ Basel โดยบังคับธนาคารกลางของแต่ละประเทศทั่วโลกต้องนำหลักเกณฑ์นี้มาบังคับใช้
Basel จะครอบคลุมเรื่องการเงินทั้งหมดของประเทศ ซึ่งรวมถึง ระบบ, เสถียรภาพทางการเงิน, กองทุน, หุ้น, การบริหารความเสี่ยงของสถาบันการเงิน, ธุรกรรมที่มีความซับซ้อน และการพัฒนาเทคโนโลยีทางการเงินใหม่ ๆ โดยทั้งหมดนี้มีเป้าหมายเพื่อไม่ให้เกิดวิกฤตซ้ำรอยขึ้นอีก
Basel III และตลาดทองคำ
การเปลี่ยนแปลงสำคัญของ Basel III ต่อตลาดทองคำก็คือ "ทองคำจะกลายมาเป็นสินทรัพย์ระดับ 1 ที่มีค่าเท่ากับเงินสด" (เรียกว่า Tier 1 Asset)
แล้วมันหมายความว่าอย่างไร ?
ประเด็นสำคัญมันอยู่ตรงที่ว่าเมื่อทองคำกลายเป็น Tier 1 Asset นั้น ทองคำที่จัดสรรในรูปแบบที่จับต้องได้ (Physical Gold) รวมถึงทองคำประเภทอื่น ๆ จะถูกจัดประเภทเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงเป็น 0
และทองคำที่ธนาคารต่าง ๆ ทั่วโลกมีการจัดสรรอยู่ในปัจจุบันก็คือ "ทองคำที่ไม่ได้ปันส่วน" (unallocated gold) หรือ “ทองคำกระดาษ” ที่ซื้อขายกันผ่านสัญญากระดาษในอินเตอร์เน็ตนั่นเอง (หรือก็คือทองคำที่เราเทรด ๆ กันผ่านตลาด spot, futures และ options นี่แหละ)
ซึ่งการเปลี่ยนแปลงไปสู่ Basel III นั้นนอกจากการจัด Physical Gold เป็น Tier 1 Asset แล้วธนาคารทั่วโลกจะต้องเพิ่มทุนสำรองเพื่อความมั่นคงต่อการถือครองทองคำกระดาษเป็น 85% ซึ่งเราเรียกว่า Required Stable Funding (RSF)
โดยก่อนหน้า Basel III นั้น อัตราส่วน Tier 3 Asset ที่ธนาคารต่าง ๆ สามารถซื้อขายผ่านสัญญากระดาษได้จะต้องมีมูลค่าไม่เกิน 2.5 เท่าของเงินทุนสำหรับ Tier 1 asset ทั้งหมดที่ถือครองอยู่ หรือกล่าวง่าย ๆ ว่าหากธนาคารใดมีการเปิดสัญญาซื้อขายทองคำกระดาษอยู่ 1 หมื่นล้านดอลลาร์ พวกเขาจำเป็นต้องมีทุนสำรองเพียง 4 พันล้านดอลลาร์เท่านั้น
อนึ่งแล้ว การบังคับใช้หลักเกณฑ์ Basel III ในอังกฤษนั้นอาจสามารถยื้อเวลาออกไปนานกว่าวันที่ 1 มกราคม 2022 ได้อีก หรือสำหรับตลาดทองคำโดยเฉพาะนั้นอาจมีการใช้กฏเกณฑ์ที่แตกต่างกันออกไป หากธนาคารหรือผู้มีอำนาจในการกำกับดูแลเห็นว่ายังไม่พร้อมที่จะใช้หลักเกณฑ์นี้ ไม่ว่าจะด้วยปัญหาเรื่องการจัดสรรสภาพคล่องหรือปัญหาอื่นใดก็ตาม
อ่านเนื้อหาฉบับเต็มแบบไม่ตัดตอน พร้อมข้อมูลเชิงลึก, Graphic Detail และความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญได้ที่ : https://www.worldmakergroups.com/archives/81392
ทันโลก ทันเหตุการณ์ ทันข่าวสารที่แท้จริงไปกับ World Maker
หากข้อมูลนี้เป็นประโยชน์ต่อท่านผู้อ่าน ทางเราฝากกด Like 👍 กด Share และตั้งค่า See First⭐️เพื่อไม่ให้พลาดข้อมูลจาก World Maker ด้วยนะครับ
References :
- 61
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
