12 ก.ย. 2021 เวลา 00:00 • หนังสือ
บทความ บางเสี้ยวในวัยหนุ่ม
จากหนังสือ ลำธารริมลานธรรม
เขียนโดย พระไพศาล วิสาโล
ครูบาอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบทั้งหลาย ชีวิตของท่านไม่ได้น่าศึกษาเรียนรู้เมื่อครองผ้ากาสาวพัสตร์แล้วเท่านั้น ประสบการณ์ในวัยหนุ่มของท่านขณะเป็นคฤหัสถ์ก็มักมีเรื่องน่าสนใจ
เพราะบ่งบอกถึงอุปนิสัยบางอย่างของท่านที่ส่งผลให้ดำรงเพศพรหมจรรย์ได้อย่างมั่นคง หาไม่ก็สะท้อนถึงจุดหักเหที่นำไปสู่ชีวิตที่งดงาม
หลวงพ่อชา สุภทฺโทเคยบวชเณรเมื่ออายุ ๑๓ ปี หลังจากนั้น ๓ ปีก็ลาสิกขากลับมาอยู่บ้าน ใช้ชีวิตไม่ต่างจากคนหนุ่มทั้งหลาย คือเมื่อว่างจากการทำไร่ทำนา ก็เที่ยวเตร่สนุกสนาน ช่วงนั้นหนุ่มชาได้ไปมาหาสู่กับรุ่นพี่คนหนึ่งซึ่งนับถือกันเหมือนพี่น้อง รุ่นพี่คนนี้เคยบวชพระแต่ต่อมาได้สึกมาแต่งงาน
มีลูกได้ไม่นานเขาก็ล้มป่วยและเสียชีวิต หนุ่มชาได้ไปอยู่ช่วยงานศพตลอดงาน ครั้นเผาศพแล้วก็ยังพักค้างคืนที่บ้านของผู้ตายเพื่อเป็นเพื่อนภรรยาและลูก ๆ ของเขา
ตกดึกคืนที่สอง แม่ม่ายซึ่งยังสาวได้ลุกจากห้องมานอนอยู่ข้างหนุ่มชาตรงชานบ้าน แล้วคว้ามือเด็กหนุ่มลูบไล้ไปตามร่างกายของเธอ
1
เจตนาเพื่อปลุกเร้าความรู้สึกของเขา จะเป็นเพราะแรงปรารถนาชั่ววูบ หรือเพราะอยากได้เด็กหนุ่มมาเป็นคู่ชีวิตเพื่อช่วยทำมาหากิน ก็มิอาจทราบได้ แต่หนุ่มชาหาได้ตอบสนองไม่ กลับแกล้งหลับสนิทจนหญิงสาวต้องเลิกราและลุกกลับไปเอง
ต่อมาหนุ่มชาได้พบรักกับหญิงสาวคนหนึ่ง
1
เธอรับปากว่าจะรอชายหนุ่มบวชทดแทนคุณพ่อแม่สักหนึ่งพรรษา จากนั้นค่อยแต่งงานกัน ตอนนั้นหนุ่มชาตั้งใจมั่นจะที่ใช้ชีวิตร่วมกับเธอ
“ผมฝันว่าจะมีเขามาอยู่เคียงข้างช่วยกันทำไร่ทำนา หากินกันไปตามประสาโลก” หลวงพ่อชาเล่าถึงความฝันของท่านในวัยหนุ่มให้แก่ลูกศิษย์หลายปีต่อมา
1
แต่ยังไม่ทันที่หนุ่มชาจะได้บวช เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น “อยู่มาวันหนึ่งผมกลับจากนา สวนทางกับเพื่อนรัก เขาบอกผมว่า ชา อีนางเราเอาแล้วนะ ผมฟังแล้วตัวชาไปหมด ซึมไปหลายชั่วโมง”
1
แม้จะเจ็บปวดกับความผิดหวัง แต่หนุ่มชาก็ไม่ลืมที่จะทำตามสัญญาที่ได้ให้ไว้กับพ่อแม่ นั่นคืออุปสมบทให้ท่านได้เกาะชายผ้าเหลือง แต่แทนที่จะบวชแค่หนึ่งพรรษา ท่านได้บวชตลอดชีวิต ไม่เพียงมรณภาพในผ้าเหลือง
1
หากยังกลายเป็นพระสุปฏิปันโนที่นำความสว่างไสวสู่จิตใจของผู้คนมากมายทั้งในไทยและต่างประเทศ
1
อีกท่านหนึ่งที่ชีวิตวัยหนุ่มค่อนข้างโลดโผน คือหลวงปู่ชอบฐานสโม
ท่านเล่าว่าตอนเป็นหนุ่ม ชอบตามเพื่อน ๆ ไปจีบสาว สมัยนั้นโอกาสที่ชายหนุ่มจะสนทนากับหญิงสาวเป็นเรื่องยาก เพราะพ่อแม่ฝ่ายหญิงกีดกัน ผู้หญิงก็ต้องรักนวลสงวนนาง ดังนั้นหากหนุ่มชอบสาว ก็ต้องเป็นฝ่าย “รุก” เอาเอง
1
วิธีหนึ่งก็คือ “แอบจกสาว” ในตอนกลางคืน นั่นคือ เจาะรูฝาบ้าน (ซึ่งเป็นใบตองกุง) แล้วเอามือล้วงเข้าไปจับตามตัวของผู้หญิง หากหญิงสาวรู้ตัว ร้องโวยวาย จนพ่อแม่ตื่นขึ้น ชายหนุ่มก็ต้องรีบวิ่งหนีให้เร็วที่สุด
2
หนุ่มชอบเห็นเพื่อนทำอย่างนั้น ก็อยากจะทำบ้าง ตกกลางคืนก็ไปซุ่มใกล้บ้านหญิงสาวที่หมายปอง แต่คืนนั้นคนในบ้านของหญิงสาวนอนดึก หนุ่มชอบรอแล้วรอเล่า ไฟขี้ไต้ในบ้านของสาวก็ไม่ดับสักที
ในที่สุดชายหนุ่มก็เผลอหลับ มารู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อพ่อของสาวมาปลุกให้ตื่น เพราะเช้าแล้ว เป็นอันว่าแผนการจกสาวไม่สำเร็จ
ต่อมาหนุ่มชอบได้ชอบพอกับสาวนางหนึ่งชื่อพา เธอก็มีใจให้เขา พ่อแม่ของเธอก็เห็นด้วย จึงปลงใจว่าจะแต่งงานกัน แต่แล้วมีวันหนึ่งขณะที่ได้อยู่ใกล้กัน หนุ่มชอบถือโอกาสถูกเนื้อต้องตัวหญิงสาว ด้วยการยื่นมือไปสัมผัสหน้าอกของเธอ บังเอิญเพื่อนของเธอเห็นเข้า จึงพูดทักท้วง สาวพาจึงร้องโวยวายและด่าทอชายหนุ่ม เพื่อเป็นการแก้เขิน
หนุ่มชอบทั้งอายผู้คนและโกรธหญิงสาว แต่ต้องยอมทน เพราะตัวเองเป็นฝ่ายผิด ตอนนั้นเองที่หนุ่มชอบตัดสินใจว่าไม่ขอเอาเธอมาเป็นเมีย “ขนาดนี้ยังด่าเราได้ถึงปานนี้ ถ้าแต่งงานไปแล้ว ไม่ด่าเราเช้าเย็นเข้าไปหรือ?”
2
นับแต่วันนั้นเขาก็ไม่มีใจให้เธออีกเลย
ตามประเพณีอีสานเมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ฝ่ายชายต้องชดใช้ค่าเสียหาย พ่อแม่ของฝ่ายหญิงยื่นข้อเสนอ ๓ ทาง คือหนึ่ง แต่งงานกัน โดยเรียกค่าสินสอด ๕ บาท สอง ถ้าไม่แต่งงานกับลูกสาวของเขา
ฝ่ายชายจะต้องถูกปรับ ๑๒ บาท สาม ถ้าไม่ยอมรับทั้งสองข้อ ก็จะต้องติดคุกติดตะราง
แม่ของหนุ่มชอบอยากให้ลูกแต่งงานกับหญิงสาว จะได้เสียเงินแค่ ๕ บาท แต่หนุ่มชอบยังโกรธที่ถูกผู้สาวด่า จึงปฏิเสธที่จะแต่งงาน และยอมเสียค่าปรับ ๑๒ บาท
สุดท้ายพ่อแม่ของหนุ่มชอบต้องขายควายไป ๕ ตัว ได้เงินมา ๑๒ บาท จ่ายเป็นค่าปรับ หากเทียบเป็นเงินสมัยนี้ก็เป็นจำนวนหลายหมื่นบาท
2
แม้ต้องสูญเสียเงินเป็นจำนวนมาก แต่ผลดีที่ตามมาคือทำให้หนุ่มชอบมีโอกาสบวชและบวชได้นานจนกลายเป็นครูบาอาจารย์ที่มีลูกศิษย์มากมาย
2
“ถ้าบ่มีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นมาเป็นเรื่องเตือนใจให้คิดเรากะบ่ได้บวชง่าย ๆ เรื่องร้ายแต่กลายเป็นดีกับเจ้าของ” คือบทสรุปของหลวงปู่ชอบ ฐานสโม
โฆษณา