12 ก.ย. 2021 เวลา 10:54 • กีฬา
“การกลับมาสู่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด อีกครั้งของผม เป็นแค่การสรุปสั้นๆ ว่าทำไมสนามแห่งนี้ถึงได้ชื่อว่าโรงละครแห่งความฝัน สำหรับผมแล้ว มันคือสถานที่มหัศจรรย์ที่คุณสามารถบรรลุเป้าหมายทุกอย่างที่คุณตั้งใจไว้ได้เสมอ”
“ด้วยเพื่อนร่วมทีมของผม และการสนับสนุนอันเหลือเชื่อที่เราได้รับตลอดมาจากบนอัฒจันทร์ เราสามารถเผชิญกับเส้นทางข้างหน้าด้วยความมั่นใจ และการมองโลกในแง่ดีว่าในท้ายที่สุด พวกเราทั้งหมดจะได้ฉลองร่วมกัน”
“ผมภูมิใจที่ได้กลับมาที่ แมนฯ ยูไนเต็ด และเล่นในพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง แต่เหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมด มันคือความสุขที่ได้ช่วยทีม”
“ลุยต่อกันเถอะ เหล่าปีศาจแดง!”
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ โพสต์ข้อความนี้ลงบนโซเชียลมีเดีย หลังจากประเดิมการลงสนามภายใต้เครื่องแบบ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นหนแรกในรอบ 12 ปีได้อย่างสวยหรู เมื่อยิงคนเดียว 2 ประตู ช่วยให้ทีมเปิดบ้านถล่ม นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 4-1
ไม่เพียงแต่ โรนัลโด้ จะเข้ามาเพิ่มพลังพิเศษในการสร้างความแตกต่างในเกมที่น่าอึดอัดเท่านั้น แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การที่ทีมปีศาจแดงมีชายคนนี้ลงสนาม มันสร้างความเชื่อมั่นว่าทีมจะเป็นผู้ชนะในเกมได้มากขึ้นจากเดิมหลายเท่า
และไม่ว่าคุณจะเป็น เร้ด อาร์มี่ ฝั่ง Ole In หรือ Ole Out ผมเชื่อว่าการที่นักเตะระดับซูเปอร์ฮีโร่คนนี้กลับมาอยู่ในทีมอีกครั้ง มันทำให้คุณรู้สึกอยากจะนั่งดูเกมของ แมนฯ ยูไนเต็ด อย่างใจจดใจจ่อมากขึ้น แม้มันจะเป็นเกมที่พบกับทีมคู่แข่งจากท้ายตารางก็ตาม
แน่นอนว่าการเปิดบ้านถล่มทีมอย่าง นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ย่อมไม่ใช่ผลงานที่บรรดา เร้ด อาร์มี่ จะรีบเคลมได้ทันทีว่าทีมรักจะต้องคว้าแชมป์แน่ๆ เพราะการเอาชนะทีมแบบนี้ มันคือสิ่งที่พลพรรคปีศาจแดงเคยทำได้บ่อยๆ และควรต้องทำให้ได้ต่อไปตามมาตรฐานอยู่แล้ว
นี่คือการเปิดบ้านชนะทัพสาลิกาดงในพรีเมียร์ลีกได้เป็นฤดูกาลที่ 5 ติดต่อกัน โดยที่ยิงได้ไม่ต่ำกว่า 3 ประตูทุกเกม แต่ความจริงก็คือทั้ง 4 ซีซั่นก่อนหน้านี้ที่เคยชนะ นิวคาสเซิ่ล แบบยิงเยอะๆ ทีมก็ไม่ได้ลุ้นแชมป์แบบจริงๆ จังๆ เลยสักครั้ง
แต่สาเหตุที่แฟนบอล เร้ด อาร์มี่ แฮปปี้อย่างล้นเหลือจากผลงานนัดล่าสุด ไม่ใช่แค่มันเป็นผลการแข่งขันด้วยสกอร์ขาดลอยสมกับที่หลายๆ ฝ่ายคาด และไม่ใช่แค่การกลับขึ้นไปนำจ่าฝูงได้อีกครั้ง
แต่มันคือการสัมผัสได้ถึงบรรยากาศของ “โรงละครแห่งความฝัน” ที่แฟนบอลคุ้นเคยในยุคที่ทีมยิ่งใหญ่ จากการที่เห็นซูเปอร์สตาร์เจ้าของเสื้อหมายเลข 7 คนเดิมกลับมาช่วยนำชัยให้ทีม แถมฟอร์มการเล่นของนักเตะหลายๆ คนก็ทำให้ดูแล้วมีความสุข มากกว่าจะน่าจับผิด
พลังดึงดูดของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ยึดพื้นที่ความสนใจจากสื่อมาตลอด 2 สัปดาห์หลังสุด ยังทำให้หนึ่งในเจ้าของสโมสรที่นานๆ ทีถึงจะสนใจดูทีมแข่งบ้างอย่าง อัฟราม เกลเซอร์ ยังเข้าไปนั่งชมเกมสดๆ ในสนามเป็นหนแรกในรอบ 2 ปีเลยนะครับ
ไซม่อน สโตน ผู้สื่อข่าวของ บีบีซี รายงานหลังจบเกมด้วยว่า บรรดาแฟนผีแดงจำนวนหลายร้อยคนที่เข้าไปชมเกมนี้ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ตัดสินใจอยู่ในสนามต่ออีก 1 ชั่วโมงเต็มๆ เพื่อหวังจะเห็นยอดขวัญใจอย่าง โรนัลโด้ ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อ และโบกมือทักทายพวกเขาก่อนออกจากสนามบ้าง
ส่วนแฟนบอลที่นั่งชมผ่านหน้าจอ แค่ได้เห็นพระเอกประจำชั่วโมงนี้อย่าง โรนัลโด้ ซัด 2 ประตู, แค่ได้ดูลูกยิงสุดงามของ บรูโน่, แค่ได้ชื่นใจกับมหาเทพลินการ์ดที่ยิงให้ทีมอีกครั้ง, แค่ได้เห็นดาวดังอย่าง ปอล ป็อกบา ทำอีก 2 แอสซิสต์ และแค่ได้เห็นทีมเดินหน้าบุกต่อเนื่องทั้งเกม มันก็มากเกินพอแล้ว ที่จะทำให้มีความสุขได้แบบข้ามวันข้ามคืน
ความสุขของการดูฟุตบอลที่แท้จริง มันคือการได้สัมผัสกับความรู้สึกแบบนี้ทุกสัปดาห์ ส่วนเรื่องจะได้ฉลองแชมป์หรือไม่ อันนั้นเขาว่ากันทีหลังต่างหาก
แน่นอนว่า โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ รู้ดีว่าเกมนี้แฟนบอลปีศาจแดงทั่วโลกตั้งตารอดู คริสเตียโน่ โรนัลโด้ มากขนาดไหน ทำให้กุนซือชาวนอร์เวย์ตัดสินใจส่ง “ซีอาร์เซเว่น” ออกสตาร์ทตัวจริงทันที แม้จะเพิ่งซ้อมกับทีมได้แค่ 3-4 วันก็ตาม
ราฟาแอล วาราน กับ เจดอน ซานโช่ ก็ได้โอกาสออกสตาร์ทตัวจริงที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เป็นครั้งแรก เท่ากับว่านี่คือเกมเปิดตัว 3 นักเตะใหม่เกรดท็อปพร้อมๆ กันต่อหน้าแฟนผีอย่างเป็นทางการเลยทีเดียว
นอกนั้นซูเปอร์สตาร์ที่เป็นตัวหลักของทีมอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น ดาบิด เด เคอา, อารอน วาน-บิสซาก้า, แฮร์รี่ แม็กไกวร์, ลุค ชอว์, ปอล ป็อกบา, บรูโน่ แฟร์นันด์ส และ เมสัน กรีนวู้ด ก็ได้ลงสนามกันพร้อมหน้า ถือเป็น 11 ตัวจริงที่ดูน่าเกรงขามที่สุดของทีมปีศาจแดงในรอบหลายปี
ถ้าจะมีจุดที่แฟนผีกังวลอยู่บ้าง คงเป็นตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับที่ยังคงอดใช้งาน สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ที่ยังไม่พร้อมลงเล่น เนื่องจากยังคงต้องฟื้นฟูร่างกายหลังเข้ารับการผ่าตัดโคนขาหนีบ ซึ่งคาดว่ากว่าที่ “แม็คซอส” จะคัมแบ็ก อย่างเร็วที่สุดคือเกมบุกเยือน เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ในสัปดาห์หน้า
การที่ โซลชาร์ เตรียมทีมแบบเผื่อใจไว้ว่าอาจจะไม่สามารถใช้งาน เฟร็ด ในเกมนี้ได้ เพราะไม่รู้ว่าฟีฟ่าจะยกเลิกโทษแบนนักเตะที่ไม่ไปรับใช้ทีมชาติบราซิลหรือไม่ ทำให้ เนมานย่า มาติช กลายเป็นตัวเลือกที่ต้องออกสตาร์ทก่อนโดยอัตโนมัติ เนื่องจากเป็นมิดฟิลด์เชิงรับเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ ที่พร้อมถูกใช้งาน
เหลือแค่ โซลชาร์ จะตัดสินใจใช้ใครเป็นคู่ขาของ มาติช เท่านั้น ระหว่าง ดอนนี่ ฟาน เดอ เบค ที่แฟนบอลหลายคนอยากเห็น กับอีกอย่างคือใช้งาน ปอล ป็อกบา ถอยลงมาคุมตรงกลาง
สุดท้ายการที่กุนซือชาวนอร์เวย์เลือกใช้ เจดอน ซานโช่ ออกสตาร์ทตัวจริงทางกราบซ้าย แล้วถอย ป็อกบา ลงมายืนต่ำกับ มาติช ทำให้ ฟาน เดอ เบค ยังคงต้องรอโอกาสต่อไปอีก
แน่นอนว่าแฟนผีบางส่วนคงไม่พอใจเท่าไร เพราะรอมาตั้งนาน ก็ยังไม่เห็นกองกลางชาวดัตช์ได้โอกาสออกสตาร์ทในลีกเสียที แต่ถ้าตัดเรื่องความอยากเห็น, ความพึงพอใจส่วนตัวออกไป ต้องบอกว่าการตัดสินใจส่ง มาติช ยืนมิดฟิลด์คู่กับ ป็อกบา ในเกมนี้ กลายเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว
นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ตั้งใจมารับลึกแบบเต็มรูปแบบ ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับทีมที่มีคุณภาพขุมกำลังเป็นรองทุกตำแหน่ง โดย สตีฟ บรูซ ติดตั้งระบบ 5-4-1 ซึ่งหมายถึงการใช้ผู้เล่นยืนปิดพื้นที่หนาแน่นไม่ต่างอะไรกับการจอดรถบัสขวางไว้ 2 ชั้น โดยทิ้งตัวจี๊ดอย่าง อัลล็อง แซงต์-มักซิแม็ง ไว้รอสวนกลับในแดนหน้าเพียงคนเดียว
อย่างไรก็ตาม ถึงทีมสาลิกาดงจะตั้งใจมาอุด แต่เมื่อพวกเขาเป็นฝ่ายได้ครองบอลบุก จะพยายามโจมตีเร็วทุกครั้ง ซึ่งความจัดจ้านของ แซงต์-มักซิแม็ง นั่นแหละคืออาวุธที่คุกคามเจ้าถิ่นได้ดีที่สุด โดยใช้สปีดที่เร็วจี๋เล่นงานแนวรับผีแดงซะจนรับมือลำบาก แถมยังเป็นผู้เล่นที่เลี้ยงผ่านคู่แข่งมากที่สุดในสนามด้วย (3 ครั้ง)
แต่การที่ทีมเยือนทิ้งนักเตะไว้ในแดนตัวเองมากเกินไป โดยไม่ค่อยเหลือใครในแนวรุกมากนัก ก็ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่เจอโจทย์ยากในการป้องกันด้วย
จังหวะที่เห็นได้ชัดก็คือในช่วงครึ่งแรก มีช็อตที่ อารอน วาน-บิสซาก้า จ่ายทะเล่อทะล่าคืนหลังพลาดแล้วโดน แซงต์-มักซิแม็ง สปีดไปฉกบอลได้ แต่เขามองไม่เห็นใครเติมขึ้นมาช่วย จึงต้องพยายามใช้ความสามารถเฉพาะตัวลากลุยไปเอง แล้วก็โดนกองหลังผีแดงช่วยกันลงมายืนขวาง ก่อนที่ เนมานย่า มาติช จะเป็นผู้ดักเก็บบอลไปได้
พูดถึง มาติช ในเกมนี้ ผมอยากจะบอกว่า ถึงแม้เขาจะเชื่องช้า แต่ความสามารถของเขาในการลำเลียงบอลและจ่ายบอลเข้าสู่แดนสุดท้ายของคู่ต่อสู้ได้ดี ถือว่าช่วยทีมได้มากในการเจอคู่แข่งที่เน้นตั้งรับต่ำและหาจังหวะสวนกลับเร็วอย่าง นิวคาสเซิ่ล
สถิติบอกว่า มิดฟิลด์ชาวเซอร์เบียสามารถเอาบอลกลับมาให้ทีมได้ครอบครองถึง 11 ครั้งในเกมนี้, จ่ายบอลยาวสำเร็จถึง 4 หนจากทั้งหมด 5 ครั้ง, ผ่านบอลไปทั้งหมด 106 ครั้ง (รองจาก ปอล ป็อกบา ที่ทำได้ 115 ครั้งคนเดียว) และเข้าเป้าถึง 93% ซึ่งลูกจ่ายของเขา ส่วนใหญ่จะเป็นการกินแดนเข้าไปในพื้นที่ของคู่ต่อสู้
ถ้าไปย้อนดูจังหวะได้ประตูขึ้นนำอย่างละเอียดอีกครั้ง จะพบว่า มาติช คือจุดเริ่มต้นของการเซตเข้าทำนะครับ
แม้เขาจะทำบอลเสียในแดนฝั่งตรงข้ามจนเกือบจะโดนสวนกลับในทีแรก แต่เจ้าตัวก็ตามกลับไปแย่งคืนมาอย่างรวดเร็ว เปิดโอกาสให้ ปอล ป็อกบา รีบถ่ายบอลเร็วไปยังทางขวาให้ เมสัน กรีนวู้ด โยกตัดเข้าในแล้วซัดแฉลบด้วยซ้าย ซึ่งไม่กี่วินาทีต่อมา มันคือช็อตที่แฟนบอลได้เฮลั่นสนาม เมื่อ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ตามซ้ำจ่อๆ เข้าไป
สำหรับประตู 1-0 ของ โรนัลโด้ ดูเผินๆ เหมือนจะเป็นลูกยิงส้มหล่นที่ไม่ว่าใครก็คงยิงเข้าง่ายๆ แต่จริงๆ แล้วต้องชมสัญชาตญาณความกระหายประตูของ CR7 ที่ตื่นตัวตลอด คอยเช็คตำแหน่งตัวเองไม่ให้ล้ำหน้า และพร้อมขยับเข้าไปซ้ำทันทีถ้าหาก เฟร็ดดี้ วู้ดแมน ซองแตก และสุดท้าย โรนัลโด้ ก็ส่งบอลเข้าสู่ก้นตาข่ายได้จริงๆ
ด้วยความที่เกมนี้คือนัดแรกหลังจากเพิ่งผ่านช่วงเบรกทีมชาติ โดยนักเตะใหม่ที่ยังซ้อมกับทีมได้ไม่มากลงตัวจริงในแนวรุกถึง 2 คน พอมาเจอ นิวคาสเซิ่ล ที่มาตั้งรับลึกสุดๆ นั่นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เกมบุกของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในครึ่งแรกอาจจะดูไม่ต่อเนื่องนัก
แต่การขึ้นนำได้ก่อนเข้าสู่ช่วงพักครึ่ง ถือว่าช่วยคลายความกดดันให้ทีมไปได้มาก และสร้างความเชื่อมั่นให้เจ้าบ้านมากขึ้นว่าจะยิงเพิ่มในครึ่งหลังได้อีก หลังจากทะลวงแนบรับคู่แข่งที่รับหนาแน่นให้ทำนบแตกได้แล้ว
แม้จะดันสูงเกินไปในช่วงต้นครึ่งหลัง จนโดนสวนกลับเร็วแล้วถูก นิวคาสเซิ่ล ตีเสมอด้วยสปีดของ มิเกล อัลมิร่อน + ความฉลาดของ อัลล็อง แซงต์-มักซิแม็ง ซึ่งรีบจ่ายเร็วไปยังที่ว่างให้ ฆาเบียร์ มานกีโย่ เติมขึ้นมาซัดผ่าน เด เคอา ตุงตาข่าย แต่ทีมปีศาจแดงก็ใช้เวลาไม่นานหลังจากนั้น ในการขึ้นนำอีกครั้ง
สำหรับประตูนำ 2-1 ที่เป็นลูกซัดเบิ้ลของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ มันไม่ใช่แค่การโชว์คลาสการจับบอลแรกที่เหนือชั้นและแตะเข้าไปยิงอย่างเลือดเย็นของ ซีอาร์เซเว่น เท่านั้น แต่สังเกตดีๆ เราจะเห็นทีมเวิร์คที่ดีมากๆ ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในประตูนี้
เราได้เห็นการแก้เพรสซิ่งในแดนตัวเองกันอย่างเข้าขารู้ใจของนักเตะเจ้าถิ่น และการหุบเข้ามาช่วยรับบอลตรงกลางของ ลุค ชอว์ ซึ่งพอบอลไปถึง ชอว์ ที่มีพื้นที่ในการลากลุยขึ้นหน้า คุณจะเห็นว่าบรรดาตัวรุกทั้ง 4 คนของผีแดง ไม่ว่าจะเป็น ซานโช่, บรูโน่, กรีนวู้ด และ โรนัลโด้ ต่างช่วยกันออกตัวสปรินท์เพื่อสร้างทางเลือกให้ ชอว์ ได้จ่ายบอลโจมตี
สุดท้ายแบ็กซ้ายทีมชาติอังกฤษ เลือกแทงเรียดเข้าช่องที่ โรนัลโด้ วิ่งออกตัวพร้อมแตะเข้าไปยิง และเมื่อสตาร์ดังวัย 36 ปีจับบอลแรกได้เปรียบขนาดนั้น มันหมายถึงว่าเจ้าบ้านขยับนำ 2-1 ได้ทันที
ดาบิด เด เคอา คืออีกคนที่สมควรได้รับคำชม จากการเป็นผู้ปิดทองหลังพระในเกมนี้
แม้จะไม่ต้องทำงานหนักมากนัก แต่ช็อตที่เขาช่วยเซฟลูกยิงจาก โชเอลินตอน ที่กำลังจะพุ่งแสกหน้าเอาไว้ได้ ถือว่าเขารักษาสมาธิกับเกมได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่หลุดโฟกัสไปกับการที่ทีมเพิ่งขึ้นนำอีกครั้ง และนั่นทำให้โมเมนตัมของทีมไม่เสียกลับไปให้ทีมเยือนอีก
เด เคอา ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการได้ประตูที่ 3 เมื่อก้มรับลูกซัดเรียดระยะไกลของ โจ วิลล็อค ที่พุ่งเข้ามาตรงตัวเอาไว้ได้แบบไม่กระฉอก ก่อนจะเตะสาดยาวขึ้นหน้าสวนกลับอย่างแม่นยำให้กับ เมสัน กรีนวู้ด ซึ่งหลังจากนั้นไม่กี่วินาที เจ้าไม้เขียวจะเคาะคืนหลังให้ ปอล ป็อกบา จ่ายเรียดเข้ากลางให้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส มีพื้นที่และเวลาเหลือเฟือในการตะบันเต็มข้อ และบอลพุ่งโค้งเสียบตาข่ายเข้าไปอย่างสมบูรณ์แบบ
แน่นอนว่าเครดิตประตูนี้ ต้องยกให้การวางเท้ายิงที่ยอดเยี่ยมมากๆ ของจอมทัพทีมชาติโปรตุเกส แต่มันเกิดขึ้นได้ด้วยการมีส่วนร่วมของคนอื่นๆ ช่วยกัน และตอนนี้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ไม่ใช่เดอะแบกแต่เพียงผู้เดียวของทีมอีกแล้ว
ทีมปีศาจแดงในตอนนี้มี คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เข้ามาเป็นอาวุธหนักในการถล่มตาข่าย, มี ปอล ป็อกบา ที่กลับมาเป็นราชาแอสซิสต์ระดับโลก ขณะที่ เมสัน กรีนวู้ด ก็พร้อมปล่อยทีเด็ดช่วยให้ทีมได้ประตูอยู่เรื่อยๆ โดยต้องไม่ลืมว่าถ้า เจดอน ซานโช่ ปรับตัวเข้ากับทีมได้เต็มรูปแบบ และถ้าหาก มาร์คัส แรชฟอร์ด ฟิตสมบูรณ์กลับมา เกมรุกของผีแดงจะยิ่งน่ากลัวกว่านี้อีก
ถึงแม้เกมนี้ เอดินสัน คาวานี่ จะไม่มีชื่อบนม้านั่งสำรอง เพราะมีปัญหาเจ็บเล็กน้อยระหว่างซ้อม แต่นักเตะคนอื่นๆ ที่ถูกเปลี่ยนตัวลงสนามมาทีหลังทั้ง เจสซี่ ลินการ์ด, ดอนนี่ ฟาน เดอ เบค และ อองโตนี่ มาร์กซิยาล ก็เป็นอะไหล่เสริมที่ไม่เลวเลย ในตอนที่ โซลชาร์ ต้องการพักตัวหลักบ้าง
ประตูปิดกล่องจาก เจสซี่ ลินการ์ด ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ถือว่าทั้ง 3 ตัวสำรองมีส่วนร่วมกับมันทั้งหมด โดย ฟาน เดอ เบค เป็นคนเคาะเร็วให้ ป็อกบา ดึงจังหวะจ่ายเข้าเขตโทษ ก่อนที่ มาร์กซิยาล จะหลอกปล่อยบอลให้ไปถึง ลินการ์ด โยกแต่งเข้าเท้าขวา แล้วยิงเข้าไปอย่างเฉียบขาด
นี่คือการทำยิงให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ในพรีเมียร์ลีกที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 3 ปีของ ลินการ์ด นับตั้งแต่ทำได้ครั้งสุดท้ายในเกมเปิดบ้านเสมอ อาร์เซน่อล 2-2 เมื่อเดือนธันวาคม 2018 (ตอนนั้น โชเซ่ มูรินโญ่ ยังคุมทีมอยู่) มันจึงเป็นสัญญาณที่ดีมากๆ ว่าดาวเตะเจ้าของเสื้อเบอร์ 14 พร้อมจะเป็นตัวเลือกในแนวรุกที่มีคุณภาพอีกคน ให้ โซลชาร์ เลือกใช้งานแทนตัวหลักได้ในตอนที่เขาต้องการ
โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ที่คุม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลงสนามในพรีเมียร์ลีกเกมนี้เป็นนัดที่ 101 ยังคงรักษาสถิติไม่เคยพาผีแดงแพ้ในเกมแรกหลังผ่านช่วง ฟีฟ่า เดย์ เอาไว้ได้ต่อไป (ชนะ 6 เสมอ 2) โดยนับตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้วมาจนถึงตอนนี้ เขาพาทีมคว้าชัยได้ทั้ง 4 ครั้ง ที่ต้องกลับมาลงเล่นเกมลีกนัดแรกหลังเพิ่งพ้นช่วงเบรกทีมชาติหมาดๆ
ด้วยความที่นี่ยังเป็นเพียงช่วงต้นฤดูกาลที่อะไรหลายๆ อย่างอาจจะยังไม่เข้าที่ นักเตะใหม่หลายคนยังเข้ากับทีมใหม่ไม่ได้ 100% บางคนยังไม่ฟิตเต็มที่ด้วยซ้ำ ผมจึงคิดว่าทีมปีศาจแดงมีความได้เปรียบหลายๆ ทีมในซีซั่นนี้ ที่โปรแกรมแข่งในช่วงแรกๆ ยังไม่เจอหนักมาก
พวกเขาเอาตัวรอด 2 เกมหลังสุดที่ไม่มี สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ลงสนาม ด้วยการเก็บได้ 6 คะแนนเต็ม โดยที่ฟอร์มการเล่นยังไม่ได้สมบูรณ์แบบ ซึ่งถ้าหากเจอทีมที่แข็งแกร่งกว่านี้ ทีมปีศาจแดงอาจจะถึงขั้นแพ้ไปแล้ว เพราะยังคงมีแผลตรงตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับให้เห็น
แต่จนกว่า แม็คโทมิเนย์ จะกลับมาประสานงานกับ เฟร็ด เพื่อช่วยกันกลบจุดอ่อนตรงนี้ ถือว่าโปรแกรมของทีมปีศาจแดง ยังค่อนข้างได้เปรียบคู่ต่อสู้ในหลายๆ เกม
เกม แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม นัดแรก ไม่ใช่การเจอทีมที่แกร่งจากลีกใหญ่อย่าง อตาลันต้า หรือ บียาร์เรอัล แต่เป็นการบุกไปเยือนทีมจากสวิตเซอร์แลนด์อย่าง ยัง บอยส์ ที่ถูกคาดว่าจะเป็นทีมบ๊วยของกลุ่ม
จากนั้นเกมลีกสุดสัปดาห์หน้า จะได้บุกเยือน เวสต์แฮม ในช่วงหัวค่ำวันอาทิตย์ ซึ่งถึงแม้ทีมของ เดวิด มอยส์ จะโชว์ฟอร์มได้แข็งแกร่ง แต่การที่กองหน้าตัวสำคัญอย่าง มิคาอิล อันโตนิโอ ติดโทษแบน แถมคืนวันพฤหัสบดีนี้ ทีมขุนค้อนต้องบินไปเตะเกม ยูโรปา ลีก กับ ดินาโม ซาเกร็บ ถึงโครเอเชีย ถือว่าพวกเขาเสียเปรียบผีแดงที่ได้พักมากกว่า 2 วันอย่างแน่นอน
ถ้า โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ อยากต่อยอดโมเมนตัมที่นักเตะกำลังมั่นใจเอาไว้ให้ได้นานที่สุด และเพิ่มศรัทธาจากแฟนบอลให้มากที่สุด ว่าฤดูกาลนี้จะเป็นซีซั่นที่ดี เขาต้องพาทีมชนะรวดทั้ง 3 เกมข้างหน้าสถานเดียว
ต้องประเดิมรอบแบ่งกลุ่ม แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วย 3 คะแนนเร็ว, ควรรักษาตำแหน่งจ่าฝูงในลีกเอาไว้ให้นานที่สุด ด้วยการอย่าเพิ่งรีบสะดุดตอนนี้ และพยายามอยู่ในเส้นทางของบอลถ้วยที่ทีมพอได้ลุ้นอย่าง คาราบาว คัพ เอาไว้ให้ได้
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กล่าวหลังจบเกมว่า เขาหวังว่าการกลับมาสู่โรงละครแห่งความฝันเป็นรอบที่ 2 ของเขา จะช่วยให้ทีมเพิ่มความเชื่อมั่นว่าจะเป็นผู้ชนะมากขึ้น และมั่นใจในการต่อสู้ระยะยาวมากกว่าเดิม เพราะการที่ทีมไร้โทรฟี่มานานถึง 4 ปีซ้อน มันหมายความว่า โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ จำเป็นต้องหยิบถ้วยแชมป์มาให้ทีมในฤดูกาลนี้ให้ได้แล้ว
“ทุกคนควรทำงานของตัวเอง พวกเรามีทีมพลังหนุ่มและโค้ชที่มหัศจรรย์ แต่เราจำเป็นต้องสร้างความมั่นใจในตัวเองเข้าไว้”
“ทีมของเราต้องโตเป็นผู้ใหญ่กันให้มากกว่านี้ ถ้าต้องการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกและ แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่พวกเรากำลังเดินไปถูกทาง และผมมาที่นี่เพื่อช่วยทีม”
ทางด้าน โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ก็ยืนยันว่า เขาต้องการใช้งานซูเปอร์สตาร์เจ้าของรางวัล บัลลง ดอร์ 5 สมัยให้มากที่สุด ถึงแม้นี่จะเป็นนักเตะอายุ 36 ปี แต่สภาพร่างกายของเขายังดีกว่าผู้เล่นอายุ 20 ปลายๆ หลายคน โดยที่ “คลาส” ความเป็นนักเตะระดับโลกยังมีเต็มเปี่ยม
“ผมไม่อยากเปลี่ยนตัวเขาออก นอกจากเขาต้องการเอง เขามีช่วงปรีซีซั่นเพียงเล็กน้อย และพลาดลงเล่นให้ ยูเวนตุส และทีมชาติโปรตุเกสไปหลายนัด เราจำเป็นต้องให้เขาได้ลงเล่นเต็ม 90 นาทีบ้าง”
จากผลงานนัดแรกของการกลับมา ที่ CR7 เหมาคนเดียว 2 ประตู โดยที่สปิริตของทีมกำลังยอดเยี่ยม และเจอกับโปรแกรมที่ทีมน่าจะมั่นใจได้ว่าสามารถเอาชนะคู่แข่งได้ต่อเนื่อง ผมเชื่อว่านี่คือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชุดที่จะทำให้แฟนบอลมีความสุขมากที่สุดในรอบหลายปี
ไม่มีใครรู้ว่าสุดท้ายแล้ว ทีมปีศาจแดงจะสมหวัง หรือผิดหวังกับการลุ้นแชมป์ แต่ที่แน่ๆ การเข้ามาของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ได้นำพาศรัทธา, ความเชื่อมั่น และความสุขของแฟนบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในการให้กำลังใจทีมรักกลับมาอีกครั้งแบบเต็มๆ
นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมชัยชนะสวยงามแค่นัดเดียว ถึงทำให้แฟนผีรู้สึกมีความสุขมากยิ่งกว่าหลายๆ เกมในช่วงหลายปีที่ผ่านมา...
#เสียบสามเหลี่ยม #ผีแดง #ปีศาจแดง #แมนยู #แมนฯยูไนเต็ด #แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด #สาลิกาดง #นิวคาสเซิ่ล #นิวคาสเซิ่ลยูไนเต็ด #CR7 #โรนัลโด้ #คริสเตียโน่โรนัลโด้ #ป็อกบา #ลินการ์ด #บรูโน่แฟร์นันด์ส #มาติช #เดเคอา #โซลชาร์ #พรีเมียร์ลีก
สนับสนุนโดย GG Live แอปจัดทีมแฟนตาซีพรีเมียร์ลีก ลุ้นเงินรางวัลแชมป์ประจำเกมวีคมูลค่าหลายแสนบาทได้ทุกสัปดาห์
เพจเสียบสามเหลี่ยม จับมือเป็นพาร์ทเนอร์กับ GG Live อย่างเป็นทางการ จึงอยากเชิญชวนผู้คนที่สนใจร่วมสนุกลุ้นรางวัลจากการจัดทีมแฟนตาซีพรีเมียร์ลีกทุกสัปดาห์ ถ้าคุณต้องการกดซื้อตั๋วแพ็กเกจแบบพรีเมี่ยม (99 บาท ลุ้นเงินรางวัลไม่ต่ำกว่า 2 แสนบาทถ้าเป็นแชมป์) ให้เข้าผ่านลิงก์นี้ครับ
ทุกยอดคลิกสั่งซื้อ จะถือเป็น Performance และการสนับสนุนเพจและพาร์ทเนอร์ของเราให้เติบโตไปด้วยกัน โดยที่คุณสามารถนำตั๋วไปลุ้นรางวัลต่อได้ และจะทำให้การดูฟุตบอลพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้สนุกยิ่งขึ้น
โฆษณา