[Bnomics] มาส่องสภาพ “คริปโต” ที่กำลังจึ้งมาก ใน พศ. นี้ 📌 Solana พุ่งแรงแซงโค้ง ขึ้นแท่นมาเป็นอันดับที่ 6 ของ Market Cap

สำรวจ
ลงทุน
คำถาม

มีบัญชีอยู่แล้ว?หรือ

Bnomics

•

12 ก.ย. 2021 เวลา 12:19 • หุ้น & เศรษฐกิจ

มาส่องสภาพ “คริปโต” ที่กำลังจึ้งมาก ใน พศ. นี้

คริปโตฯ ที่มาแรงในปัจจุบัน

📌 Solana พุ่งแรงแซงโค้ง ขึ้นแท่นมาเป็นอันดับที่ 6 ของ Market Cap

หลังจากที่ตลาดซบเซามาเป็นเวลาหลายเดือน Goldman Sachs ธนาคารเพื่อการลงทุนข้ามชาติของอเมริกาและบริษัทให้บริการทางการเงินได้ออกมาให้ความเห็นว่าคริปโตฯ นั้นสามารถเป็นหนึ่งในสินทรัพย์เพื่อการลงทุน

Solana

และเมื่อไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมาเราก็เริ่มได้เห็นการกลับมาอีกครั้งหนึ่งของตลาดคริปโต ราคาของคริปโต จึงได้พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะเหรียญ Solana (SOL) โดยในเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เหรียญ Solana ได้ทำ All time high โดยพุ่งขึ้นสูงเกิน 200 ดอลลาร์สหรัฐ จากราคา $35 เมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นเกือบ 472% เลื่อนจากอันดับที่ 42 เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2021 ขึ้นมาเป็นอันดับที่ 6 ในเดือนกันยายน 2021 จากการจัดอันดับของ CoinMarketCap

ตลาดคริปโตฯ นั้นมีโอกาสที่จะผันผวนอีกมากในช่วงต่อไป ด้วยความเสี่ยงจากปัจจัยต่างๆ เช่น นโยบายของธนาคารกลางสหรัฐที่จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลน้อยลงในปีนี้ โดยจะปรับลดปริมาณลงเหลือ $120,000 ล้านต่อเดือน (Tapering) และปัจจัยด้านราคาที่สูงซึ่ง JPMorgan Chase ยังได้ออกมาเตือนถึงสัญญาณฟองสบู่ว่าอาจจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า จากการที่ตลาดซื้อขายได้เติบโตอย่างรวดเร็ว

Solana คือ บริษัทสตาร์ทอัพสัญชาติอเมริกัน ซึ่งถูกจัดตั้งขึ้นในปี 2017 และมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ ซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย บริษัทได้มุ่งเน้นพัฒนาระบบคริปโต และ แอปพลิเคชันคริปโต เพื่อ Marketplaces และ Decentralized Apps (DApp) ซึ่งก็คือ แอพพลิเคชั่นที่ไม่มีตัวกลาง และได้ถูกสร้างขึ้นบนเครือข่าย Blockchain ที่เป็นเครือข่ายแบบ Peer to Peer (P2P) นั่นหมายความว่า แอพพลิเคชั่นที่ถูกพัฒนาขึ้นจะไม่ถูกควบคุมหรือถูกยกเลิกได้โดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

Solana สามารถระดมทุนได้มากถึง 335.8 ล้านเหรียญสหรัฐ และได้ระดมทุนรอบล่าสุดไปเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2021 จาก Initial Coin Offering โดยผู้ลงทุนหลัก คือ Andreessen Horowitz, Polychain, Collab+Currency, และ Alameda Research.

เหรียญ SOL คือเหรียญที่ถูกพัฒนาขึ้นโดย Solana หลังจากมีผู้ใช้บริการไม่พอใจกับความเร็วและค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมที่เพิ่มสูงขึ้นของ Ethereum จึงได้พัฒนาเหรียญ SOL ให้เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง โดยจุดเด่นของ Solana คือ การที่สามารถทำธุรกรรมได้สูงถึง 5 หมื่นธุรกรรมต่อวินาที เทียบกับ Ethereum ที่ทำได้เพียง 15 ธุรกรรมต่อวินาที

ในปัจจุบัน Solana ได้ล็อกเหรียญไว้จำนวนสูงสุดที่ 489 ล้าน SOL และในตอนนี้มีเหรียญ SOL ได้ออกสู่ตลาดแล้วจำนวน 260 ล้าน SOL หรือประมาน 53% ของจำนวนเหรียญทั้งหมด โดยในปัจจุบันเหรียญ SOL มีราคาอยู่ที่ 172.50 ดอลลาร์สหรัฐ (ราคา ณ วันที่ 8 กันยายน 2021)

ผู้สร้าง Solana ตั้งใจสร้าง SOL ขึ้นมาให้รองรับระบบสมาร์ทคอนแทรคท์ เพื่อให้ผู้ที่ซื้อเหรียญนำไปใช้กับ NFTs (Non-Fungible Token) หรือ สินทรัพย์ดิจิทัล ที่ใช้เพื่อแสดงความเป็น “เจ้าของ” ของสินทรัพย์ และไม่สามารถทำซ้ำได้ ใช้กับ Decentralized Finance (DeFi) ซึ่งเป็นบริการทางการเงินแบบไร้ตัวกลาง และ ใช้กับแอปพลิเคชั่นอื่นๆ บนพื้นฐานของเทคโนโลยีบล็อกเชน ซึ่งคล้ายกับระบบนิเวศของ Ethereum

ทั้งหมดนี้ จึงทำให้ Solana ได้รับฉายาว่าเป็น Ethereum Killer ร่วมกับเหรียญอื่นๆ อย่าง Polkadot (DOT) และ Cardano (ADA) นอกจากนี้แล้ว SOL ยังถูกออกแบบมาให้บล็อกเชนสามารถขยายตัวได้เร็ว ปลอดภัยและกระจายความเสี่ยง โดยไม่เก็บข้อมูลไว้ที่เดียว (Decentralized) และ ทำงานร่วมสมาร์ทคอนแทรคท์ เพื่อให้ Stablecoin อื่นๆ เช่น เหรียญ Tether (USDT) และ USD Coin (USDC) ใช้บล็อกเชนนี้ได้

10 อันดับเครือข่าย Blockchain ตามความเร็วของการทำธุรกรรม

ทั้งนี้ Stable Coin คือ เหรียญดิจิทัลที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นตัวกลางการเชื่อมระหว่างโลกการเงินดิจิตอลกับการเงินที่ใช้จริงในปัจจุบัน โดยราคาจะอ้างอิงกับสินทรัพย์ในโลกการเงินปัจจุบัน เช่น เงินสกุลดอลลาร์ เป็นต้น โดยที่มูลค่าเหรียญนั้นจะมีอัตราส่วนอยู่ที่ 1 ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐตลอดเวลา และมีคุณสมบัติ คือ มูลค่าราคาที่ผันผวนต่ำ ขึ้นลงไม่มาก โดยปกตินักลงทุนจะซื้อ Stable Coin เก็บไว้พักเงิน รอเวลาตลาดเหรียญคริปโตตกลงมาในราคาที่พอใจ ซึ่งราคาเหรียญ Bitcoin จะมีราคาสวนทางกับ Stable Coin โดยส่วนใหญ่ เมื่อราคา Bitcoin ลงต่ำ Stable Coin จะมีราคาสูงขึ้น ทำให้นักลงทุนสามารถทำกำไรได้อีกทางหนึ่ง

สิ่งที่สำคัญสำหรับเหรียญ Solana คือ การที่นำระบบ Consensus แบบ Proof-of-History (PoH) เข้ามาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุรกรรม ผ่านทางการ Verify Passage of time between two events เป็นระบบที่ได้ถูกคิดค้นโดย Anatoly Yakovenko ผู้ร่วมก่อตั้ง Solana นั่นเอง และนอกจากนั้นยังมีการใช้ Proof-of-Stake (PoS) ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ยืนยัน (Validator) ในการช่วยยืนยันธุรกรรม จึงช่วยทำให้ระบบสามารถรองรับปริมาณธุรกรรมที่เพิ่มขึ้นได้อีกด้วย ซึ่งด้วยระบบดังกล่าวทำให้ Solana มีต้นทุนการทำธุรกรรมที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับคู่แข่ง

นอกจากเหรียญ Solana แล้วยังมีเหรียญอื่นๆ ที่น่าจับตามองเช่น

📌 Bitkub Coin (KUB) บล็อกเชนของสัญชาติไทย

เหรียญที่ถูกออกแบบและพัฒนาบนเครือข่าย Bitkub Chain บล็อกเชนของคนไทย โดย บริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด บริษัทในเครือของ Bitkub.com เว็บเทรดยอดฮิตนั่นเอง โดยมีความตั้งใจว่าจะเป็นอีกทางเลือกของบริษัทต่างๆ ในประเทศ ที่สนใจในเทคโนโลยีด้านนี้ โดยไม่ต้องพึ่งเครือข่ายบล็อกเชนจากต่างประเทศ เพื่อลดต้นทุนค่าธรรมเนียม และเพิ่มความเร็วในการประมวลผลของการทำธุรกรรม

เหรียญ KUB เปิดเทรดในวันแรกเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2021 ที่ผ่านมา เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่ใช้บริการบนกระดานเทรดของ Bitkub สามารถซื้อเหรียญ เพื่อนำไปแลกเป็น Fee Credit เพื่อลดค่าธรรมเนียมในการซื้อขาย หรือทำกำไรเฉยๆ ก็ได้ และล่าสุด Bitkub ยังได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ให้ผู้ที่ถือเหรียญ KUB สามารถนำเหรียญมาล็อกบนแพลตฟอร์มของ Bitkub Next และรับโบนัสตามระยะเวลาที่เลือก ตั้งแต่ 30 วันจนถึง 1 ปี ในปัจจุบัน Bitkub ได้เผาเหรียญไป 89% เพื่อลดปริมาณเหรียญให้อยู่ในระบบแค่ 110 ล้าน KUB จากเดิมที่มีอยู่ 2 พันล้าน เพื่อเพิ่มมูลค่าของเหรียญ

Bitkub Coin (KUB)

จากกระแสความนิยมของเกม Play to Earn “Moon Morning Village” ซึ่งเป็นเกมเกี่ยวกับการปลูกผักทำฟาร์มได้เปิดตัวบน Bitkub Chain โดยผู้เล่นสามารถทำรายได้ในเกมจากการที่นำเมล็ดพันธุ์ หรือ ผลผลิตในฟาร์มของตัวเองไปซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้ากับผู้เล่นคนอื่นๆใน Marketplace ของเกมนั่นเอง

📌 Cardano (ADA)

หากพูดถีง Blockchain Smart Contract เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่พูดถึง ADA เครือข่ายบล็อกเชนแบบ Proof-of-Stake ซึ่งประหยัดพลังงานสูงกว่ารูปแบบ Proof-of-Work หรือ การพิสูจน์ด้วยการทำงานจากการแก้โจทย์ที่ระบบกำหนดและหาค่าสมการที่ถูกต้อง เปิดตัวในปี 2017 ที่ซูค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ จากการทำ Initial Coin Offering และสามารถระดมทุนได้มากถึง 62.2 ล้านเหรียญ โดย Charles Hoskinson หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum

Cardano (ADA)

ล่าสุด Cardano ได้มีการอัพเกรดโปรโตคอลของตัวเองครั้งใหญ่โดยใช้ชื่อโปรเจกต์นี้ว่า Alonzo Hard Fork เพื่อเพิ่มระบบสมาร์ทคอนแทรคท์ ซึ่งจะทำให้เครือข่ายมีความสมบูรณ์ และรองรับจำนวนผู้ใช้งานที่มากขึ้นได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และยังสามารถเพิ่มโอกาสให้กับเหรียญจากการที่อาจจะเกิดโปรเจค DeFi หรือการสร้าง NFT บน Cardano ในอนาคต

📌 Dogecoin (DOGE)

เหรียญมีม (Meme) สุดโปรดของ Elon Musk ที่จะพาทุกคน Go to The Moon ตาม SpaceX จุดเริ่มต้นของเหรียญนี้ ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อล้อเลี่ยนผู้สร้าง Bitcoin โดยใช้รูปสุนัขพันธ์ชิบะอินุเป็นโลโก้ และใช้เวลาเพียงแค่ 3 ชั่วโมงในการสร้าง เหรียญ Dodge ได้เป็นขวัญใจของนักลงทุนจากความน่ารัก ความเฟรนลี่ จึงทำให้เหรียญเข้าถึงได้ง่ายและเป็นที่พูดถึงอย่างแพร่หลายในโลกโซเซียล โดยเฉพาะใน Twitter เมื่อ Elon Musk ทวิตถึงทีไรราคาก็พุ่งจนหยุดไม่อยู่ และทำ All time High ได้ถึง 24 บาท ($0.7376) ในเดือน พฤษภาคม 2021

สิ่งที่ทำให้เหรียญนี้มีความน่าสนใจ คือ การที่ผู้สร้างได้ขายเหรียญทั้งหมดออกไปในปี 2015 ด้วยมูลค่าของรถ Honda Civic มือสอง จึงทำให้ Dodge ไม่ได้ถูกควบคุมโดยใครคนใดคนหนึ่ง ร่วมกับการที่สามารถขุดได้ไม่จำกัดจำนวน และมีเหรียญหมุนเวียนในปัจจุบันมากถีง 131,228,005,837 ล้าน Dodge

Dogecoin (DOGE)

จากการที่ Dogecoin มีความเป็น Decentralized สูง ทำให้เหรียญมีคุณสมบัติเหมาะกับการเป็นสกุลเงิน ทาง Elon Musk และทีมงานได้เล็งเห็นจุดนี้ จึงได้กำลังทำการพัฒนาและสร้างโปรเจคออกมา ซึ่งแฟนๆ ของ Dogecoin ก็กำลังตั้งตารอคอยอยู่ เมื่อไม่กี่วันมานี้ ทาง Doge team ก็ได้มีการออก DodgeX NFT ที่ทำร่วมกับ Etheruem ขึ้นมาสำหรับให้แฟนๆ Doge เข้าไปเก็บเหรียญกัน จึงทำให้ Dogecoin เป็นอีกหนึ่งเหรียญที่น่าสนใจ

#จะบ้าตายรายวัน #เอาปากกามาวง #สภาพ #trending #Cryptocurrency #Solana #SOL #Ethereum #Blockchain #Smartcontract #Defi #Dogecoin #DOGE #Cardano #ADA #Bitkubcoin #KUB #Bitkub #ต๊าซ #จึ้ง

ผู้เขียน : กุลเชษฐ์ เสงี่ยมพงษ์ Tech & Innovation Analyst, Bnomics

ภาพประกอบ : ชนากานต์ วรสุข Graphic Designer, Bnomics