18 ก.ย. 2021 เวลา 09:28 • ข่าวรอบโลก
ฤา นี่คือจุดเริ่มต้นของไฟในการสะสมอาวุธบนคาบสมุทรเกาหลี
เกาหลีเหนือทดสอบระบบอาวุธใหม่ของตัวเองอีกแล้วเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ด้วยระบบอาวุธจำนวน 2 แบบด้วยกันคือ ระบบขีปนาวุธปล่อยจากรถไฟ (Rail-Based) และระบบจรวดร่อนระยะไกลแบบปล่อยจากรถยิง เราจะมาไล่เรียงกันว่า เราเห็นสิ่งที่น่าสนใจอะไรกันบ้างในการทดสอบครั้งนี้
อาวุธใหม่ขีดความสามารถใหม่ ที่ทำให้ฝ่ายพันธมิตรอเมริกาต้องปรับตัว
ระบบอาวุธใหม่ที่น่าสนใจในการทดสอบครั้งนี้ คือระบบจรวดร่อนระยะไกล ที่สามารถยิงได้ระยะไกลประมาณ 1500กิโลเมตร ในเวลา 126 นาที โดยระยะเวลาสองชั่วโมงนี้เป็นการเคลื่อนที่ทั้งแบบวงรีและแบบเลข 8 รวมอยู่ในนั้นด้วย ถามว่าทำไมระบบอาวุธนี้ถึงต้องทำให้ฝ่ายตรงข้ามต้องตระหนักและหาวิธีรับมือเพราะ
1. ระบบจรวดร่อน เป็นระบบที่มี Flight Path ที่คาดเดาได้ยาก (กำหนดได้) และเดินทางในความสูงระดับต่ำ ยากต่อการตรวจจับด้วยเรดาร์ของระบบป้องกันขีปนาวุธ และระบบป้องกันภัยทางอากาศ
2. อาวุธใหม่นี้ปล่อยจากรถยิงที่เคลื่อนที่ได้ด้วยตนเอง ทำให้สามารถที่จะปล่อยจากที่ใดก็ได้ ทำให้คาดการณ์ได้ยาก ต้องเพิ่มขีดความสามารถในการตรวจจับหรืออาศัยการตรวจจับแบบ 360 องศา
3. จรวดร่อนแบบใหม่นี้เป็นแบบพื้นสู่พื้น ซึ่งเล็งเห็นได้ว่าเกาหลีเหนือ ประสงค์ต่อเป้าหมายในภาคพื้นดินเป็นหลักจากอาวุธชนิดนี้ ด้วยระยะยิงของมัน ทำให้สามารถยิงโจมตี ฐานทัพของสหรัฐอเมริกา ในเกาหลีมใต้และญี่ปุ่นในทุกฐานทัพ
4. เกาหลีเหนือให้นิยามจรวดร่อนชนิดใหม่นี้ว่าเป็นอาวุธ “ทางยุทธศาสตร์” ทำให้ไม่แน่ว่าจรวดร่อนนี้อาจจะสามารถบรรจุหัวรบนิวเคลียร์ได้หรือไม่อย่างไร โดยที่ข้อมูลจากหน่วยข่าวกรองด้านการวิเคราะห์กำลังรบของสหรัฐอเมริกา คาดการณ์ว่าเกาหลีเหนือมีหัวรบนิวเคลียร์อยู่หลายสิบลูกในคลังแสง ซึ่งถ้าสามารถบรรจุหัวรบนิวเคลียร์ได้จะทำให้ จรวดร่อนนี้มีความสามารถในการโจมตีทำลายที่รุนแรงมากขึ้นไปอีก
นอกจากนั้นแล้วยังมีรายงานอีกว่า เกาหลีเหนือได้ทำการทดสอบขีปนาวุธระยะใกล้ SRBM เพิ่มเติมอีกจำนวน 2 ลูก ไปตกยังทะเลตะวันออก โดยวิเคราะห์ว่าน่าจะเป็นขีปนาวุธแบบ KN23(mod) หรือรุ่นปรับปรุง ซึ่งเดิมเคยทดสอบไปครั้งนึงแล้วเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ในตอนนั้นหน่วยข่าวกรองเกาหลีใต้และคณะฝ่ายเสนาธิการร่วมของเกาหลีใต้ เชื่อว่ามีพิสัยยิงอยู่ที่ 450-600 กิโลมตรเท่านั้น แต่ถ้าการทดสอบในครั้งล่าสุดนี้ KN 23 รุ่นปรับปรุงสามารถทำการยิงได้ไกลถึง 800 กม.จะเท่ากับว่า ขยับจากการเป็นขีปนาวุธระยะใกล้ SRBM ไปเป็นขีปนาวุธพิสัยกลางหรือ MRBM เป็นที่เรียบร้อย
สิ่งที่น่าสนใจอีกประการคือการทดสอบขีปนาวุธและจรวดร่อน ในห้วงเวลา มีการเผยแพร่ภาพเคลื่อนไหวหรือคลิปวิดีโอ นั่นอาจจะเป็นเพราะแรงกระตุ้นจากเกาหลีใต้ ก็ เป็น ได้ ...
ต้นเดือนที่ผ่านมาเกาหลีใต้ประสบความสำเร็จในการทดสอบระบบขีปนาวุธแบบยิงจากเรือดำน้ำหรือ SLBM ทำให้เกาหลีใต้กลายเป็นชาติลำดับที่ 8 ของโลกที่มีขีดความสามารถของระบบอาวุธชนิดนี้ ต่อจาก สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย จีน อินเดีย เกาหลีเหนือ แต่เกาหลีใต้เป็นประเทศแรกที่ไม่ใช่ประเทศผู้ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ที่มีขีดความสามารถของการยิงขีปนาวุธจากเรือดำน้ำ
ทางการเกาหลีใต้เผยแพร่คลิปการทดสอบทำการยิงจากเรือดำน้ำชั้น Dosan ที่ชื่อ Ahn Chang-ho ระวาง 3000 ตัน ทำการยิงขีปนาวุธรหัส Hyunmoo 4-4 ระยะยิง 500 กม. พุ่งเข้าใส่เป้าหมายอย่างแม่นยำ โดยการทดสอบขีปนาวุธครั้งนี้มีขึ้นหลังการยกเลิกมาตรการควบคุมอาวุธปล่อยและขีปนาวุธของเกาหลีใต้โดยสหรัฐอเมริกา
สำหรับท่าทีของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่อการทดสอบอาวุธบนคาบสมุทรเกาหลีครั้งนี้ โดยเฉพาะต่อท่าทีของสหรัฐอเมริกานั้น ต่างมองว่า สหรัฐอเมริกามีท่าทีที่ “หน่อมแน้ม” หรือ”โลกสวย”เกินไป ทั้งนี้ หลังการทดสอบอาวุธของเกาหลีเหนือเพียง 1 วัน หัวหน้าคณะผู้แทนสหรัฐต่อเกาหลีเหนือ ยังคงส่งเทียบเชิญให้เกาหลีเหนือเข้ามาพูดคุยในหลายๆเรื่อง โดยย้ำว่าสหรัฐฯพยามใช้มาตรการหลายๆแบบ หลายๆระดับในการแก้ไขปัญหาและรักษาเสถียรภาพบนคาบสมุทรเกาหลี
สุดท้าย ที่ผ่านมาเกาหลีเหนือมักเป็นฝ่ายทดสอบขีปนาวุธอยู่เพียงฝ่ายเดียว โดยที่เรามักจะเห็นข่าวของการติดตั้งระบบป้องกันชีปนาวุธในรูปแบบต่างๆของพันธมิตร สหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้และญี่ปุ่นเสียมากกว่า แต่ในคราวนี้เราเห็นความพยายามในเชิงรุก คือการพัฒนาระบบขีปนาวุธของเกาหลีใต้ที่ได้รับการอนุญาตจากอเมริกา ทำให้ไม่แน่ว่า นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการแข่งขันสะสมอาวุธในคาบสมุทรเกาหลี รวมไปถึงการเรียกร้องให้เกาหลีใต้สามารถครอบครองและพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์เพื่อป้องปรามเกาหลีเหนือ ก้าวเล็กๆในวันนี้นั้นน่าสนใจว่า ส่งผลอย่างไรต่อไปในอนาคต
อ้างอิง
โฆษณา