22 ก.ย. 2021 เวลา 12:11 • หนังสือ
เศรษฐกิจยิ่งแย่ ความงมงายยิ่งขายดี
1.
ยิ่งเศรษฐกิจแย่เท่าไหร่ ความงมงายยิ่งขายดีเท่านั้น ..."พันล้านบาท" คือยอดขายที่ผมได้ยินกับหู เศรษฐีหลายร้อยล้านท่านหนึ่งซึ่งเป็นคนดัง เป็นเจ้าของสื่อในมือที่่น่าเชื่อถือ เป็นคนเล่าให้ผมฟังถึง "อาณาจักรธุรกิจ" ที่ใครฟังแล้ว ก็ต้องบอกว่า..."งมงายมาก" แต่ถึงอย่างนั้น ทั้งที่ฟังแล้วงมงาย "สินค้า" จากอาณาจักรธุรกิจดังกล่าวกลับขายดิบขายดีเทน้ำเทท่า สวนกระแสเศรษฐกิจตอนนี้เสียเหลือเกิน
2
ภาพถ่ายโดย Alexas Fotos จาก Pexels
ที่เล่ามา ไม่ใช่ธุรกิจของเศรษฐีท่านนี้นะครับ แต่เจ้าของอาณาจักรงมงายดังกล่าว ยินดีจ่ายเงินให้เศรษฐีเจ้าของสื่อคนนี้เป็นล้าน เพื่อแลกกับการกระพือให้ความงมงายนี้โด่งดังผ่านสื่อ ยอดขายจะได้พุ่งขึ้นไปเป็นหลายพันล้าน ...ยังดีที่เศรษฐีเจ้าของสื่อท่านนี้ไม่เล่นด้วย
1
ได้ฟังเรื่องนี้ ผมนึกเรื่องเมื่อหลายปีก่อน เพื่อนผมคนหนึ่งรับจ้างทำการตลาดออนไลน์ให้สินค้า มันบอกผมว่าพวกครีมกับอาหารเสริมที่ว่าขายดีต้องหลบไปเลย เพราะสิ่งที่มาแรงแซงทางโค้งก็คือ "วัตถุศักดิ์สิทธิ์เรียกทรัพย์รับโชค" เรียกว่าขายดีจนส่งสินค้าไม่ทัน เจ้าของนั่งผลิตสิ่งศักดิ์สิทธิ์หลังร้านทั้งวัน เรียกว่า "รวยไม่รู้เรื่อง"
2
...ในความหมายว่า เพราะความไม่รู้เรื่องของคนซื้อ จึงทำให้คนขายรวยเอา ๆ
2.
เข้าใจครับว่าความเชื่อนั้นเป็นเรื่องส่วนบุคคล เข้าตำรา "ไม่เชื่อก็อย่าหลบหลู่" ประโยคทำนองนี้ที่เขาพูด ๆ กัน แต่ก็ยอมรับว่าอดไม่ได้จริง ๆ ที่เห็นคนกำลังลำบากขาดที่พึ่งทางใจ กลับถูกหลอกง่าย ๆ ซ้ำเติมสถานการณ์ที่แย่อยู่แล้ว ให้แย่ลงไปอีก
1
รากฐานที่ทำให้ความงมงายเหล่านี้ขายดี ผมคิดว่าอาจเริ่มมาจาก 3 สาเหตุ
สาเหตุที่ 1 : เพราะคนความสามารถน้อย มักรอคอยโชคชะตา เพราะคนขี้เกียจ มักชอบหาทางลัดสร้างฐานะ
3
ลองนึกดูว่าถ้าเราเป็นคนมีความสามารถ ทำงานเก่ง ขยัน สู้ชีวิต ปรับตัวตามสถานการณ์ได้เสมอ...และเชื่อมั่นในตัวเอง เราจะไปพึ่งพาหาโชคชะตาทำไมกัน? แต่พอความสามารถน้อย (แล้วยังขี้เกียจอีก) ก็เลยเสร็จคนที่สบช่อง เห็นโอกาสนี้ ขยี้ความอยากให้โป่งพอง ขายของศักดิ์สิทธิ์ ขายวิธีรวยติดเทอร์โบ ผลก็คือศักดิ์สิทธิ์จริง รวยจริง...คนขายนั่นแหละที่รวยติดเทอร์โบ
1
สาเหตุที่ 2 : เพราะบางคนจะมีความสุขได้ ต้องใช้เงินเท่านั้น
4
จะว่าไปคนซื้อกับคนขายในธุรกิจนี้ก็สมกันดีครับ เพราะต่างคนต่างบูชา "ความร่ำรวย" เป็นสิ่งสุดยอดในชีวิต คนหนึ่งทำทุกอย่างได้ เพื่อความร่ำรวย ส่วนอีกคนหนึ่งซื้อทุกอย่างได้ หากจะทำฉันให้ร่ำรวย
1
แต่หากเขาจะรู้สักนิดว่า แค่ใช้ความสามารถ ใช้ความอดทน ประกอบสัมมาชีพ เลี้ยงตัวให้อยู่ได้เพียงพอ นั่นก็พอแล้ว จากนั้นลองตั้งคำถามตัวเองว่า "อะไรคือความสุขอื่น ๆ อีกที่ฉันไม่ต้องใช้เงินซื้อ?" เช่น คุยเล่นกันกับเพื่อนฝูง กินข้าวพร้อมกับครอบครัว กอดกันกับคนรัก เล่านิทานก่อนนอนให้ลูกฟัง ปล่อยใจนั่งมองท้องฟ้า หรือจะลองคิดทำเพื่อคนอื่น ไม่ใช่เอาแต่ตื่นมาเพื่อทำให้แต่ตัวเอง
1
จากนั้นใช้เวลากับสิ่งเหล่านั้นให้เยอะ เท่านี้ก็มีความสุขขึ้นได้แล้ว เพราะสิ่งอื่นนอกเหนือจากนั้น อาจเป็นแค่เปลือกที่พอกอยู่นอกกาย ...เราจะได้ไม่ต้องหลงใหลในความร่ำรวยให้มากเกินไป
1
สาเหตุที่ 3 : เพราะคนกำลังสิ้นหวัง มักจิตอ่อน ใครจุดไม้ขีดให้ดู ก็นึกไปว่าคือคบเพลิง
บางคนเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ คิดว่าเป็นทางออก ทั้งที่จริง คือรถไฟกำลังวิ่งสวนมา คนกลุ่มนี้จึงนับว่าน่าสงสาร ส่วนคนที่หาประโยชน์กับคนกลุ่มนี้ก็นับว่าบาปกรรม เขากำลังสิ้นหวัง กลับยังไปซ้ำเติม บางคนคือเงินก้อนสุดท้าย คือความหวังสุดท้าย...แต่กลับโดนหลอก ยิ่งเดี๋ยวนี้ลามไปถึงคนมีความรู้ คนมีทรัพย์ แต่ไม่มีสติ แชร์ลูกโซ่ ทัวร์ลวง กองทุนหลอก จึงผุดขึ้นราวกับดอกเห็ดในป่าชื้น
3
3.
บางคนบอกว่าสิ่งนี้ไม่ได้งมงาย แต่มันคือกำลังใจ ...โอเคครับ เรื่องนี้เข้าใจได้ว่ากำลังใจต้องมี เพราะมันดีต่อใจ แต่คนปกติเขาจะไม่พึ่งพาแต่กำลังใจ โดยไม่คิดทำอะไรใหม่ ๆ เลย ได้แต่หวังพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไปเรื่อยเปื่อย
1
หันมาพึ่งพาตัวเอง อย่าเอาแต่พึ่งพากำลังใจ พึ่งพากำลังกายบ้าง พึ่งกำลังสมองบ้าง เพิ่มความสามารถ ฝึกฝน สู้ชีวิต เปิดประตูโอกาสบานใหม่ ๆ ให้ตัวเองอยู่เสมอ
"ยิ่งเศรษฐกิจแย่เท่าไหร่ ความงมงายยิ่งขายดีเท่านั้น" คำนี้ต้องเตือนตัวเองกับคนรอบข้างให้ดี
2
"สติหมด...ระวังโดนปลดทรัพย์" เตือนแล้วนะครับ.
โฆษณา