19 ก.ย. 2021 เวลา 01:00 • สิ่งแวดล้อม
เด็กๆ ในมาดากัสการ์อย่างน้อย 30% กำลังทุกข์ทรมานจากการขาดอาหาร เพราะวิกฤตสภาพภูมิอากาศ ที่พวกเขาไม่ได้เป็นคนก่อ
ความอยุติธรรมทางสิ่งแวดล้อมกำลังกัดกินชีวิตผู้คนจำนวนมากในประเทศมาดากัสการ์อย่างรุนแรง
โดยเฉพาะกลุ่มเด็กๆ ที่อาศัยอยู่ทางภาคใต้ของประเทศ ซึ่งถือเป็นภูมิภาคที่ผู้คนมีฐานะยากจนมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
ด้วยต้นทุนที่ติดลบแต่เดิม แล้วมาถูกขย้ำซ้ำด้วยวิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ทำให้สถานะของผู้คนในวันนี้ยากจะลืมตาอ้าปาก
ทั้งยังถูกโบยซ้ำด้วยโควิด-19 ก็ยิ่งทำให้สถานการณ์ยิ่งตรึงเครียดหนักขึ้นไปอีก
ยังดีที่สถานการณ์ระบาดภายในประเทศเริ่มคลี่คลายลง
แต่วิกฤตสภาพภูมิอากาศนั้นยังอยู่
นิตยสารไทม์ ได้พาดหัวข่าวถึงประเด็นนี้ว่า “ความอดอยากของมาดากัสการ์นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ที่เกิดขึ้นเพราะภาวะโลกร้อนเพียงอย่างเดียว”
ดังปรากฎในภาพข่าวจำนวนมาก ที่ผู้คนทางภาคใต้ของประเทศจำนวนไม่น้อยต้องอาศัยการกินกระบองเพชรและแมลงประทังหิว
เหล่าพืชทนแล้งได้กลายมาเป็นอาหารหลักของประชาชนกว่า 14,000 คน แม้จะว่าไร้รสชาต ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการ หรืออาจเป็นอันตรายต่อร่างกายเพราะย่อยยากก็ตาม
เหตุการณ์เช่นนี้ดำเนินเรื่อยมานับตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคมของปี
ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ความแห้งแล้งได้เข้าควบคุมภูมิภาคอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในรอบ 40 ปี และทำให้การเพาะปลูกพืชอาหารประสบความล้มเหลวโดยสิ้นเชิง
ปีก่อนๆ ว่าแย่แล้ว แต่ก็ยังไม่แย่เท่าปีนี้
สายน้ำที่เคยไหลเชี่ยวกลับเหือดแห้งลง - ผู้คนต้องขุดหลุมลึกลงไปหาน้ำใต้ดินมาใช้สอย แม้จะรู้ว่าอาจมีสิ่งสกปรกเจือปน และนำพาความเสี่ยงต่อโรคภัยอื่นๆ ตามมา - แต่มันก็เป็นสิ่งที่เลือกไม่ได้
บางวันอาจโชคดีที่ได้รับอาหารแบ่งปันจากองค์กรระหว่างประเทศที่เข้าให้การช่วยเหลือ
แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องของความยั่งยืนใดๆ
โดยเฉพาะสิ่งที่เรียกว่าแสงสว่างปลายอุโมงค์ที่ยังมองไม่เห็น และไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย
คาดว่าสถานการณ์จะยิ่งหนักขึ้นอีกในปีต่อไป
วันนี้ ผู้คนทางตอนใต้ของมาดากัสการ์ ตกอยู่ในภาวะภัยพิบัติทางอาหารในระดับ 5 อย่างน้อย 14,000 คน ตามความเห็นขององค์การสหประชาชาติ
กล่าวคือ มีครัวเรือนขาดแคลนอาหารและความต้องการพื้นฐานอื่นๆ อย่างสุดขีด ถึงแม้จะดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่แล้ว ก็ยังมีผู้คนที่อาจตายเพราะความอดอยาก ทุพพลภาพ และเกิดภาวะทุพโภชนาการเฉียบพลันอยู่ดี
ที่หนักสุดคือกลุ่มเด็กที่อายุต่ำกว่า 5 ขวบ
รายงานของสหประชาชาติกล่าวว่า เด็กๆ ในมาดากัสการ์อย่างน้อย 30% กำลังทุกข์ทรมานจากการขาดอาหาร
ในหนึ่งวันอาจมีเด็กอย่างน้อย 2 คน จากทุกๆ 10,000 คน เสียชีวิตเพราะความอดอยากและโรคขาดสารอาหาร
ตามความเห็นของยูนิเซฟและโครงการอาหารโลกคาดว่าจำนวนเด็กที่ขาดสารอาหารอาจเพิ่มเป็น 500,000 คนในเดือนเมษายนปีหน้า
แม้ในประเทศจะมีองค์กรที่ทำหน้าที่ดูแลเด็ก แต่ภาวะที่คาบเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ทำให้สถานรับเลี้ยงเล็กหลายแห่งในประเทศไม่มีทรัพยากรเพียงพอต่อการช่วยเหลือ
สิ่งที่เกิดขึ้นกับประชาชนและเด็กๆ ในมาดากัสการ์ คงกล่าวได้ว่า “เป็นเรื่องความอยุติธรรมจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศ”
ผู้คนที่มีส่วนทำลายโลกน้อยที่สุด กลับมีหนี้สินมากที่สุด
การใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลของผู้คนทั่วโลก ได้ทำให้โลกมีอุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ความชื้นระเหยออกจากทะเลสาบ แม่น้ำ และแหล่งน้ำอื่นๆ
อุณหภูมิที่อุ่นขึ้นยังเพิ่มการระเหยในดินทำให้ดินแห้งแล้ง ส่งผลต่อชีวิตของพืช และสามารถลดปริมาณน้ำฝนให้น้อยลงได้
สามัญชนในมาดากัสการ์ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 0.1 เมตริกตันต่อปี ขณะที่คนอเมริกันโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 15.7 เมตริกตันต่อปี
อันเป็นข้อเท็จจริงที่น่าเศร้าและมีหลักฐานชี้ชัดว่าในช่วงปี 1999-2018 ประเทศที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตสภาพอาการแปรปรวนมากที่สุด 10 ประเทศ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นประเทศกำลังพัฒนา และผู้คนบางส่วนของประเทศมีฐานะยากจนมากที่สุดในโลก
เช่น ฟิลิปปินส์ มาดากัสการ์ อินเดีย ศรีลังกา เคนยา รวันดา ฟิจิ
ดูๆ แล้ว เป็นเรื่องที่ไม่ค่อยจะยุติธรรมเอาเสียเลย
ที่ว่ากันว่าเด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว หากสงสัยว่ามีหน้าตาเป็นอย่างไร ก็ขอให้ดูเรื่องนี้ไว้เป็นตัวอย่าง
#IsLIFE #ClimateInjustice #ClimateCrisis #Madagascar
อ้างอิง
Climate Reality Project : https://bit.ly/39jbwR6
Changing America : https://bit.ly/2VQnfn6
Photo : NY Times
โฆษณา