19 ก.ย. 2021 เวลา 08:23 • บันเทิง
รีวิวและวิเคราะห์ Squid Game
ความเชื่อใจของมนุษย์วางอยู่บนอะไร ?
#สปอยล์แหลก
"มนุษย์เราไม่ได้เชื่อใจกันเพราะอีกฝ่ายน่าเชื่อใจหรอก แต่เป็นเพราะเราไม่มีทางเลือกแล้ว เลยต้องเชื่อใจกัน" ซองกีฮุน ตัวเอกของเรื่องกล่าวคำนี้ไว้ เมื่อต้องการดึงคนที่ไม่รู้จักอีกคนมาเป็นผู้ร่วมทีม หลังจากดูซีรีส์นี้จบผมก็พบว่ามันน่าจะเป็นแก่นของโครงสร้างเรื่องนี้ เพราะเมื่อคิดดีๆจะเห็นองค์ประกอบของการเชื่อใจแฝงอยู่เต็มไปหมด
2
ทุกคนที่เข้ามาเล่น 'เกม' มีคุณสมบัติร่วมกันคือ ต้องการเงินมหาศาลไปปลดหนี้ที่ตนเองก่อไว้
- เงิน คือ สิ่งที่มนุษย์ร่วมกันสมมติว่ามีค่า และเชื่อถือร่วมกัน
- หนี้ เป็นสัญญาระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้ ซึ่งต้องอาศัยความเชื่อใจกันจึงจะให้ยืมกันได้ แต่เมื่อความไว้ในนั้นพังทลายลง การทวงหนี้แบบโหดๆก็เกิดขึ้น (แม้แต่หนี้ในระบบระหว่างคนกับธนาคาร จริงๆก็ต้องอาศัย 'กำลัง' ในการบังคับกันอยู่)
1
เกม จึงเป็นกิจกรรมที่เข้ามาตอบโจทย์เพื่อปลดหนี้ โดยเอาชีวิตมนุษย์เป็นเดิมพัน โดยระบบของเกมต้องอาศัยกฎที่บังคับให้ผู้เล่นดำเนินตาม (ในระดับหนึ่ง) และต้องอาศัยความเชื่อใจระหว่างผู้เล่นกับคนคุมเกมว่า เกมจะดำเนินไปได้ตลอดรอดฝั่ง
สำคัญที่สุดคือ ผู้เล่นต้องเชื่อว่ารางวัลจะต้องถูกจ่ายจริงเมื่อมีคนชนะ
จะเห็นได้ว่าองค์ประกอบทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบวางอยู่บนพื้นฐานความเชื่อใจในแง่มุมต่างๆ แม้แต่ผู้สร้างเกมยังถามตัวเอกในตอนจบว่า เชื่อใจมนุษย์ด้วยกันอยู่ไหม "หากมีคนกำลังจะตายอยู่ริมถนน จะมีคนสนใจช่วยไหม" สะท้อนถึงความเชื่อใจในศีลธรรมในใจของมนุษย์
ตัวละครของเรื่องมีหลายคนที่น่าสนใจ
แต่จะขอกล่าวถึงเพียงหลักๆ คือ
- ตัวเอกของเรื่อง ซองกีฮุน เป็นชายวัยใกล้ 50 ที่ติดการพนัน เหล้า และเกาะแม่กิน หลอกแม่ว่าจะตั้งใจทำงาน ตั้งตัวให้ได้ แต่ไม่เคยทำได้
แม่จึงไม่เชื่อใจเขาจนต้องซ่อนบัตรเอทีเอ็มไว้ แต่เขาก็ยังไปหามาแล้วกดเงินแม้มาใช้จนเกลี้ยง นิสัยส่วนตัวคือ เหลาะแหละ โลเล ซึ่งเป็นนิสัยที่แสดงออกตั้งแต่ต้นไปจนท้าย ชอบขอยืมเงินคนอื่นมาใช้ด้วยการอ้อนวอนจนไปสร้างหนี้กับมาเฟียไว้มหาศาล
1
- ซังอู เพื่อนสมัยเด็กของซองกีฮุน เรียนเก่งมาก จริงจัง แต่ไปล้มคว่ำกับตลาดเงินจนเป็นหนี้มหาศาล จนต้องหลอกแม่ว่าตนเองประสบความสำเร็จที่ต่างประเทศจนแม่ภูมิอกภูมิใจ นิสัยส่วนตัวคือ ความจริงจัง และโน้มน้าวคนให้มาเชื่อได้เก่ง ตอนท้ายๆก็ไปหลอกคนจนกระทั่งคนฝ่ายที่เชื่อใจต้องตาย
3
- สาวเกาหลีเหนือ โดดเดี่ยว ไม่เชื่อใจใคร แต่ในวินาทีสุดท้ายของชีวิต มอบความเชื่อใจไว้กับตัวเอก อย่างเลี่ยงไม่ได้ (สมดังคำกล่าวที่ตัวเอกกล่าวไว้ว่า เราเชื่อใจกันเพราะไม่มีทางอื่นแล้ว)
1
- ลุงคนหนึ่งที่ไม่เชื่อถือใคร แต่เชื่อถือพระเจ้า
และเอาพระเจ้ามาเป็นข้ออ้างต่างๆในการฆ่าพันคนอื่นอย่างโหดเหี้ยม โดยไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดใด
1
การพยายามสร้างความเชื่อใจในเรื่องมีตั้งแต่ ผลประโยชน์มหาศาล ทำบุญคุณ ความจริงจัง ไปจนถึงการใช้เซ็กส์
การทำงานเป็นทีมของเรื่องนั้นน่าสนใจ อย่างเช่น ทีมขโมยร่างผู้แพ้มาขายอวัยวะ ก็ต้องอาศัยความเชื่อใจกัน ทั้งในแง่ทักษะ ผลตอบแทน และขั้นตอนการทำงาน ระบบที่ไม่รัดกุมพอ อาจทำให้งานพังทลายลงได้ทุกเมื่อ
คนคุมเกมเอง กล่าวไว้ว่าโลกของเกมนั้นยุติธรรม แตกต่างจากโลกแห่งความจริงอันฉ้อฉล แต่หากดูไปจนจบก็จะเห็นว่า แม้โลกจะแบบนั้นก็ไม่ได้ทำให้แก่นของมนุษย์เปลี่ยนไปเลย คนหลอกลวงก็ยังหลอกลวง คนโดนหลอกก็ยังถูกหลอกวันยังค่ำ คนโดดเดี่ยวก็ยังโดดเดี่ยว
ที่น่าสนใจคือ ในเรื่องมีคำว่ากันบู หมายถึงเพื่อนสองคนที่เชื่อใจกันและทำสัญญาเป็นเพื่อนตาย ไม่มีของใครของมัน แต่ของของแต่ละคนเป็นของๆกันและกัน ซึ่งเป็นความเชื่อใจระดับสูง
1
คำถามหนึ่งที่ชวนคิด คือ คนไม่มีเงินเลย กับคนมีเงินล้นฟ้า มีอะไรเหมือนกัน? นี่เป็นหนึ่งในคำถามที่สำคัญมาก เพราะมันก่อให้เกิดการสร้างเกมสุดโหดนี้ขึ้น แต่กระนั้นผู้สร้างเกมไม่เคยรู้สึกว่ามันโหดเหี้ยมจนวาระสุดท้ายของชีวิต เพราะทุกคนต่างสมัครใจมา
1
อย่างไรก็ตาม หากคิดดีๆจะต้องตั้งคำถามว่าหลายคนที่สมัครใจมานั้นเป็นผลพวงมาจากสังคมที่บีบคั้นจนคนเหล่านี้ไร้ทางออก จนต้องเอาชีวิตตัวเองเป็นเดิมพันหรือไม่?
ส่วนตัวผมชอบเรื่องนี้มาก แม้จะมีหลายจุดที่รู้สึกไม่ make sense บ้าง
แต่ในแง่การออกแบบฉากอันสวยงาม อลังการ บทที่ไม่เยิ่นเย้อไป นั้นดึงดูดให้ผมดูจนจบอย่างรวดเร็ว
1
ที่เจ๋งคือ แม้ว่าเส้นเรื่องของหนังนั้นเป็นเส้นตรง แต่การเลือกของตัวละครนั้นหักหลบการคาดเดาของคนดูบ่อยมาก ทำให้หนังเรื่องนี้มีชีวิตชีวาสุดๆ ถึงตอนจบจะไม่ได้หักมุมถึงขั้นคาดเดาไม่ได้ แต่แรงขับดันของตัวละครและแนวคิดต่างๆที่แทรกมามีความกลมกลืนไปทั้งเรื่อง
เรื่องนี้ให้คะแนน 9.5/10 ครับ
โฆษณา