23 ก.ย. 2021 เวลา 10:00 • การตลาด
ทำไมจึงเกิดปรากฏการณ์ยิ่งด่ายิ่งดียิ่งตียิ่งดังยิ่งแบนยิ่งขายดีขึ้น
ปรากฏการณ์ในเรื่องของการโจมตีด้วยการใช้คำรุนแรงหรือ Hate Speech รวมถึงการบิดเบือนข้อเท็จจริง เพื่อโจมตีฝ่ายตรงกันข้าม เป็นกลยุทธ์ที่ในอดีตมีการนำมาใช้อยู่เรื่อยๆ ตั้งแต่เรื่องระดับโลก เช่น ในอดีตเราเกลียดกลัวคอมมิวนิสต์มาก หรือคนไทยคิดว่าคนเวียดนามโหดร้าย แต่พอเวลาผ่านไป เราพบว่าเขาต้องทำเพราะเขาถูกรุกรานถูกเอาเปรียบต้องป้องกันตัวเอง เป็นต้น
ส่วนในช่วงเวลานี้คงไม่มีอะไรดังไปกว่าวาทะเจ้แขก คำผกาแล้ว ที่ใช้คำรุนแรงลงในสื่อที่ตนเองใช้ ในฐานะคนที่มีชื่อเสียงในระดับประเทศ ที่มีการใช้ Hastag #น้ำพริกนิตยาไล่ควายแดง ซึ่งเป็นคำที่ทางคุณแขกคิดเองฝ่ายเดียว จากการประมวลผลจากความคิดของตนเอง ข้อมูลนี้สามารถหาชมได้ในสื่อที่เจ้ให้สัมภาษณ์ล่าสุด ทางช่อง Voice TV ที่เจ้เขาทำงานอยู่ได้
วาทะกรรมที่ใช้คำรุนแรงหรือบิดเบือนข้อมูล จะจากความเข้าใจของตนเอง หรือเจตนาที่จะบิดเบือนเองก็ตามที แม้ว่าในอดีตจะมีการใช้ได้ผลมาตลอด จนหลายคนตกเป็นผู้ต้องหา ยกตัวอย่างเช่นกรณีซีอุย ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตรกรมากว่า 60 ปี จนมีผู้ที่เห็นความอยุติธรรมออกมาหาหลักฐานค้านว่าไม่ใช่เรื่องจริงได้ แต่ซีอุยก็ได้ตกเป็นผู้ร้ายทั้งที่ตนเองไม่ได้ทำ
ถ้าซีอุยได้เกิดใหม่ในวันที่เสียชีวิต ตอนนี้ซีอุยในชาติปัจจุบันก็คงจะอยู่ในวัยเกษียณพอดี และก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่ผู้ถูกการใช้คำรุนแรงและคำบิดเบือน ที่ต้องตกเป็นจำเลยสังคมจำนวนมากในอดีตที่ไม่มีโอกาสแก้ตัวได้เลย
ในช่วงนี้ก็มีการใช้วาทะกรรมรุนแรงทั้งที่บิดเบือนและไม่ได้บิดเบือน ผ่านสื่อออนไลน์ต่าง อย่างเช่นกรณีของ เจ้ม้า อรนภา ป๋าเทพ โพธิ์งาม ลิซ่า แบล๊คพิ้งค์ และล่าสุดก็คือกรณีของน้ำพริกนิตยา ที่ดูเหมือนว่าจะส่งผลกระทบทางลบในวงกว้างในช่วงแรก แต่กลายเป็นว่ากระแสตีกลับทุกคน ผลลัพธ์ออกมาตรงกันข้ามกับสิ่งที่คนที่ใช้วาทะกรรมรุนแรงต้องการ
การที่วิธีการใช้คำรุนแรงหรือบิดเบือนข้อมูล เริ่มใช้ไม่ได้ผลที่เราจะเห็นได้จากการเมืองระดับโลก (ขออนุญาตไม่ยกตัวอย่างนะครับเพราะอันตรายต่อตัวเอง) แล้วก็มาเป็นเรื่องระดับชาติหลายๆเรื่อง ที่มีการออกข่าวโจมตีกันไปต่างๆนาๆ แต่กลับกลายเป็นว่าสิ่งที่ออกข่าวมาโจมตีกลับไม่ได้ผล ซ้ำร้ายกว่านั้นคนที่ออกข่าวหรือเอาไปขยายผลต่างได้รับผลกระทบย้อนกลับในทางลบกันถ้วนหน้า
สาเหตุมาจากสื่อใหม่ที่เราเรียกกันคุ้นหูนั่นก็คือ Social Media ที่แม้จะดูว่าใครก็สามารถออกความเห็นได้ จะแกล้งใครหรือยกย่องใครก็ได้โดยไม่ยากเย็น ในทางกลับกันด้วยความที่เป็นสื่อที่สามารถสื่อสารได้อย่างรวดเร็ว และสามารถกระจายได้ในวงกว้าง สิ่งที่เกิดขึ้นคือข้อมูลในสื่อมีให้เราสามารถติดตามย้อนหลังและเปรียบเทียบที่มาของข่าวนั้นได้ง่ายยิ่งขึ้นด้วย
ที่มา  TechFunnel Traditional Media vs. New Media: Which is Beneficial
การที่คนๆหนึ่งจะต้องตกเป็นจำเลยของสังคมหรือเป็นคนผิด หรืออาจจะผิดเล็กน้อยแต่ทำให้ผิดมากขึ้น จึงไม่สามารถทำได้อย่างเดิมแล้ว เพราะสื่อในรูปแบบนี้ใครๆก็สามารถเข้าไปใช้ได้
“ยุคใหม่ฯ” ไม่ได้บอกว่าสิ่งที่ผู้ที่ยกตัวอย่างข้างต้นที่ถูกใช้วาทะกรรมแบบรุนแรงหรือ Hate Speech จะถูกจะผิดจะดีหรือไม่ดี เพราะไม่มีใครดี 100% อยู่แล้ว เพราะถ้ามีดี100%จะมีคำว่าชั่วเกิดขึ้นมาได้อย่างไร แต่สิ่งที่บุคคลตัวอย่างที่กล่าวมาได้รับผลที่ดีแบบถล่มทลาย นั่นเพราะมีบางคำที่ไม่ใช่เรื่องจริง หลายคำเป็นแค่ข้อคิดเห็นไม่ใช่ข้อเท็จจริง จึงทำให้คำพูดไม่มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ
สิ่งที่จะสามารถทำร้ายกันได้ตามที่ฝ่ายตรงข้ามต้องการ สิ่งนั้นต้องเป็นข้อเท็จจริงเท่านั้น
อีกอย่างที่ทำให้คนที่ถูกโจมตีได้รับการสนับสนุนมากเป็นพิเศษ อย่าเข้าใจว่าฝ่ายตรงกันข้ามจะเข้าไปสนับสนุนอย่างเดียว เพราะตามสถิติที่เกิดขึ้นไม่ว่าฝ่ายต่อต้านหรือฝ่ายสนับสนุน จะดูว่ามีจำนวนมากก็จริง แต่เป็นสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับคนที่ไม่เข้ากับฝ่ายไหน เรื่องนี้เป็นข้อเท็จจริงไม่ว่ายุคไหนสมัยไหนก็เป็นเช่นนี้
ที่มา เปิด 2 โพล ชี้ คนส่วนใหญ่ยังไม่ตัดสินใจเลือกใคร : PPTVHD36
คนที่ถูกโจมตีสังคมจะมองว่าเป็นผู้ถูกกระทำ ด้วยวิสัยของคนไทยเป็นคนขี้สงสาร ยอมไม่ได้กับการที่จะเห็นคนถูกกระทำ จึงทำให้พลังที่เคยเงียบต้องออกมาแสดงพลังให้เห็น
จะมองการช่วยเหลือกันเป็นกระแสก็ไม่ผิด เพราะการโจมตีก็เป็นกระแสเช่นกัน แต่ปัจจุบันการใช้คำรุนแรงหรือ Hate Speech ไม่มีพลังหรือจะเรียกว่าใช้ไม่ได้ผลแล้วก็ได้ จากเหตุผลที่กล่าวมา ยิ่งเป็นการบิดเบือนที่สามารถพิสูจน์ได้เชิงประจักรยิ่งไม่มีพลังเลย แต่ถ้าจะมีพลังคือพลังทำลายล้างตัวคนทำมากกว่า
ลองเปลี่ยนเป็นการนำเสนอข้อเท็จจริงมากกว่าที่จะเป็นข้อคิดเห็น แล้วใส่ความใจกว้างเข้าไป เรามีทั้งคนที่ถูกใจและไม่ถูกใจเราอยู่แล้ว มองอย่างเมตามองอย่างเข้าใจ ใจเราก็จะสบายขึ้น ประเทศก็จะน่าอยู่ขึ้น โลกเราก็น่าอยู่ขึ้น
สามารถติดตามข้อมูลแนวคิดทางการตลาดยุคใหม่ได้ที่
Instagram: Modernization Marketing (ยุคใหม่การตลาดของไทย)
Face Book Page: Thailand Modern Marketing
YouTube Channel: Modernization marketing (ยุคใหม่การตลาดของไทย)
ท่านที่สนใจลงทุนธุรกิจแฟรนไชส์ตู้กาแฟหยอดเหรียญ ที่สามารถขายแฟรนไชส์และมีรายได้จากการขยาย
สามารถสร้างรายได้ทั้งรายวันและรายสัปดาห์และรายเดือนได้
ติดต่อได้ที่
โฆษณา