27 ก.ย. 2021 เวลา 00:45 • ความคิดเห็น
อยากนอนชิล ๆ แบบแมว แต่เพราะดันเป็นมนุษย์เลยหยุดทำงานไม่ได้
ถ้ามองย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ เราไม่ได้มาทำงานหนักหนาสาหัสกันอย่างนี้มาตั้งแต่แรก มนุษย์ไม่ต่างอะไรกับสัตว์อื่น ๆ เราออกหาอาหารเพื่อยังชีพเท่าที่จำเป็นเท่านั้น
ในยุคก่อนโน้น ปริมาณการทำงานของเราขึ้นอยู่กับปริมาณอาหารการกิน เวลานอกเหนือจากนั้นก็เป็นเวลาสำหรับการพักผ่อนหรือทำอะไรอย่างอื่น คล้ายกับสัตว์ล่าเนื้อในสารคดี ที่พอหิวก็ออกล่าเหยื่อ แต่เมื่ออิ่มแล้วก็นอนเฉย ๆ หรือเหมือนกับสัตว์กินพืช ที่แทะเล็มพืชไปเรื่อย ๆ ชิล ๆ ไม่เร่งรีบ หรือเหมือนกับแมวที่บ้าน ที่นอนได้ทั้งวี่ทั้งวัน หิวก็ค่อยตื่นขึ้นมากิน
แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป รูปแบบการใช้ชีวิตของมนุษย์ก็เปลี่ยนแปลง เริ่มจากยุคปฏิวัติเกษตรกรรม ที่ทำให้มนุษย์เริ่มทำงานมากขึ้น ผลการศึกษาชนเผ่า Agta ในฟิลิปปินส์พบว่า ก่อนหน้าที่จะทำเกษตร พวกเขาใช้เวลาออกหาอาหารประมาณ 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์เท่านั้น แต่พอเริ่มทำเกษตรปุ๊บ พวกเขากลับใช้เวลาทำงานมากขึ้นเป็น 30 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
จากนั้นเมื่อเข้าสู่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม มนุษย์เริ่มให้คุณค่ากับเงินตราและวัตถุสิ่งของมากขึ้น เราเริ่มมีแนวคิดว่าเรื่องเวลาเป็นเงินเป็นทอง ยิ่งทำงานมากเท่าไรก็ยิ่งมีเงินมากเท่านั้น จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราเริ่มทำงานกันหนัก ชนิดที่ว่าทำกันไม่หยุดไม่หย่อน ทำทุกวัน วันละหลายชั่วโมง
แม้ปัจจุบัน เราจะมีค่านิยมเรื่องสมดุลการทำงาน หรือ Work-Life Balance มากขึ้น และหลาย ๆ หน่วยงานก็เริ่มปรับลดชั่วโมงการทำงานและวันทำงานลง แต่สุดท้ายแล้วเรากลับไม่รู้สึกว่าเราได้มีเวลาหยุดพักอยู่นิ่ง ๆเหมือนกับมนุษย์ในยุคก่อน
นั่นเป็นเพราะว่าเรามีภาระผูกพันทางด้านเศรษฐกิจ ยังคงต้องจับจ่าย ยังคงต้องใช้สินค้า จึงทำให้เราไม่สามารถหยุดอยู่นิ่งได้ ต่างจากยุคก่อนโน้น ที่แค่หิวก็ออกไปหาอาหาร แต่ถ้าหากอิ่มก็หยุดพักได้ ไม่ต้องทำอะไร
▔▔▔▔▔▔▔▔▔▔▔▔▔▔▔
ℹ #TheColumnist - ขอบคุณสำหรับการกดไลก์ กดติดตาม และเป็นกำลังใจให้พวกเราในการแบ่งปันข้อมูลข่าวสาร และแนวคิดใหม่ ๆ นะครับ
โฆษณา