จุดเสื่อมที่ใหญ่ที่สุดของอเมริกา และการเอาคืนอย่างสาสมจากจีน
ข่าวดังระดับโลกที่มีการเผยแพร่ออกมาในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ก็คือข่าวการปล่อยตัว น.ส. เมิ่ง หว่านโจว ที่เป็นประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน ( ซีเอฟโอ ) ของ Huawei เธอเป็นทายาทคนโตของนายเหริน เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งบริษัท
ในประเทศจีนยังมีการถ่ายทอดสดการเดินทางกลับของ น.ส. เมิ่ง หว่านโจว ที่ประหนึ่งว่าเธอคือวีระสตรีของชาติ ที่ยืนหยัดต่อสู้กับอำนาจอันธพาลของกลุ่ม 5 Eyes ที่ประกอบไปด้วย อเมริกา อังกฤษ แคนาดา ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ว่ากันว่ามีผู้ชมถ่ายทอดสดครั้งนี้เกินกว่า 100 ล้านคนด้วย
ที่มา Global Times
การกระทำเยี่ยงอันธพาลของแคนาดาที่เป็นลูกสมุนของอเมริกาในครั้งนี้ ส่งผลอย่างรุนแรงในการร่วมแรงร่วมใจของชาวจีนทั้ง 1,400 ล้านคน ที่อยู่ในประเทศ และชาวจีนโพ้นทะเลอีกจำนวนมาก รวมถึงคนที่มีเชื้อสายจีนด้วย ยังไม่นับรวมชาติที่ถูกประเทศเหล่านี้รังแกมาอย่างยาวนานอีกหลายประเทศด้วย
ถึงแม้ว่าทุกประเทศจะต้องรักษาผลประโยชน์ตน มีการเอารัดเอาเปรียบกันบ้าง ซึ่งเป็นในแง่ของการใช้กำลังในการต่อรอง (Bargaining Power) ตั้งแต่โลกมีการติดต่อกันก็ใช้เรื่องนี้มาตลอด แต่อเมริกาไม่ได้ทำเช่นนั้นอย่างเดียว แต่ยังใช้เรื่องของการกดดันเอาเปรียบ แล้วใช้การข่าวบิดเบือน
หลายครั้งเห็นว่าตนเองผิดเต็มๆ เช่น กรณีของอิรักที่กล่าวหาว่าครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ แต่สุดท้ายก็ไม่พบ ทั้งๆที่ตนเองคือประเทศที่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์มากที่สุดประเทศหนึ่งในโลก แต่ก็ทำเป็นดื้อตาใสเฉย ไม่สนใจใครเฉยเลย
ที่มา Ranking TV
“ยุคใหม่ฯ” เคยร่วมงานกับคนในกลุ่มประเทศ 5 Eye มาหลายปี ต้องบอกว่าเขามีความสามารถสูงจริง แต่สิ่งที่บังเอิญคือ ทุกๆครั้งที่ตนเองและพวกทำผิดเขาจะกระโดดมาปกป้อง โดยที่ไม่สนความยุติธรรมหรือกฎเกณฑ์ใดๆเลย
ตรงกันข้ามเมื่อคนไทยหรือชาติอื่นทำพลาด ที่ไม่ใช่เจตนาด้วยซ้ำ ซึ่งความเสียหายแค่เพียงเศษเสี้ยวของพวกเขาที่ทำเสียไว้ ก็ต่ามเล่นงานเอาเป็นเอาตายกันเลย แต่ที่บังเอิญกว่านั้นคือ ได้เจอทุกครั้งที่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นในอีกหลายองค์กร ถ้านับเป็น % ก็ 100 เลยก็ว่าได้
แต่ถ้าหากเขาไม่ได้ทำอะไรผิดพลาดเสียหาย เราก็จะไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกนี้ แต่ถ้าเขาอยากได้ผลประโยชน์ เราจะเจอข้ออ้างที่พูดได้เลยว่า “กล้าเน๊าะ” อย่างนี้ก็มีด้วยอยู่เป็นนิจ
ที่มา Jeban.com
ความเสื่อมครั้งนี้ของอเมริกา ก็มาจากการที่แคนาดาต้องเป็นหนังหน้าไฟในการรับผลกระทบเต็มๆจากจีน แคนาดา ที่ทำการบุกจับ น.ส. เมิ่ง หว่านโจว ที่สนามบิน จากข้อหาที่ไม่ชัดเจนเป็นข้ออ้างที่ไม่สามารถระบุเหตุผลได้ โดยทำการกักตัวไว้ถึง 3 ปี แต่จีนก็โต้กลับด้วยการจับคนแคนาดาไว้เช่นกัน
ความแตกต่างของจีนและแคนาดาก็คือ ทางการจีนมีหลักฐานการกระทำผิดที่ชัดเจนในการกล่าวหา นั่นคือการโจรกรรมข้อมูลของรัฐบาลจีน และอีกรายที่เดิมโดนข้อหาขนยาเสพติดโทษจำคุก 15 ปี แต่ถูกศาลอุธรเปลี่ยนเป็นโทษประหารชีวิตแทน เท่านี้ก็เป็นการตบหน้าแคนาดาฉาดใหญ่แล้ว จนมีการเจรจากแลกตัวประกันกันจนเป็นผลสำเร็จ กับ 2 ผู้ต้องหาคดีโจรกรรม แต่ผู้ต้องหาคดียาเสพติดดูแล้วคงจะออกจากคุกแบบไร้ลมหายใจอย่างแน่แท้
จีนปล่อยตัวนักธุรกิจแคนาดา 2 คน ถูกจับกุมนานเกือบ 3 ปี หลังทายาท ‘หัวเว่ย’ ได้กลับจีน, Workpointtoday.com
แคนาดายังต้องพบกับการโต้กลับจากจีนแบบเจ็บปวด โดย Huawei ได้ทำการสั่งปิดศูนย์พัฒนาและวิจัย 5G ในประเทศแคนาดา เลิกจ้างพนักงาน 4,500 คนทันที ยังไม่เพียงเท่านั้น Huawei ยังปฏิเสธที่จะให้แคนาดาใช้ลิขสิทธิ์ 5G
ทำให้การประสิทธิภาพการแข่งขันของแคนาดาลดลงในทันที แม้ว่าจะใช้เครือข่ายของ Ericson มาทดแทนก็ตามที แต่ Ericson ใช้ลิขสิทธิ์ของ Huawei ผลกระทบคือแคนานดาต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ที่สูงมากหากยังต้องการใช้ 5G ของ Huawei
ลองนึกภาพดูว่าคนทั้ง 4,500 คน ได้รับค่าจ้างเท่าไร และผลผลิตที่ได้จากการลงทุนของ Huawei ในแคนาดาสร้างเม็ดเงินให้ประเทศแคนาดาขนาดไหน ถ้าจะเปรียบเทียบความเสียหายคร่าวๆกับประเทศไทย ก็จะประมาณการห้ามห้างค้าปลีกของไทยดำเนินกิจการต่อนั่นเอง
ที่มา Huawei news
แคนาดา มีประชากร ณ 1 ต.ค. 64 อยู่ที่ 37,742,154 คน (Worldometer.info) กับพื้นที่ส่วนใหญ่ที่เป็นน้ำแข็งที่แทบไม่มีคนอาศัยอยู่ จำนวนคนเพียงเท่านี้แต่ต้องการประสิทธิผลสูงในระดับโลก การทำธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยีเป็นตัวนำจึงเป็นเรื่องที่จำเป็นมาก
จุดเสื่อมที่ทำให้อเมริกาลดอิทธิพลลงในแบบที่ไม่เคยเจอมาก่อน มาจากสิ่งที่แคนาดาเจอ ซี่งก่อนหน้านี้ออสเตรเลียก็เจอการโต้กลับจากจีนมาแล้วเช่นกัน ทำเอาประเทศเซแทบไม่เป็นท่า ตอนนี้ก็ใช่ว่าจะดีขึ้นแต่อย่างใด แล้วจะมีใครยอมเป็นลูกไล่ให้อีก เพราะเป็นทีไรเจ็บหนักลับมาถ้วนหน้า
ที่มา South China Morning Post
ส่วนพี่รองคืออังกฤษเขารู้ทันพี่ใหญ่ จึงอนุญาตให้ให้เทคโนโลยี 5G ของ Huawei เพราะไม่อยากจะเป็นลูกไล่ลุงแซม(อเมริกา) ที่จะมาจิกหัวใช้
จีนดำเนินการแบบพ่อค้า และจีนคือประเทศที่ค้าขายเก่งที่สุดในโลกมาตั้งแต่อดีตกาล กลยุทธที่ใช้ก็จะเป็นแบบพ่อค้ากับลูกค้า ยังไงพ่อค้าก็ไม่กดให้ลูกค้าจนหายใจไม่ออกแน่ เพราะยังต้องการให้ลูกค้ามาอุดหนุนสินค้าของตน
แต่อเมริกาคือประเทศที่มีการแบ่งแยกชนชั้นชัดเจนมาตั้งแต่ตั้งประเทศจนถึงปัจจุบัน ดูได้จากกฎหมายรัฐธรรมนูญที่บัญญัติไว้ก็ได้ การกระทำก็จะเป็นแนวทางฉันต้องได้ฝ่ายเดียวเท่านั้น หากใครคิดจะมาแบ่งก็จะได้เพียงเศษๆที่เหลือ ถ้าเหิมเกริมก็จะเจอการปฏิวัติหรือโรคระบาดลงแบบบังเอิญ(จริงๆ)
ที่มา Freepik
เกมส์นี้ยังไงอเมริกาก็แพ้ ยังมองไม่ออกเลยว่าจะชนะจีนได้ประตูไหนได้ เพราะเอาเปรียบเขาจนเคยชิน แม้แต่เพื่อนรักทั้ง 4 ก็ต่างขยาดกับพฤติกรรมของลุงแซม หากยังทำอย่างเดิม จากที่เคยคาดการณ์กันไว้ว่าจีนจะแซงอเมริกาได้ แต่ต้องใช้เวลาอีกหลายปี แต่กลายเป็นว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ผลักดันให้อเมริกาแพ้เร็วขึ้น
ทำอะไรตรงไปตรงมาทำการค้าแบบสมดุลอยู่ในหลักการชนะ/ชนะ หรือเดินสายกลางอย่างวิถีพุทธ สิ่งนี้จะทั้งยั่งยืนและทำให้โลกน่าอยู่ขึ้น ภูมิใจด้วยหรือกับชัยชนะบนซากศพ
อ้างอิง
สามารถติดตามข้อมูลแนวคิดทางการตลาดยุคใหม่ได้ที่
Instagram: Modernization Marketing (ยุคใหม่การตลาดของไทย)
Face Book Page: Thailand Modern Marketing
YouTube Channel: Modernization marketing (ยุคใหม่การตลาดของไทย)
ท่านที่สนใจลงทุนธุรกิจแฟรนไชส์ตู้กาแฟหยอดเหรียญ ที่สามารถขายแฟรนไชส์และมีรายได้จากการขยาย
สามารถสร้างรายได้ทั้งรายวันและรายสัปดาห์และรายเดือนได้
ติดต่อได้ที่
- 27
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
