รวบประเด็น CPF
หลังประกาศซื้อหุ้นคืน & ถอน CPP ออกตลาดฮ่องกง
กลายเป็นประเด็นจนขึ้นหน้าแรกในข่าวหุ้นกันอีกครั้งนะครับสำหรับการเคลื่อนไหวของ CPF หรือบมจ. เจริญโภคภัณฑ์อาหาร
ผู้ทำธุรกิจธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารแบบครบวงจร เริ่มตั้งแต่การผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์, เลี้ยงสัตว์จนมาถึงการแปรรูปเพื่อจำหน่ายหรือเพื่อทำอาหารสำเร็จรูป
หรือจะเรียกได้ว่า CPF นั้นเป็นหุ้นต้นน้ำจากเครือซีพีที่เมื่อพูดถึงแล้ว ใครๆก็ต้องรู้จัก
ซึ่งประเด็นความเคลื่อนไหวล่าสุดของ CPF ก็จะมีอยู่ทั้งหมด 2 ประเด็นด้วยกัน นั่นก็คือการดำเนินโครงการซื้อหุ้นคืนและการถอนหุ้นบริษัทย่อยที่มีชื่อว่า CPP ออกจากตลาดหลักทรัพย์
มาเริ่มกันที่โครงการซื้อหุ้นคืน (Treasury Stock) ซึ่งเมื่อ 30 กันยายนที่ผ่านมา CPF นั้นได้ทำการแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่าทางคณะกรรมการบริษัทของ CPF ได้มีมติอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนในวงเงินไม่เกิน 10,000 ล้านบาทจำนวน 400 ล้านหุ้น
หรือคิดเป็นสัดส่วน 4.65% ราคาเฉลี่ย 25 บาทซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ต่ำกว่าบนกระดาน โดยจะเริ่มดำเนินการผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 64 ไปจนถึง 14 เมษายน 65
โดย ณ ปัจจุบัน CPF มีเงินสดอยู่ในมือราว 43,000 ล้านบาท ดังนั้นการซื้อหุ้นคืนรอบนี้ด้วยงบ 10,000 ล้านบาทจึงไม่ใช่เรื่องที่ใหญ่มาก และคาดว่า CPF จะมีสภาพคล่องเพียงพอในการชำระหนี้ & ซื้อหุ้นคืนตามโครงการ
ซึ่งก็น่าจะเป็นการบริหารจัดการสภาพคล่องให้เกิดประโยชน์ ช่วยส่งผลบวกต่อบรรยากาศรวมของ CPF ว่าตัวบริษัทเองก็ยังคงซื้อหุ้นกลับอยู่ หรือเมื่อจะขายคืนในอนาคตก็ยังมีโอกาสได้รับกำไรส่วนต่าง
ต่อมาเป็นประเด็นที่ CPF แจ้งกับทางตลาดหลักทรัพย์ฯว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้ CPFI ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ CPF ถือหุ้นทั้งหมด ดำเนินการซื้อหุ้น CPP จากผู้ถือหุ้นอื่นในสัดส่วน 25.26% จากเดิมที่ถืออยู่ 49.74%
และทำการ Delist หรือนำหุ้นสามัญทั้งหมดของ CPP (C.P. Pokphand Co.Ltd.) ออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง (HKEX) โดยคาดว่าเม็ดเงินที่ถูกใช้ไปกับการนำ CPP ออกจากตลาดในรอบนี้จะอยู่ที่ราวๆ 6,991.27 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง หรือคิดเป็นเงินไทยจำนวน 30,716 ล้านบาท
เมื่อกระบวนการทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว CPF จะมีสัดส่วนในการถือ CPP อยู่ที่ 75% ซึ่งก็จะหมายความว่า CPF ก็จะมีส่วนได้ส่วนเสียกับ CPP มากขึ้นนั่นเอง แต่ในช่วงสั้นนี้ภาพก็อาจจะยังไม่สดใสเท่าที่ควร
เนื่องจากล่าสุด CPP ได้ทำการประกาศ Profit warning กับ HKEX ว่ากำไรของบริษัทในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้จะลดลง 75%YoY มาอยู่ที่ 112 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ จากแรงกดดันของราคาหมู & ไก่ ที่ปรับลดลงในประเทศเวียดนามและจีน
ดังนั้นผลกำไรในระยะสั้นของ CPP ช่วงไตรมาส 3/64 ก็ถือว่ายังอ่อนแอและจะส่งผลกระทบมาที่ CPF อย่างแน่นอน
แต่ถึงอย่างไรแล้ว CPP ก็ยังคงมีประเด็นบวกเกี่ยวกับเรื่องการนำ CTI (CPF ถือหุ้น 35%) ที่เป็นธุรกิจหมูอันดับ 5 ในประเทศจีนเข้า IPO ให้ต้องติดตามกันต่อไป
เพราะการนำ CTI เข้า IPO นั้นอาจจะเป็นการปลดล็อคมูลค่าของ CPP ได้ นอกจากนี้ยังช่วยให้ CPFI และ CPP มีความคล่องตัวในการบริหารจัดการธุรกิจเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
และทั้งหมดนี้ก็คงจะเป็นเรื่องราวของ CPF สำหรับสองประเด็นร้อนที่พวกเรา หุ้นพอร์ทระเบิด ได้สรุปมาให้เพื่อนๆได้อ่านในแบบฉบับของเรา
ขอขอบคุณเพื่อนๆทุกท่านที่คอยกดไลค๋ กดแชร์ และติดตามเพื่อเป็นกำลังใจให้กับพวกเรามาโดยตลอด สำหรับวันนี้ขอตัวลาไปก่อน
สวัสดีครับ...
เพิ่มทักษะปั้นพอร์ทโตระเบิดรุ่นที่ 2
คอร์สออนไลน์ที่จะพาเปิดโลกการลงทุนแนว VI Hybrid Technical
ใครสนใจทักได้ทาง inbox ครับ
*รับจำนวนจำกัด
**ราคาพิเศษกำลังจะหมดเขต
***รุ่นสุดท้ายของปีทอง
หรือคลิ๊ก
- 57
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
