แต่ทฤษฎีนี้ตั้งอยู่บนหลักการของความสามารถในการจ่าย (Ability to pay) ไม่ใช่ความยินดีที่จะจ่าย (Willingness to pay) เพราะคนที่ต้องการมากที่สุดอาจจะไม่มีเงินพอจะซื้อก็ได้
ตัวอย่างเช่น หากนาย A เป็นมะเร็งระยะสุดท้ายและนาย A มีทุนประกันชีวิตอยู่แล้ว 1,000,000 USD นักลงทุนตกลงจะจ่ายเงินให้นาย A ในตอนนี้ไปเลย 500,000 USD และจะจ่ายเบี้ยปีต่อๆไปให้ โดยเมื่อนาน A ตาย นักลงทุนก็จะได้ผลตอบแทน 1,000,000 USD
1
การลงทุนแบบนี้เหมือนเป็นการเปิด Short position กับชีวิตคน ยิ่งเขาตายเร็วเท่าไรผลตอบแทนก็ยิ่งสูง ถึงแม้จะดูกระอักกระอ่วน แต่นาย A ได้เงินทันทีเพื่อไปใช้ชีวิตที่เหลือให้สุด ส่วนนักลงทุนก็ได้ผลตอบแทนมหาศาล