12 ต.ค. 2021 เวลา 02:02 • กีฬา
ที่อังกฤษกำลังฮือฮาเรื่องพอล เมอร์สัน อดีตนักเตะทีมชาติอังกฤษ ที่ยอมรับว่าเสียเงินจากการพนันทั้งสิ้น 7 ล้านปอนด์ หรือ 323 ล้านบาท
4
และเชื่อหรือไม่ แม้จะเสียเงินมากขนาดนี้ แต่เขาก็ไม่ได้เข็ด จนกระทั่งอายุ 50 ปี โดนเมียขอหย่ามาแล้ว 2 คน เขาก็ยังไม่สามารถเลิกเล่นการพนันได้
รู้ทั้งรู้ว่าเมื่อแทงแล้วเสีย ชีวิตของตัวเองและครอบครัวจะลำบากกันไปหมด แต่เขาก็อดไม่ได้ เมอร์สันบอกว่าทันทีที่มีเงินอยู่ในมือ เหมือนมันมี "ปีศาจ" ที่ควบคุมให้เขาแทงพนันอย่างบ้าคลั่ง กว่าจะรู้ตัวอีกที ก็ไม่เหลือเงินอีกแล้ว
ในสมัยเป็นนักเตะ เขายังมีเงินมหาศาล แทงเสียเยอะ แต่พอวีกต่อไป สโมสรจ่ายเงินปั๊บ ก็มีเงินต่อชีวิตเอาตัวรอดได้ แต่เมื่อเขาเลิกเล่นไปแล้ว เงินทองไม่ได้หาได้เยอะแบบนั้นอีก
1
โอเค ปัจจุบัน อาชีพคอมเมนเตเตอร์ของเขา ก็ทำเงินได้บ้าง แต่มันไม่ได้เพียงพอจะให้ถลุงจากการพนันแน่ๆ แต่เขาก็ยังไม่สามารถหยุดตัวเองได้
สำหรับแบ็กกราวน์ของพอล เมอร์สัน ถ้าเป็นเรื่องของฝีเท้าไม่มีใครสงสัยในความสามารถ ในปี 1989 เขาคว้ารางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปี ของ PFA และช่วยอาร์เซน่อลคว้าแชมป์ดิวิชั่น 1 สองสมัย ก่อนจะติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่แบบเหนือๆ
แต่จุดเปลี่ยนสู่ทางหายนะของเขา เกิดขึ้นหลังโด่งดังได้ไม่นาน เมื่อเริ่มติดเหล้า ตอนแรกก็ดื่มขำๆ กับเพื่อนร่วมทีม เช่น โทนี่ อดัมส์ และ เรย์ พาร์เลอร์ แต่จากขำๆ ก็เริ่มไม่ขำ เมื่อเขาดื่มแต่ละที คือต้องจบด้วยการเมาจนภาพตัดไปเลย
2
เมอร์สันมีปัญหาทะเลาะวิวาทบ่อยครั้ง ครั้งหนึ่งตอนไปทัวร์ที่สหรัฐฯ เขาไปกินเหล้าในบาร์ แต่พอเมาก็ไปมีเรื่องกับเจ้าถิ่น จนเกือบจะเป็นเรื่องราวใหญ่โต
ณ เวลานั้น ธรรมเนียมการดื่มเหล้าของนักบอลในอังกฤษ ยังไม่ได้เข้มงวดมาก ถ้าคุณรับผิดชอบในหน้าที่ของตัวเอง มาซ้อมไหวในเช้าวันรุ่งขึ้นก็โอเคแล้ว
2
แต่ปัญหาของเมอร์สันคือเขาไม่ได้หยุดแค่เหล้า เขาไปต่อที่ยาเสพติด นั่นคือโคเคน
อย่างกรณีของโทนี่ อดัมส์ อาจกินเหล้าอย่างเดียว แต่เคสของเมอร์สันนี่มาครบ ทั้งเหล้าทั้งยา โดยเมอร์สันเคยกล่าวว่า "ผมไม่ได้ลองเสพแค่ครั้งสองครั้ง ที่ผมทำไม่ได้เรียกว่าการลอง แต่ผมเสพติดมันจริงๆ" เขาคือทาสของโคเคนของแท้
จากเหล้า และโคเคน ตามด้วยสิ่งเสพติดอย่างที่สาม นั่นคือการพนัน
1
ความจริงเมอร์สัน เคยเล่นพนันมาตั้งแต่เด็กแล้ว โดยในปี 1984 สมัยที่เขายังอายุ 16 ปี ตอนนั้นได้เงินค่าเหนื่อยของนักเตะเยาวชนเป็นจำนวน 100 ปอนด์ "ผมไม่เคยเห็นเงิน 100 ปอนด์มาก่อนในชีวิต ผมนั่งนับมันแล้วคิดว่า 'พระเจ้า ผมจะเอาไปทำอะไรดี' เพื่อนร่วมทีมของผม เวส รีด บอกว่าจะเอาไปช็อปปิ้งที่ถนนบอนด์สตรีต ส่วนผมเลือกเดินไปร้านพนันฝั่งตรงข้าม แล้วใส่หมดตัว 100 ปอนด์ สุดท้ายผมก็เสียเงินไปในพริบตา"
"ผมไม่รู้จะบอกแม่ว่าอย่างไรดี สุดท้ายผมก็บอกแม่ว่า ผมโดนจี้บนรถใต้ดิน แม่เลยไม่ว่าอะไร แถมให้เงินผมมาใช้อีก คือนักพนันทุกคนจะเป็นนักโกหกที่เก่งด้วย ถ้าหากมีการแข่งขันโอลิมปิกคนโกหก บอกได้เลยว่านักพนันจะเป็นตัวแทนของทุกชาติแน่นอน"
ที่เมอร์สันยังไม่ค่อยได้พนันตอนเด็ก เพราะจำนวนเงินที่ได้รับยังน้อย แต่พอก้าวขึ้นสู่นักเตะอาชีพ ได้เงินหลักหมื่นปอนด์ต่อสัปดาห์ปั๊บ คราวนี้ไม่มีอะไรมาหยุดยั้งเขาได้อีกต่อไป
1
ในยุคทศวรรษ 90 ที่อังกฤษยังไม่มีกฎชัดเจนว่า นักกีฬาห้ามเล่นการพนัน มีแต่ข้อห้ามว่าอย่าข้องเกี่ยวกับกีฬาของตัวเอง เช่นเมอร์สัน ไม่สามารถพนันบอลอังกฤษได้ อย่างไรก็ตาม กับฟุตบอลลีกอื่นๆ ไม่ได้ถูกห้าม หรือกีฬาประเภทอื่นๆ เช่น มวย บาสเกตบอล เทนนิส คริกเก็ต คุณสามารถพนันได้เต็มที่
1
เมอร์สันแทงพนันทุกประเภทที่เขานึกออก การมึนงงจากเหล้าและโคเคน ยิ่งทำให้เขาพนันได้ง่ายขึ้น "ปัญหาของผมคือ ผมจ่ายเงินได้ง่ายมาก ตอนนั้นผมหาเงินได้สัปดาห์ละหลายหมื่นปอนด์ มันทำให้ผมคิดว่า เสียนิดเสียหน่อยจะเป็นไรไป"
"ผมแค่อยากเล่นพนัน ไม่ใช่อยากได้เงิน ผมแค่ต้องการความรู้สึกตอนเล่นชนะ หลายครั้งผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองพนันอะไร ผมเคยลงเงินพนัน 10,000 ปอนด์ ทายผู้ชนะรายการประกวดร้องเพลง เคยพนัน 20,000 ปอนด์ ในอเมริกันฟุตบอล ที่ผมไม่รู้จักนักกีฬาสักคน และเคยพนันเรื่อยเปื่อย ในบอลถ้วยประเทศเล็กๆ ที่ผมไม่รู้จัก คือผมเล่นเอง แทงเองทั้งหมด แต่มันเหมือนคนไม่ได้สติเลย"
2
"ในวันเสาร์ถ้าหากมีฟุตบอลเตะ ตอนบ่ายสามโมง ในช่วง 8 โมงเช้า ผมจะเล่นพนันแข่งวิ่งแข่งสุนัขรอบละ 1,000 ปอนด์ แทงเสียก็แทงต่อไปเรื่อยๆ จนใกล้ๆ จะบอลเตะต้องไปเตรียมตัวลงสนามนั่นแหละ ผมถึงจะหยุดมันได้"
การติดพนันอย่างบ้าคลั่งของเมอร์สัน เห็นชัดเจน ในวันที่ภรรยาของเขา ลอร์เรน กำลังจะคลอดลูกชายชาร์ลี เธออยู่ในห้องคลอดที่โรงพยาบาล แต่เมอร์สันไม่ได้อยู่ด้วย เพราะเขาขลุกตัวอยู่ในบ่อนตลอดวัน
ดื่มเหล้า ซี้ดโคเคน และเล่นการพนัน นี่คือวงจรอุบาทว์ในชีวิต ที่ทำให้เมอร์สันไปได้ไม่ไกลกว่านี้ในอาชีพนักฟุตบอล ซึ่งเป็นอะไรที่เสียดายความสามารถอย่างมาก
ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 1994 ถึง กุมภาพันธ์ 1995 สภาพของเมอร์สันเกินจะเยียวยาแล้ว สมาคมฟุตบอลอังกฤษ ร่วมกับสโมสรอาร์เซน่อล จึงส่งเขาเข้ารับการบำบัดยาเสพติด 3 เดือน ผลลัพธ์คือเขาสามารถเลิกเหล้ากับโคเคนได้สำเร็จ
1
ตอนออกจากอาร์เซน่อล ย้ายไปมิดเดิลสโบรห์ในปี 1997 และ แอสตัน วิลล่าในปี 1998 เขาไม่แตะเหล้ากับยาเสพติดอีกเลย ถือว่าคลีนร่างกายตัวเองให้สะอาดอย่างแท้จริง แต่สิ่งที่เขาไม่สามารถเลิกได้ คือการพนัน
"ตอนผมอยู่ที่แอสตัน วิลล่า ผมไม่ได้กินเหล้าเลยตลอด 5 ปี แต่ผมเสียเงินจากการพนันไปหลายล้านปอนด์ คือผมไม่ได้แทงบ่อยนะ แต่แทงทีไร คือเล่นให้เกลี้ยงบัญชีไปเลย"
"การเสียเงิน 35,000 ปอนด์ต่อครั้ง ผมคิดว่ารับได้ เพราะผมได้รายได้มากกว่านั้น"
หลายๆครั้ง ที่เมอร์สันอยากจะเอาค้อนทุบนิ้วมือตัวเองให้หัก จะได้ยั้งใจไม่โทรไปแทงพนัน แต่เขาก็ไม่สามารถทำได้ มันเหมือนเขานั่งอยู่บนรถไฟที่ไม่มีเบรก มันพุ่งชนทุกสิ่งทุกอย่างจนพังพินาศ เขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เลย
1
ในปี 2000 พอล เมอร์สัน สัญญากับภรรยา ลอร์เรนว่าจะไม่เล่นพนันอีก แต่เขาก็ทำไม่ได้ ลอร์เรนจับได้ว่าเขาแทงสนุกเกอร์ 10,000 ปอนด์ในคืนเดียว ชีวิตของเธอตอนนี้สุขภาพจิตแย่ที่สุด เวลาไปไหนมาไหน ลูกก็โดนล้อว่ามีพ่อเป็นผีพนัน
1
สุดท้ายลอร์เรนขอหย่ากับเมอร์สันในที่สุด ขณะที่เมอร์สันก็ยังใช้ชีวิตตามเดิมคือวีกชนวีก มีเงินก็อัดกับการพนัน แล้วก็เสียตลอด จนดูไม่ออกว่าเขาจะตั้งตัวขึ้นมาได้อย่างไร
ในปี 2003 มีสวรรค์มาโปรดเมอร์สัน เมื่อสมาคมนักเตะอาชีพอังกฤษ แจ้งว่า เมอร์สันที่อายุ 35 ปีแล้ว สามารถเบิกกองทุนที่สะสมไว้ จำนวน 750,000 ปอนด์เอามาใช้ได้
3
ลักษณะนั้นคล้ายกองทุนสำรองเลี้ยงชีพในบ้านเรา เราจ่ายเงินเก็บสะสมทบไว้ พอถึงอายุที่กำหนด ก็จะเป็นเงินเกษียณให้ตัวเอง ของฟุตบอลอังกฤษก็มีเช่นกัน นักเตะต้องจ่ายเงินสะสมไว้กับ PFA แล้วพอถึงอายุ 35 ซึ่งเป็นช่วงใกล้เลิกเล่น ก็สามารถดึงเงินนั้นมาใช้บริหารจัดการชีวิตช่วงปลายการค้าแข้ง
แต่แทนที่เมอร์สันจะควบคุมเงินก้อนนี้ ไว้ใช้ต่อยอดทำธุรกิจ เขากลับเดินหน้าเล่นพนันไม่ยั้ง เริ่มจากทายว่าโรเจอร์ เฟเดอเรอร์ จะชนะการแข่งหรือไม่ ด้วยเงิน 15,000 ปอนด์ ตามด้วยพนันคริกเกต ว่าใครจะเป็นคนทำแต้มคนแรก อีก 10,000 ปอนด์
สุดท้ายเงินก็หมดเกลี้ยง ชีวิตพังพินาศตามเดิม และภรรยาคนที่สอง หลุยส์ ก็ขอเขาหย่าไปอีกคน
เมอร์สันแขวนสตั๊ดกับทีมวอลซอลล์ ในปี 2006 ตอนเขามีอายุ 38 ปี จากนั้นถือว่าโชคยังดี ที่เขามีอาชีพให้ทำ คือการเป็นคอมเมนเตเตอร์ให้สกายสปอร์ต รวมถึงยังเขียนคอลัมน์ให้หนังสือพิมพ์เดลี่ สตาร์ด้วย คือชื่อเสียง และบุคลิกของเขายังพอขายได้อยู่
ขณะที่ชีวิตส่วนตัวก็แต่งงานใหม่ กับภรรยาชื่อเคท และทั้งคู่มีลูกด้วยกัน 3 คน
2
ถ้าหากเมอร์สันยุติการพนันแต่เพียงแค่นี้ ชีวิตของเขาก็คงอยู่ได้อย่างสงบสุข แต่เขาก็ทำไม่ได้ มันไม่สามารถหยุดยั้งตัวเองได้
จุดเปลี่ยนสุดท้ายจริงๆ ของเมอร์สัน เกิดขึ้นในปี 2020 ช่วงโควิดระบาดรอบแรก ตอนนั้นเมอร์สันกับเคท เก็บเงินไว้ก้อนหนึ่งเพื่อจะซื้อบ้านอยู่กันทั้ง 5 คนในครอบครัว แต่พอมีโควิด ฟุตบอลก็ไม่มีแข่ง และเมอร์สันก็เกิดความวิตกกังวลว่าโควิดลากยาวไปหลายๆ ปี เขาจะหาเงินจากไหนมาเลี้ยงดูครอบครัว
ดังนั้นจึงตัดสินใจเอาเงินเก็บที่จะซื้อบ้าน มาแทงพนัน และผลลัพธ์คือหมดตัว เขาไม่มีเงินซื้อบ้านอยู่ ตอนนี้ทำได้แค่เช่าไปเรื่อยๆ แค่นั้น
2
30 สิงหาคม 2020 เมอร์สันขังตัวเองอยู่ในบ้าน แล้วเขียนข้อความด้วยปากกาลงในกระดาษ มีใจความว่า "ผมต้องหยุดเล่นพนันได้แล้ว ผมรักภรรยาและลูกๆ และมีความสุขเสมอเวลาอยู่ด้วยกันกับทุกคน ตอนเราไปเที่ยวกันที่ออร์ลันโด้ เป็นวันที่มีความสุขที่สุด เพราะผมไม่ได้แตะการพนันเลย พระเจ้าผมเกลียดตัวเองทุกครั้งที่เล่นพนัน ผมเกลียดจริงๆ"
"พระเจ้าช่วยผมด้วย ผมต้องการมีเงินเอาไปใช้หนี้ทุกคน และซื้อบ้านให้ภรรยาและลูกได้อยู่ เหมือนที่เคยตั้งใจไว้ พระเจ้าช่วยผมด้วย"
นั่นคือครั้งสุดท้ายที่เมอร์สันบอกว่า เขาข้องเกี่ยวกับการพนัน เพราะชีวิตเขาตกต่ำสุดๆ คือการมาเลิกพนันเอาตอนอายุ 52-53 ปี หลายคนอาจจะบอกว่ามันช้าเกินไปหรือเปล่า แต่ข่าวดีคือ เลิกตอนนี้ ก็ดีกว่าเล่นไปจนตาย
เมอร์สันกล่าวว่า เขาไม่ได้แตะโคเคนมา 27 ปีแล้ว และเหล้าก็กินแค่บางโอกาส ไม่ได้เรียกว่าติดอีก แต่การพนันมันเหมือนปีศาจที่เขาไม่สามารถเอาชนะได้ ผีพนันมันเข้าสิงทุกครั้ง มันแพ้ใจตัวเองตลอด และสุดท้ายก็ลงเอยด้วยการหมดตัวทุกที
เมอร์สันก็ได้แต่หวังว่า บทเรียนจากชีวิตเขาจะสอนใจใครหลายๆคนว่า ต่อให้เคยรวยแค่ไหน เคยมีเงินร้อยล้าน พันล้าน สุดท้ายก็ล่มจมได้ ถ้าคิดจะรวยด้วยหนทางนี้
"ผมเคยคิดว่าจะเปลี่ยนแปลงนิสัยนี้ได้จริงๆ แต่สุดท้ายผมก็ทำไม่ได้ ผมกลับไปหามันอีกครั้ง แม้จะรู้ทั้งรู้ว่า มันทำลายชีวิต และทำลายอนาคต"
1
"ไม่มีใครสั่งให้ผมเล่นพนัน แต่เป็นตัวผมเองนี่แหละ ที่เชื้อเชิญมัน ให้เข้ามาทำลายชีวิตของตัวเอง"
บทสรุปจากเรื่องนี้ จริงๆ ผมเชื่อว่าการพนันมันมี Function ของมัน
1
การเดิมพันมีมาตั้งแต่ยุคโบราณแล้ว และยังคงมีจนถึงวันนี้ มันเป็นการผ่อนคลายทางสังคมแบบหนึ่งเหมือนกัน
นี่คือเหตุผลที่ต่างประเทศเขามีสำนักพนันถูกกฎหมาย คือจะเล่นก็ได้นะ แต่คุณต้องมีวัยวุฒิ และวุฒิภาวะมากพอ สามารถหาเงินได้เอง และรู้จักตั้งสติ มีลิมิตว่าเสียได้เท่าไหร่ ไม่ใช่ว่าเสียแล้วเล่นทบไปเรื่อยๆ เพื่อเอาคืน แบบนี้ก็มีแต่วายวอดอย่างเดียว
ที่อังกฤษ มีการออกกฎหมายในปี 2005 ว่าบ่อนถูกกฎหมาย เวลาลงโฆษณาต้องประชาสัมพันธ์เรื่อง "การพนันปลอดภัย" ด้วย คือบ่อนไม่ใช่จะหวังเงินอย่างเดียว แต่ต้องเตือนสติสังคมให้รู้จักลิมิตในการเล่น
นอกจากนั้นยังมีกลุ่ม GA หรือกลุ่มช่วยเหลือผู้บำบัดติดการพนัน คือที่อังกฤษพวกเขาเข้าใจว่า การติดพนันมันเป็นภาวะที่ต้องได้รับความช่วยเหลือ บางคนไม่ได้อยากเล่นหรอก แต่เหมือนโดนปีศาจเข้าสิงจริงๆ
สำหรับในประเทศไทย มีกลุ่มหนึ่งใน FB ที่ผมแนะนำให้ลองเข้าไปอ่านดู คือกลุ่มชื่อ เลิกเล่นการพนันออนไลน์
1
หากเข้าไปดู เราจะเห็นเลยว่า ในไทยก็มีคนเยอะมาก ที่เป็นแบบเมอร์สัน คือยับยั้งใจไม่ได้ จนต้องเสียเงินเป็นแสนเป็นล้าน แต่ละคนมาปรับทุกข์กัน ว่าชีวิตเขาแย่แค่ไหน
เมื่ออ่านแล้ว อาจช่วยดึงสติเราได้ ว่าการคิดจะทำอะไร ต้องนึกถึงผลเสียที่ตามมาด้วย
ผมเคยบอกไปแล้ว และไม่อายที่จะบอกอีก ว่าสมัย ม.6 ผมเคยเสียพนันบอล 80,000 บาท นะครับ
2
เด็ก ม.6 เสียบอลเกือบแสน ไม่รู้ว่าผมปีศาจอะไรเข้าสิงตอนนั้น และแน่นอน ชีวิตช่วงนั้นคือนรกทั้งเป็นเลยล่ะ กว่าจะผ่านมาได้ ก็ทรมานมากๆ แถมยังทำแม่ร้องไห้อีก เป็นลูกที่แย่มากจริงๆ
แต่บทเรียนวันนั้น ก็เป็นเครื่องสอนใจผมจนถึงวันนี้ครับ ว่าทำอะไรให้คิดให้เยอะ เพราะเวลาเราล้มขึ้นมา เราไม่ได้เสียใจคนเดียว
และสำหรับผม การพนันสามารถเล่นได้ แต่มันเหมาะสมกับคนที่พร้อมทั้ง "เงิน" และ "สติ" ถ้าใครที่รู้ว่าตัวเองมี 2 อย่างนี้ไม่ครบ เอาตัวออกมาเถอะ
ในภาษาอังกฤษจะมีสำนวนที่เขาพูดกันคือ The-house-always-wins
1
หรือแปลเป็นไทยคือ ต่อให้คุณจะชนะบ้างครั้งสองครั้ง แต่ท้ายที่สุดแล้ว ในเกมนี้ คนที่จะชนะตอนจบคือเจ้ามือเสมอ
#DEMON
โฆษณา