“ในสมัยนั้นการชำระเงินออนไลน์มีคำถามในเรื่องความปลอดภัย เราต้องหันไปศึกษาเรื่อง Security และ User Experience ให้คนมั่นใจในการใช้ ซึ่งเป็นเรื่องเมื่อ 15 ปีที่แล้ว”
ถัดมาเป็นยุค Mobile Banking สิริวัฒน์ ได้มีส่วนร่วมกับการพัฒนาแอปพลเคชัน SCB Easy และ K Plus เริ่มเขียนตั้งแต่ยุค Symbian ก่อนจะมาเขียน iPhone, Blackberry, Android และ Windows Phone ซึ่งปัจจุบันสามารถเขียนแค่ครั้งเดียวและใช้ได้ทุกแพลตฟอร์ม
จากนั้นได้มีโอกาสเข้าไปดูกลยุทธ์ทางด้านการจ่ายเงินทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเครดิตการ์ด เดบิต เครื่องรูดบัตร ตู้ ATM, Internet Banking, Mobile Banking รวมถึง K-Cyber Trade
“เราวางแผนว่าในโลกอนาคตธนาคารจะต้องเป็นอย่างไร ตั้งแต่เมื่อ 8 ปีที่แล้ว จะต้องไปลงทุนกับสตาร์ทอัพ เพราะคนธนาคารเองเป็นคนไอทีก็จริง แต่มันมี KPI ที่ต้องรักษาธุรกิจหลัก จึงต้องแยกออกมาอีก 2 ส่วน ส่วนที่เป็น Digital Transformation และเป็น Venture Capital ที่ไปลงทุนกับบริษัทสตาร์ทอัพ FinTech”
จากนั้นไทยพาณิชย์ได้ชวนไปพัฒนาดิจิทัล ได้ศึกษา Payment จากประเทศจีน ทั้ง WeChat และ Alipay ซึ่งเขาทำรวมศูนย์เป็น Super App คอนเซปต์ Super App จึงถูกหยิบมาคิดและถูกมาปรับ SCB Easy ให้เป็นมากกว่าแอปพลิเคชันธนาคาร ที่สามารถเชื่อมต่อบริการอื่นๆ ได้
“ตลาดเมืองไทยยากกว่าจีน เพราะเวลาองค์กรไทยเชื่อมต่อกับธนาคารใดธนาคารหนึ่ง จะเชื่อมต่อกับธนาคารอื่นไม่ได้ ทำให้การพัฒนา Super App มันถูกปิดกั้นด้วยวัฒนธรรม ขณะที่ประเทศจีนไม่มีปัญหาเรื่องนี้”
สิริวัฒน์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันสินค้าอย่างเครื่องใช้ไฟฟ้ากับสินค้าตกแต่งบ้านที่ไม่มีระบบผ่อนชำระ อาจจะทำให้ยอดขายต่ำลง ร้านค้าที่ขายต่างชาติถ้าไม่รองรับการจ่ายเงินของคนกลุ่มนี้ก็อาจจะเสียลูกค้าไป เพราะปัจจุบันมันไม่มี One size fits all