14 ต.ค. 2021 เวลา 00:14 • หนังสือ
เทคนิคการอ่านหนังสือให้จำ (ที่ได้จากหนังสือเทคนิคการอ่านแบบโทได คือความคิดเชื่อมโยง) ใช้ได้จริง พิสูจน์กับหนังสือเล่มนี้!
วันนี้ขอ Remind ได้รับหนังสือเล่มนี้เป็นของวันเกิดเมื่อปีที่แล้ว บรรจบครบรอบ 1 ปีเต็ม แต่ตอนนั้นอ่านเสร็จก็คิดว่า เนื้อหามันไกลไปสำหรับตัวเอง (ชอบอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับงานที่ทำมากกว่าคือ งานขาย และนิยายขั้นสืบสวนที่สุด) อ่านจบแล้วก็เก็บขึ้นหิ้ง!
ถ้าประโยคที่ว่าสถานการณ์...สร้างวีรบุรุษ สำหรับหนังสือเล่มนี้ ขอเรียกว่า สถานการณ์กระตุกต่อมความจำในสมอง เพราะอะไรน่ะหรอ ไปตามอ่านต่อในกล่องถัดไป
ชื่อหนังสือ :Super Productive
รวิศ หาญอุตสาหะ :ผู้เขียน
เพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดในตัวเอง
ก่อนอื่นเลย หากอ่านครั้งแรก คงจะได้แรงบันดาลใจในพัฒนาตัวเอง ผู้เขียนร้อยเรียงเปิดใจด้วยการให้ความสำคัญกับการจัดการตัวเอง เพราะทุกวันนี้กระบวนการความสำเร็จในระดับที่ใหญ่กว่า ไม่ว่าจะเป็นระดับแผนก องค์กร ไปจนถึงประเทศ ต้องเริ่มจากฟันเฟืองเล็กๆ ที่เรียกว่า ตัวเราเอง
🌟บทแรก การจัดการตัวเอง
มีอะไรบ้าง รวมทั้งสอดแทรกแนวคิดของผู้ที่มีชื่อเสียงรวมทั้ง บทความที่น่าสนใจในหนังที่ผู้เขียนได้อ่าน (ซึ่งบางประโยคกินใจมากและสามารถเอาไปปรับใช้ได้จริง พึ่งจะสัมผัสได้ อิอิ)
ตัวอย่างที่ได้จากการเอามาประยุกต์เอง
"การเล่าเรื่องที่ดี จะนำเสนอด้วยตัวเลขหรือเนื้อหาไม่สำคัญเท่ากับว่า เราเล่าให้ใครฟัง"
🌟หยุดกังวลสิ่งที่คนอื่นคิดเกี่ยวกับคุณ
อันนี้ถ้าใครเป็นอยู่หนังสือเล่มนี้มีคำถามทรงพลังแค่คำถามเดียวที่จะปิดข้อโต้แย้งในใจใครหลายๆ คนได้ (ถ้าบางคนมองว่ามันเป็นเรื่องยาก) อยากให้ไปอ่านเอง
🌟การรู้จักตัวเองคือทักษะที่ดีที่สุด ที่สำคัญถ้ารู้แล้วต่อยอด พัฒนาตัวเองได้ คุณก็จะค้นพบศักยภาพให้ตัวเองนำไปสู่ความสำเร็จทั้งในแง่คุ้มค่าตัวเงิน และคุณค่าในตัวเอง
🌟คุณจำเป็นต้องรู้ความรู้สึกของตัวเองเรื่องงานว่าเป็นภาวะหมดไฟจริงๆ หรือปลอมๆ ถ้าปลอม เล่มนี้ก็มีเทคนิคที่น่าสนใจและเอาไปปรับใช้ได้ดีมาก แค่พักและค้นหาความสนุก
ในงานให้เจอ นี่แค่บางส่วนในบทแรก
บทที่ 2 การจัดการธุรกิจ หากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจอยู่แล้วเชื่อว่าคุณจะได้ไอเดียไปต่อยอดธุรกิจได้ หรือแม้แต่คนที่มีความคิดจะมีธุรกิจเป็นของตัวเองคุณจะต้องเตรียมความพร้อมเรื่องอะไรที่จะทำให้ธุรกิจของคนอยู่รอด
โดยเริ่มด้วย
แนวความคิด 3R
Rethink/Reframe/Refocus
การติดกระดุมเม็ดแรก สำคัญสำหรับทุกเรื่องถึงแม้ผู้เขียนจะให้ในมุมธุรกิจ แต่ถ้าเป็นชีวิตส่วนตัวก็ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ เอามาปรับกับตัวเอง แล้วถ้าวันนึงเราพร้อมก็จะนำไปใช้ต่อในธุรกิจได้
🌟การรับรู้และเข้าใจวัฒนธรรมในองค์กร เพื่อการปรับตัว การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและสังคมอาจทำให้คนองค์กรสั่นคลอน เราจะจัดการและรับมืออย่างไรให้การทำธุรกิจยังคงเดินหน้า
บทที่ 3 การจัดการทีม
สำหรับบทนี้ ถือว่าสำคัญมากๆ เพราะถ้าคุณคือหัวหน้าทีม คุณจะได้วิธีการจัดการทีม การใช้งานให้ถูกคน รวมทั้งเทคนิคการสัมภาษณ์คนให้ได้ตามที่คุณต้องการ
และแน่นอน ถ้าคุณเป็นแค่สมาชิกในทีม คุณจะเข้าใจหัวหน้างาน ผู้บริหารมากขึ้น ความสำเร็จในการเลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่งก็อยู่ไม่ไกลเลย!
ความในใจของ Remind ก็เป็นแค่ คน 1 คน ในทีม การได้อ่านหนังสือเล่มนี้ถือเป็นการตระตุกต่อมความจำได้อย่างไร? นั่นเพราะว่าสถานการณ์ในองค์กรที่ทำงานตอนนี้ที่ต้องการความเปลี่ยนแปลง โดยยึดหลักลูกค้าให้เป็นศูนย์กลาง(ความต้องการของลูกค้าต้องได้รับการจัดการด้วยความรวดเร็ว) ทีมและองค์กรต้องสั้น กระชับฉับไว ตอนแรกที่ได้ข้อมูลเรื่องนี้ก็รู้สึกกังวล และไม่รู้ว่าจะต้องรับมือความเปลี่ยนแปลงอย่างไร เราจะสามารถปรับเปลี่ยนตัวเองให้ทันองค์กรได้ไหม ? เกิดคำถามต่างๆ มากมาย
และข้อดีของการอ่านหนังสือ
สมองก็ดึงคลังความรู้ (ที่เราคิดว่าเราลืมไปแล้ว) หยิบเล่มนี้ลงมาจากหิ้ง กลับมาอ่านครั้งที่ 2 ก็ทำให้กำแพงความกลัวการเปลี่ยนแปลงในใจนั้นทลายลง
เพราะสิ่งที่ได้จากการอ่านหนังสือเล่มนี้
เราในฐานะลูกจ้าง จะเข้าใจนายจ้างมากขึ้นและร่วมมือกันพัฒนาตัวเองเพื่อให้ ทั้ง 2 ฝ่ายประสบผลสำเร็จไปด้วยกัน นี่คือ "พลวัตของความสุข"
โฆษณา