17 ต.ค. 2021 เวลา 02:00 • หนังสือ
ชั่วโมงแรกของวันคือหางเสือของทั้งวัน
1
1.
ความคิดของคนเราเป็นได้ทั้ง "ผีเสื้อ" และ "แมลงวัน" ทุกเช้าตื่นขึ้นมา ความคิดจะต้องหาที่เกาะ ไม่ว่าจะเรื่องดีหรือร้าย ถ้าไม่ใช้ผู้บรรลุ จิตว่าง ความคิดจะต้องหาสักเรื่องมาเกาะไว้ ถ้าความคิดแรกของวันเป็นเรื่องดี ๆ ก็เหมือนผีเสื้อที่บินดอมดมกลิ่นหอมของดอกไม้...หอมไปทั้งวัน แต่ถ้าเผลอให้ความคิดแรกของวันเป็นเรื่องลบ ๆ ก็เหมือนแมลงวันที่ตอมกองอุจจาระ...เหม็นไปทั้งวัน
4
ข่าวดีก็คือ เช้านี้ วันนี้ เย็นนี้ คืนนี้ เวลานี้ เราเลือกเรื่องให้ความคิด "เกาะ" ได้ ด้วย 2 ขั้นตอนต่อไปนี้
ขั้นแรก เขียนประโยคนี้แปะข้างฝาตรงที่เราจะมองเห็นเป็นสิ่งแรกเวลาตื่น "วันนี้จะต้องมีสิ่งดี ๆ เกิดขึ้นกับฉันอย่างแน่นอน" ขั้นที่สอง จากนั้นตลอดทั้งวัน ให้ลองมองหาสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้น จะเรื่องดีเล็กๆ หรือเรื่องดีใหญ่ๆ ก็ได้ เพื่อยืนยันความเชื่อบนกระดาษที่แปะไว้ ...เพราะชีวิตจะเปลี่ยนไปตามความคาดหวังที่เราอยากให้มันเป็น
อาจฟังดูหลอกตัวเองไปนิด แต่ถ้าเชื่อตัวเองมาเยอะแล้ว ชีวิตยังไม่ดีขึ้นสักที ทำไมไม่ลองหลอกตัวเองดูด้วยวิธีนี้บ้าง?
3
ชั่วโมงแรกของวันคือหางเสือของทั้งวัน ชั่วโมงสุดท้ายของค่ำคืนคือการพูดคุยกับความรู้สึกของเรา เราคิดอะไรในชั่วโมงแรกตอนตื่น? เราคิดอะไรในชั่วโมงสุดท้ายก่อนนอน?
2
ไม่เกินไปถ้าจะบอกว่าความคิดกำหนดชีวิตของเราได้เลย
2.
เราหลายคนเก่งในการ "มองเห็นสิ่งที่เราไม่มี" บ่อยครั้งที่ทุกข์หลายอย่างในใจเรา เกิดจากการเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น แล้วรู้สึกว่าเรามีน้อยกว่าเขา จากนั้นก็สร้าง "ความขาดแคลน" ให้ตัวเอง
1
ผมยังจำได้ดี เมื่อหลายปีก่อน จิตใจผมเป็นทุกข์อย่างหนัก ชีวิตมืดมนไปหมด เหมือนจะเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ แต่กลับเป็นแสงของรถไฟอีกขบวนที่สวนมา ตอนนั้นเงินทองไม่พอใช้ ทั้งที่ทำงานหนัก ผมวิ่งขายของไปทั่วราชอาณาจักร ไปตามบ้านเพื่อน ไปตามบ้านคนรู้จัก
พอเห็นบ้านเพื่อน ก็ได้แต่เฝ้าอิจฉา ร้อนรุ่มในใจ ทำไมบ้านมันใหญ่จัง? ทำไมรถมันหรูจัง? ตอนเรียนเราก็เรียนเก่งกว่า ทำไมชีวิตวันนี้มันดีกว่าเรา? ผมตะโกนใส่ตัวเองทุกวันว่า "แม่งเอ๊ย ชีวิต!"
ผมเอาแต่เฝ้าคิดว่า "ทำไมกูไม่มีอะไรอย่างที่คนอื่นเขามีบ้างวะ?" ผมเอาแต่มองเห็นในสิ่งที่ผมไม่มี ไม่เคยมองเห็นค่าในสิ่งที่มีอยู่แล้ว ตอนนั้นผมคิดว่าถ้ามีเงินเยอะ ๆ ผมคงจะไม่ขาดแคลนแบบนี้
1
แต่นี่คือความเข้าใจผิดอย่างแรง กว่าจะรู้ซึ้งก็ใช้เวลาพอสมควร อันที่จริงแล้ว เงินไม่อาจแก้ปัญหาเรื่องความขาดแคลนได้ทั้งหมด
มีเงินน้อยนั้นขาดแคลนแน่ แต่มีเงินมาก ก็ใช่ว่าจะไม่รู้สึกขาดแคลน
3.
ผมมาเข้าใจในภายหลังว่า ความรู้สึกขาดแคลนนั้นแก้ไขได้ด้วย "การมองเห็นค่าในสิ่งที่เรามีอยู่แล้ว" เรื่องนี้ฟังดูง่าย แต่ทำจริงไม่ง่าย ถามว่าผมเชื่อเรื่องนี้ตั้งแต่แรกเลยหรือเปล่า? ไม่หรอกครับ ผมไม่เชื่อ แต่ก็น่าลองดู
2
ช่วงนั้นผมเริ่มลองมองชีวิตตัวเองใหม่ แทนที่จะมองว่าฉันไม่มีอะไรบ้าง ก็เปลี่ยนเป็นตอนนี้ฉันมีอะไรบ้าง ผลปรากฏพบว่ามีเพียบเลย เช่น ถึงรถจะเก่า แต่ผมก็ยังมีขับ ถึงบ้านจะเล็ก แต่ผมก็ยังมีที่อยู่อาศัย ถึงงานจะเงินเดือนไม่เยอะ
แต่ผมก็ยังมีงานทำ ยังมีครอบครัวที่น่ารัก ยังมีเพื่อนฝูง สุขภาพเราก็ยังดี ...ยิ่งคิดมองหาเท่าไหร่ ก็ยิ่งพบเจอเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ มากเท่านั้น
3
หลังจากผมเลิกร้อนรุ่มอิจฉาคนอื่น เลิกมองเห็นแต่สิ่งที่ผมไม่มี แล้วปรับเปลี่ยนไปขอบคุณในสิ่งที่ผมมีอยู่ สิ่งดี ๆ ก็พากันจูงมือเข้ามาในชีวิตผมเรื่อย ๆ และเรื่อย ๆ จนถึงทุกวันนี้ ชีวิตผมก้าวกระโดดนับตั้งแต่นั้น เพียงเพราะเริ่มจากการมองเห็นในสิ่งที่ผมมีอยู่ ไม่รู้สึกถึงความขาด จิตใจก็เลิกร้อนรุ่ม ความคิดเปลี่ยนจากแมลงวันที่มองหาแต่อาจม เปลี่ยนไปเป็นผีเสื้อที่หาดอกไม้ดอมดม
ลองดูสิครับ ลองเลิกเป็นคนเก่งในการมองเห็นแต่สิ่งที่เราไม่มี แล้วเปลี่ยนมาขอบคุณและเห็นค่าในสิ่งที่เรามี เมื่อนั้นเราจะเลิกเป็นทุกข์ ความคิดจะสงบขึ้น
2
แล้วสิ่งดี ๆ จะเข้ามาในชีวิตชนิดที่ว่าเปิดประตูต้อนรับกันไม่ทันเลยทีเดียว.
โฆษณา