18 ต.ค. 2021 เวลา 09:39 • ธุรกิจ
ถาม-ตอบ เรื่องพื้นฐานการจดบริษัท (ตอนที่ 1)
ถามตอบปัญหาสำหรับมือใหม่เจ้าของธุรกิจว่า เมื่อไรเราควรเริ่มจดบริษัทของตัวเองดี ต้องมีเงินกี่บาทถึงจดบริษัทได้ ต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้างก่อนจดบริษัท การจดทะเบียนพาณิชย์และ Vat เป็นเรื่องจำเป็นมั้ย
สำหรับใครที่กำลังสงสัยเรื่องเหล่านี้อยู่ ลองอ่านสรุปคำถาม-คำตอบในโพสนี้ได้เลย
ถาม-ตอบ เรื่องพื้นฐานการจดบริษัท (ตอนที่ 1)
Q: ทำธุรกิจมาสักพัก เมื่อไรควรเริ่มมีบริษัทของตัวเอง
A: คำถามนี้เป็นคำถามยอดฮิตที่เจ้าของธุรกิจสงสัย ส่วนคำตอบนั้นอาจจะไม่มีคำตอบที่ตายตัว แต่ทุกครั้งที่คิดจะจดบริษัทควรจะถามตัวเองก่อนว่ามีความพร้อม 3 เรื่องนี้ครบไหม
1. วัตถุประสงค์พร้อม คือ รู้ว่าเปิดแล้วจะทำอะไร หารายได้จากทางไหน
2. หุ้นส่วนพร้อม คือ รู้ว่าจะให้ใครมาเป็นหุ้นส่วน และจะแบ่งสัดส่วนกันเท่าไรดี เพราะตอนนี้กฎหมายกำหนดว่าขั้นต่ำการจดบริษัทต้องมีผู้ถือหุ้นอย่างน้อย 3 คน
3. เงินทุนพร้อม คือ มีเงินลงทุนขั้นต้นเตรียมไว้สำหรับก่อตั้งบริษัท
การเปิดบริษัทเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของธุรกิจ ถ้าวางแผนไว้ดี มีความพร้อมทั้ง 3 ด้าน ย่อมมีชัยไปกว่าครึ่ง
Q: ต้องใช้เงินกี่บาท ถึงจะตั้งบริษัทได้
A: เงินที่ต้องใช้สำหรับการตั้งบริษัทมี 2 ส่วนหลักๆ
ส่วนแรก เป็นเงินทุนจดทะเบียน คือ เงินลงทุนทั้งหมดที่เราคาดว่าจะใช้เริ่มกิจการและหมุนเวียนในช่วงแรก ซึ่งต้องระบุไว้ตอนจดทะเบียน หลักการคิดง่ายๆ คือ ลองคิดว่าเราจะต้องลงทุนตั้งต้นเรื่องอะไรบ้าง และใช้เงินหมุนเวียนเท่าไร และใช้เงินจำนวนนั้นเป็นเงินทุนจดทะเบียน จากนั้นค่อยเรียกเก็บจากผู้ถือหุ้น (กฎหมายระบุขั้นต่ำว่าวันที่จดบริษัทจ่ายที่ขั้นต่ำได้ 25%)
เงินส่วนนี้เป็นเงินของกิจการทั้งหมด เพียงแค่ตอนจดทะเบียนต้องแจ้งกรมพัฒนาธุรกิจการค้าด้วยเท่านั้นเอง
ส่วนสอง เงินค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนบริษัท เป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เราเรียกย่อๆ ว่า DBD อันนี้ขึ้นอยู่กับทุนจดทดเบียน เช่น ถ้าจดทุน 1 ล้านบาทค่าธรรมเนียมจะประมาณ 3,500 บาท ถ้าจดแบบออนไลน์ และถ้าไม่ได้ดำเนินการเอง จ้างสำนักงานบัญชีทำให้ก็จะมีค่าดำเนินการส่วนนี้ด้วยแยกต่างหากจำนวน 2,000-4,000 บาท
เราจะไม่มีวันรู้เลยว่าเงินทุนที่ต้องใช้ในการจัดตั้งบริษัทเป็นกี่บาท ถ้าเราไม่เคยมีแผนธุรกิจ เหมือนกับการซื้อตั๋วรถไฟฟ้า BTS ถ้าวางแผนไว้ก่อนว่าจะไปสถานีไหน คงเตรียมเงินค่าตั๋วไม่ถูกแน่ๆ ใช่มั้ยล่ะ
Q: How to เตรียมเอกสาร ก่อนตั้งบริษัทของตัวเอง
A: อยากจดบริษัทต้องเตรียมเอกสารพื้นฐานตามนี้
1. สำเนาบัตรประชาชนผู้ถือหุ้นทุกคน
2. แผนที่บริษัท
3. ชื่อสกุล และเลขที่ผู้สอบบัญชี
จากนั้นเลือกเลยว่าจะจดแบบออนไลน์หรือออฟไลน์
ถ้าจดทะเบียนแบบออนไลน์ให้ไปที่ https://ereg.dbd.go.th/ERegistMemberWeb/nonmemberpages/home.xhtml
อาจจะมีขั้นตอนยุ่งยากนิดหน่อยในการยืนยันตัวตน แต่ข้อดีคือ social distancing และค่าธรรมเนียมถูกกว่าแบบ offline 50%
ส่วนการจดแบบออฟไลน์สามารถไปได้ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้เลย
จดทะเบียนบริษัท ทำได้ง่ายถ้าเข้าใจวิธีการและเอกสารมีครบ แต่ถ้าใครไม่อยากจดเอง จ้างสำนักงานบัญชีใกล้บ้านทำให้ได้ ด้วยค่าบริการ 2,000-4,000 ต่างหากจากค่าธรรมเนียม
Q: จดทะเบียนพาณิชย์ คืออะไร ต้องรู้อะไรบ้าง
A: จดทะเบียนพาณิชย์ เป็นการจดทะเบียนเพื่อบอกว่าเราจะทำการค้าขาย ไม่สนใจว่าจะอยู่ในรูปแบบบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล ถ้าอยู่ในลิสธุรกิจที่ต้องจดทะเบียนพาณิชย์ก็จำเป็นต้องไปจดทะเบียนพาณิชย์ตามกฎหมาย (ส่วนใหญ่ต้องจดทะเบียนพาณิชย์ทั้งนั้น)
สิ่งที่เจ้าของกิจการมักเข้าใจผิด
1. คิดว่าจดบริษัทแล้ว เท่ากับจดทะเบียนพาณิชย์ จริงๆ ไม่ใช่เลย เพราะ การจดทะเบียนบริษัท เป็นการจดทะเบียนเพื่อขอเป็นนิติบุคคลรูปแบบบริษัท เป็นคนละเรื่องกับการจดทะเบียนพาณิชย์
2. คิดว่าจด VAT แล้ว เท่ากับจดทะเบียนพาณิชย์ อันนี้ก็คนละเรื่องเพราะ VAT คือ การจดทะเบียนเข้าระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม เป็นคนละเรื่องกันกับทะเบียนพาณิชย์
ฉะนั้น ถ้าอยากทำธุรกิจอย่างสบายใจ อย่าลืมไปจดทะเบียนพาณิชย์ภายใน 30 วันนับแต่วันเริ่มประกอบกิจการ ที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือฝ่ายปกครองสำนักงานเขต แต่ถ้าอยู่ต่างจังหวัดให้ไปที่เทศบาล หรือ อบต ได้ (ตอนนี้ยังไม่มีแบบออนไลน์นะจ๊ะ)
Q: ทำไมต้อง “จด VAT” เมื่อเปิดบริษัท
A: การจด Vat เป็นการจดทะเบียน เพื่อเข้าระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งจะเป็นภาษีที่เรียกเก็บจากผู้บริโภค 7% โดยกฎหมายไม่ได้สนใจว่าเราทำธุรกิจรูปแบบบริษัทหรือบุคคลธรรมดา แต่สิ่งที่กฎหมายสนใจ คือ
1. ธุรกิจมีรายได้จากอะไร: ถ้าไม่ใช่รายได้ที่ได้รับยกเว้น ก็ต้องจด Vat (ถ้าจำนวนรายได้ถึง 1.8 ล้าน) ตัวอย่างรายได้ที่ได้รับยกเว้นเช่น ขายผลิตผลทางการเกษตร ขายสัตว์ อาหารสัตว์ ทำห้องสมุด เป็นต้น
2. จำนวนรายได้เป็นเท่าไร: ถ้ารวมๆ รายได้ต่อปีทั้งหมดของเราไม่เกิน 1.8 ล้านบาท ก็ไม่จำเป็นต้องจด Vat
1
ถ้าเข้าเงื่อนไข 2 ข้อก็จะต้องจดทะเบียน VAT โดยปริยาย
การจด Vat มาพร้อมกับหน้าที่ที่เพิ่มขึ้น คือ 1) เรียกเก็บภาษี 7% จากลูกค้าและออกใบกำกับภาษี 2) การทำรายงาน และ 3) ยื่นภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นประจำทุกๆ เดือน
ถ้ารู้ตัวว่ามีรายได้ถึงเกณฑ์จด VAT ให้รีบไปจดให้เรียบร้อย เพราะคงไม่มีใครอยากหมดกระเป๋าเพราะค่าปรับ 2 เท่าจากภาษีมูลค่าเพิ่มแน่นอน
ปรึกษาปัญหาบัญชีธุรกิจ หาโปรแกรมบัญชีที่ใช่สำหรับธุรกิจคุณ ติดต่อ
Line: @zerotoprofit หรือ https://lin.ee/36U1ks0Y
โฆษณา