18 ต.ค. 2021 เวลา 22:53 • หุ้น & เศรษฐกิจ
วิเคราะห์ภาพ “การกลับมาของตลาดหุ้นไทย” จากคุณกวี ชูกิจเกษม KSecurities
📌 บริษัทจดทะเบียน 99.99% ของ SET คือ Old Economy ส่วนบริษัทฯใหญ่ๆสิบอันดับใน NASDAQ ถือว่าเป็นกลุ่มเทคโนโลยีทั้งสิ้น ดังนั้นคุณกวีจึงมองภาพของ NASDAQ เป็น New Economy
1
📌 ราคาพลังงานแบบเก่าๆเช่นถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติและน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นมาทำให้พวกเราตระหนักได้ว่า ถึงแม้โลกเราจะพยายามไปหาพลังงานทดแทนอื่นๆ(Renewable Energy) แต่สุดท้ายโลกเราก็ยังพึ่งพาถ่านหินเยอะอยู่
1
📌อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ Old Economy เริ่มกลับมาก็คือความจำเป็นในการใช้พลังงานไฟฟ้าของอุปกรณ์ ระบบ และธุรกิจที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีทุกอย่าง
📌จีนยังคงใช้ถ่านหินในการผลิตพลังงานอยู่ 60% แต่ต้องมาเจอกับนโยบายลดมลพิษ, ความขัดแย้งกับประเทศผู้ส่งออกถ่านหิน และการควบคุมราคาถ่านหินจึงทำให้ Supply มีจำกัด ในขณะที่ Demand พุ่งสูงขึ้นมาจากการฟื้นตัวหลังCovid-19 อย่างรวดเร็ว
📌ราคาถ่านหินจะทรงตัวอยู่ในระดับสูงไปอีกราว 6 เดือนเพราะถึงแม้ว่าจีนจะทำ Supply ให้ขึ้นมาเท่ากับ Demand ได้แต่ก็ต้องใช้เวลาสักระยะเพื่อกักตุนสินค้าคงคลัง (Inventory) ในขณะที่ฤดูหนาวกำลังจะมาถึงจึงอาจจะทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้น
📌ถ้าคุณเป็นนักลงทุนที่ตั้งใจจริง Demand & Supply ของถ่านหิน, ก๊าซธรรมชาติของแต่ละประเทศก็เป็นสิ่งที่สามารถหาเจอได้หมดใน Google ซึ่งเป็นตัวเลขล่าสุด ไม่ต้องจ่ายตัง และไม่ต้องรอนักวิเคราะห์ด้วย
📌จีนคือศูนย์กลางของ Supply chain ทั้งภาคการท่องเที่ยว และภาคการผลิต (ส่งออก & นำเข้า) ของโลกรวมถึงไทยด้วย ดังนั้นกว่าจีนจะกักตุน Inventory เสร็จอัตราเงินเฟ้อของไทยเราก็น่าจะเพิ่มขึ้นไปอีกสักระยะ
📌OPEC สามารถทำให้ Supply ขึ้นไปที่ระดับ 100 บาร์เรลต่อวันได้แต่เขาไม่ทำซึ่งก็อาจจะเรียกได้ว่าเป็นการแก้แค้นจากช่วงโควิด แต่เชื่อว่า OPEC ก็ไม่กล้าให้น้ำมันวิ่งไปเกิน 100 เหรียญต่อบาร์เรลเพราะในอดีตเคย Enjoy แต่สุดท้ายแล้วช้ำ
📌สิ่งที่น่าระวังคือถ้าหากว่าผ่านหน้าหนาวไปแล้วปัญหาขาดแคลนพลังงานยังไม่ดีขึ้นเศรษฐกิจฝั่งยุโรปอาจจะเกิดRecession ได้เพราะยุโรปแทบจะไม่ได้มีพลังงานเป็นของตัวเองเลยและต้องพึ่งพาก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียเป็นหลัก
2
📌ปัญหาหลักของสหรัฐอเมริกาที่ไม่น่าเชื่อเลยก็คือคนอเมริกันยังคงติด Covid-19 อยู่ทำให้แรงงานที่จะไปทำเกี่ยวกับพลังงานมีไม่พอ และมีรถติดค้างอยู่ที่ท่าเรือเพราะไม่มีคนไปขับ
📌เขาคาดว่าในอนาคตอัตราเงินเฟ้อจะปรับตัวขึ้นไปพร้อมๆกับการเติบโตของ GDP ซึ่งไม่ได้ส่งผลดีหรือแย่กับตลาดหุ้น โดยสภาวะที่ตลาดหุ้นชอบคือเมื่อ GDP เติบโตแต่เงินเฟ้อลดลง ส่วนสภาวะที่ต้องระวังคือ GDP ไม่เติบโตแต่เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น
📌วิกฤตมักเกิดขึ้นเมื่อตอนดอกเบี้ยสูงเพราะดอกเบี้ยคือต้นทุนของธุรกิจแทบจะทั้งหมด แต่สำหรับน้ำมันในอุตสาหกรรมขนาดกลาง - เล็กก็อาจจะไม่ได้ใช้เป็นต้นทุน ซึ่งราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้บางประเทศ & บางอุตสาหกรรมได้รับผลประโยชน์ทางอ้อมด้วย เช่นการบินเข้ามารักษาตัวหรือท่องเที่ยวที่ประเทศไทยจากชาวตะวันออกกลาง
1
📌โดยธรรมชาติแล้วเมื่อเงินเฟ้อขึ้นอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจภายในประเทศไทยจะลดลงแต่ข้อดีอันนึงคือยอดขายจะโตตามราคาต้นทุน
📌 Sector ที่ดีขึ้นทั้งอัตรากำไรขั้นต้น & ยอดขายเมื่อเงินเฟ้อขึ้นได้แก่กลุ่ม ธนาคาร, อาหาร, ปิโตรฯ, โรงพยาบาลและท่องเที่ยว ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็น Old Economy
1
📌Sector ที่ได้รับผลบวกรองลงมาเพราะมียอดขายโตมากกว่าอัตรากำไรขั้นต้นเมื่อเงินเฟ้อขึ้นได้แก่กลุ่ม พลังงาน, ค้าปลีก และยานยนต์
2
📌ดังนั้นเหตุผลในการกลับมาของตลาดหุ้นไทยคือเราไม่มี New Technology ที่จะมีต้นทุนสูงไปอีกอย่างน้อย 6 เดือนแถมราคาวัสดุ น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นยังกลับกลายมาเป็นผลดีกับ Old Economy ซึ่งเป็นหุ้นในบ้านเราทั้งหมด
📌ส่งผลให้ Loan Growth ของธุรกิจกลุ่มธนาคารจะเติบโตขึ้นตามราคาน้ำมันเพราะธุรกิจที่เกี่ยวกับน้ำมัน & ปิโตรฯนั้นล้วนแล้วแต่ต้องพึ่งพาสินเชื่อกันทั้งหมด (สำหรับกลุ่มธนาคารคุณกวีชอบ BBL และ SCB)
1
📌ในสภาวะ Stagflation ก็ลงทุนหุ้นได้ ในสภาวะ Inflation ก็ลงทุนหุ้นได้ แต่ที่ลงทุนหุ้นไม่ได้เลยก็คือ Recession และเชื่อว่าตลาดหุ้นจะเป็น Sideway up ไปจนถึงปีหน้าค่อยมาติดตามสถานการณ์กันต่อ
1
ผู้สนับสนุน
สนใจเปิดบัญชี ค่าคอมหุ้น 0.05%
TFEX สัญญาละ 18-20
กับโบรคเกอร์
แนะนำหุ้นโดยที่ผู้แนะนำการลงทุนที่มีใบอนุญาต
แจ้งชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรทาง INBOX ได้เลยครับ
โฆษณา