19 ต.ค. 2021 เวลา 03:06 • หุ้น & เศรษฐกิจ
หุ้นน่าซื้อวันนี้ 19 ต.ค. 64 : โบรกมองหุ้นไทยวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 1,630-1,655 จุด คาดกลุ่ม Domestic Play จะกลับมาโดดเด่นกว่า หลังราคาสินค้าโภคภัณฑ์เริ่มชะลอความร้อนแรงลง เชียร์ 14 หุ้นเด่น
บล. หยวนต้า (ประเทศไทย)
เปิดเผยว่า แรงซื้อสลับขาย โยกเปลี่ยนกลุ่มหุ้น ระหว่าง Global Play และ Domestic Play ส่งผลให้ทิศทางโดยรวมของ SET INDEX เป็นการแกว่งตัวออกข้างในช่วงนี้ หากพิจารณาภาพตลาดเมื่อวานนี้ พบว่า กลุ่ม Global Play โดยเฉพาะกลุ่มโรงกลั่น เป็นหุ้นนำตลาด เช่น BCP +3.5%, PTTGC +3.1%, IRPC +1.7% หนุนด้วยค่าการกลั่นสิงคโปร์ที่ทำระดับสูงสุดของปีนี้อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ การพลิกกลับมาอ่อนค่าของเงินบาท สู่ระดับ THB33.45/USD หนุนให้หุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ฟื้นตัวเด่นเมื่อวานนี้ เช่น HANA +6.9%, KCE +1.3% เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม คาดวันนี้กลุ่ม Domestic Play จะกลับมาโดดเด่นกว่า เพราะราคาสินค้าโภคภัณฑ์เริ่มชะลอความร้อนแรงลง ทำให้กระแสเงินทุนมีโอกาสโยกย้ายกลุ่ม (Sector Rotation) จากกลุ่ม Global Play มาสู่กลุ่ม Domestic Play ในขณะที่ ทิศทางของ SET INDEX ยังคงเป็นการแกว่งตัว Sideways กรอบ 1,635-1,650 จุด
ส่วน GDP 3Q64 ของจีน ขยายตัวเพียง 4.9% YoY น้อยกว่าคาดการณ์ที่ +5.2% YoY และชะลอตัวลงจากไตรมาสก่อนหน้าที่เติบโต 7.9% YoY
นอกจากนี้ยังมีการรายงานการลงทุนสินทรัพย์ถาวร (Fixed Asset Investment) ช่วง 9M64 เพิ่มขึ้น 7.3% YoY แย่กว่าตลาดคาดที่ +7.9% YoY ส่วนหนึ่งน่าจะถูกกดดันจากภาคอสังหาฯ ส่งผลให้ตลาดหุ้นจีน รวมถึง ตลาดหุ้นหลายแห่งในฝั่งเอเชียเหนือปรับตัวลดลง Underperform เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นฝั่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ปรับตัวขึ้นเป็นส่วนใหญ่
สำหรับหุ้นเด่นวันนี้มี 4 ตัว นำโดย BEC หุ้นกลุ่มสื่อมีความน่าสนใจ ได้แก่ 1.คาดเม็ดเงินโฆษณาจะฟื้นตัวในปี 2565 ตามภาวะเศรษฐกิจ 2.เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบเชิงลบจำกัดจากเงินเฟ้อ เนื่องจากมีโอกาสปรับขึ้นค่าโฆษณาขึ้นได้ 3.การเข้าจดทะเบียน IPO ของช่อง One เป็น Catalyst ต่อหุ้นกลุ่มสื่อโทรทัศน์
3
แนวโน้มกำไร 3Q64 แม้คาดว่าจะลดลง QoQ จากผลกระทบของ COVID แต่ยังเห็นการเติบโต YoY ขณะที่ 4Q64 คาดกำไรดีขึ้น YoY และ QoQ และได้รับผลบวกเต็มปีในปี 2565 คาดกำไร +30% YoY เป็น 906 ลบ.
หุ้นเด่นถัดมาคือ BBIK เราคาดกำไรปกติ 3Q64 ที่ 13.8 ลบ. เพิ่มขึ้น +126% YoY และ +17% QoQ จากรายได้ที่เพิ่มขึ้น YoY และอัตรากำไรขั้นต้นคาดที่ 62.5% หากกำไรออกมาใกล้กับคาด จะคิดเป็น 71% ของคาดการณ์ทั้งปีที่ 62 ลบ. +40% YoY
ปัจจัยบวก คือได้งานเพิ่มอีกราว 200 ลบ. ใน 3Q64 เกี่ยวข้องกับ Data Analytics และ Orbit เริ่มมีรายได้จากการให้บริการกับกลุ่ม OR แล้ว ส่งผลให้เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2565 ขึ้นเป็น 100 ลบ. เติบโต +63% YoY และปี 2566 ขึ้นเป็น 143 ลบ. +43% YoY เราคาดว่าธุรกิจ Digital Transformation ยังเติบโตได้อีกมากใน 3-5 ปีข้างหน้า
หุ้นเด่นอีกตัว KBANK เราคาดกำไรปกติ 3Q64 ที่ 13.8 ลบ. เพิ่มขึ้น +126% YoY และ +17% QoQ จากรายได้ที่เพิ่มขึ้น YoY และอัตรากำไรขั้นต้นคาดที่ 62.5% หากกำไรออกมาใกล้กับคาด จะคิดเป็น 71% ของคาดการณ์ทั้งปีที่ 62 ลบ. +40% YoY
ปัจจัยบวก คือได้งานเพิ่มอีกราว 200 ลบ. ใน 3Q64 เกี่ยวข้องกับ Data Analytics และ Orbit เริ่มมีรายได้จากการให้บริการกับกลุ่ม OR แล้ว ส่งผลให้เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2565 ขึ้นเป็น 100 ลบ. เติบโต +63% YoY และปี 2566 ขึ้นเป็น 143 ลบ. +43% YoY เราคาดว่าธุรกิจ Digital Transformation ยังเติบโตได้อีกมากใน 3-5 ปีข้างหน้า
หุ้นเด่นสุดท้าย ADVANC ภาพทางเทคนิค แนวต้าน 194.00 บาท แนวรับ 189.00 บาท และ Stop loss หากต่ำกว่า 186.00 บาท
หุ้นกลุ่มสื่อสารช่วงนี้อาจขาด Catalyst ในการลงทุน อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงเป็นโอกาสสะสม เนื่องจากให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในเกณฑ์ดีราว 4% และมี Upside ของเงินปันผล หากปรับเพิ่ม Dividend Payout Ratio ขึ้นจากปัจจุบันที่ราว 70%
บล.เอเซีย พลัส
มอง SET Index วันนี้ คาดว่าจะมีแนวรับ 1,634 จุด แนวต้าน 1,658 จุด
หุ้นเด่นวันนี้ ตัวแรกคือ MTC (FV@72.0) แนวโน้มกำไรสุทธิงวด 3Q64 จะฟื้นตัวทั้ง QoQ และYoY จากแนวโน้มสินเชื่อเติบโตต่อเนื่องจากการขยายสาขาและการคลายล็อคดาวน์ตั้งแต่เดือนกันยายนปี 64 ซึ่งจะหนุนแนวโน้มกำไรสุทธิงวดไตรมาส4 ปี64 ให้เติบโตต่อเนื่องเพราะเป็นช่วงฤดูกา]ใช้เงินทั้งการเปิดเทอมและเทศกาลปีใหม่ หนุนแนวโน้มสินเชื่อโตต่อเนื่องคาดกำไรสุทธิปี 2564 ถึง 65 จะเติบโต 5% YOY และ 18% YOY จากแนวโน้มสินเชื่อปี 2564 ถึง65 จะเติบโต 26% และ 20% กำหนด FV ปี 2565 เท่ากับ 72 บาท มีอัพไซด์สูง 20% YOY
หุ้นเด่นอีกตัวคือ CRC (FV@ 38 ) หุ้นเปิดเมืองราคา Laggardแนวโน้มราคาหุ้นระยะสั้นเชื่อว่าได้ Sentiment เชิงบวกจากแผนการเปิดเมืองในเร็ววันตามแผนงานของภาครัฐบวกกับแผนกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมที่จะออกมา อาทิ คนละครึ่งเฟส 4 ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันยัง Laggard SET Index โดยวัดจากวันที่ 24 มค 2020 - ปัจจุบัน CRC ปรับตัวลง 15%
ขณะที่ SET Index ปรับตัวขึ้น 9%เชิงกลยุทธ์แนะนำให้หาจังหวะเข้าลงทุน เมื่อราคาหุ้นอ่อนตัว ตอบรับแนวโน้มกำไรระยะสั้นที่ได้รับผลกระทบสูงเป็นลำดับต้นของกลุ่ม เพื่อรอรับ Upside เปิด จากมูลค่าพื้นฐานปี 2565
หุ้นเด่นตัวสุดท้าย CPALL (FV@70.5) ฝ่ายวิจัยปรับประมาณการใหม่ภายใต้ 1. ข้อมูลเพิ่มเติมจากกรณีแม็คโครจะรับโอนกิจการซีพีอาร์เอสจากเครือซีพีและเข้าถือหุ้นใน CPRD หรือโลตัส แทนที่ CPRH โดยรวมเฉพาะประโยชน์การเถอะขายหุ้น PO แม็คโครบางส่วนที่นำคืนนี่ที่นำไปคืนหนี้ CPRD +การนำเงินซีพีออลจะได้จากการขายหุ้นแม็คโครพร้อม PO ไปคืนหนี้ตนเองซึ่งกระทบจำกัดระยะสั้นและดีต่อระยะยาว
2.ปรับกำไรธุรกิจร้านสะดวกซื้อเดิมปี 2564 ลดลงส่วนปี 2565 เพิ่มจากที่ทำไว้ต่ำไปได้กำไรปี 2564 ลดลง 12.8% ส่วนปี 2565 เพิ่ม 15% ได้กำไรปี 2564 ลดลง 36.7% ก่อนจะฟื้นตัวเด่นในปี 2565 ถึง 66 ที่ 65% และ 19% โดยเบื้องต้นประเมินมูลค่าพื้นฐานปี 2565 เกิน 70.50 บาทยังมีอัพไซด์เปิดให้ลงทุนประมาณ 10%
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)
กล่าวว่า วันนี้คาด SET แกว่ง Sideways ในกรอบแนวรับ 1,630 จุด และแนวต้าน 1,650 จุด เน้นหุ้นอิงการบริโภคฟื้นตัว
โดยหุ้นเด่นวันนี้แนะนำ ASK คาดกำไร 3Q64 ที่ 301 ล้านบาท (+30% YOY, +12% QOQ) จากการเติบโตของสินเชื่อที่แข็งแกร่งและการ
ควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ดีซึ่งสามารถชดเชยต้นทุนสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นได้ และคาดว่ากำไรของบริษัทจะเติบโต QOQ ทุกไตรมาสถึง 4Q65ในขณะที่ PEปี65 เทรดเพียง 12 เท่าเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 55 บาท
หุ้นเด่นตัวต่อมาคือ CPN การที่ศูนย์การค้ากลับมาเปิดได้และการระบาดของโควิดเริ่มคลี่คลาย คาดว่าจะทำให้จำนวนลูกค้าเข้าศูนย์การค้า
ค่อยๆ ฟื้นตัว หนุนรายได้จะกลับมาดีขึ้นตั้วแต่ 4Q64 ส่วนการเข้าซื้อ SFจะเป็นการขยายพอร์ตโครงการศูนย์การค้าของ CPN และสร้างโอกาส
เติบโตมากขึ้นในระยะยาวเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 60 บาท
บล.ไทยพาณิชย์ คาด SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1,630-1,655 จุด โดยแรงซื้อมาจากกลุ่มพลังงานจากราคาน้ำมันที่ทรงตัวระดับสูง และกลุ่มแบงก์ที่คาดหวังต่อกำไรฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม 2 กลุ่มดังกล่าว ราคาปรับขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ upside เริ่มจำกัด
มอง SET ในภาพรวมมี upside จำกัดที่จุดสูงเดิมบริเวณ 1,655-1,660 จุด และให้ระวังการหลุดกรอบล่าง 1,630 จุด จะเริ่มเป็นสัญญาณลบ กลยุทธ์การลงทุนใช้การ Selective Buy หรือเก็งกำไรอย่างระมัดระวัง
คาดตลาดพักตัวช่วงสั้นจากภาพรวมเศรษฐกิจซบเซา และแนวโน้มงบ 3Q64 ไม่ดีนัก เน้นหุ้น domestic play ในพอร์ตหลักที่เป็นหุ้นปลอดภัย ปัจจัยพื้นฐานและกำไรยังมี momentum ที่ดี
พอร์ตหลัก 1. หุ้นกลยุทธ์ 4Q64 BEM, KCE ,OSP ,SECURE, ZEN 2) หุ้นคาดกำไร 3Q64 โตดี QoQ, YoY BBL, KBANK, BDMS, RJH
พอร์ตเทรดดิ้ง 1. เก็งกำไรหุ้นที่ได้อานิสงส์คลายล็อกดาวน์และมาตรการกระตุ้น ศก. เพิ่มเติม HMPRO, CRC 2. เก็งกำไรหุ้นโรงกลั่นที่มีแนวโน้มดีอย่างต่อเนื่อง BCP
หุ้นเด่นวันนี้แนะนำ หุ้นกลุ่มธนาคาร BBL (ราคาเป้าหมาย 165.00 บ.) KBANK (ราคาเป้าหมาย 171.00 บ.) Short หุ้นเดินเรือ PSL, TTA อย่างไรก็ตาม ช่วงสั้นหลีกเลี่ยงหุ้นที่มีต้นทุนเป็นอลูมิเนียม TU, CBG รวมทั้งกลุ่มเดินเรือหลัง คาดค่าระวางผ่านจุดสูงสุดแล้วมีแนวโน้มลดลงใน 4Q64
บล.กสิกรไทย
มองเป้าดัชนีวันนี้ 1,630-1,650 หุ้นเด่นนำวันนี้แนะนำ ADB ราคาปัจจุบัน 2.18 บาท เป้าหมาย 2.40 บาท หุ้นเด่นตัวต่อมาคือ BAM ราคาปัจจุบันที่ 18.90 บาท เป้าหมาย 19.80 บาท หุ้นเด่นตัวสุดท้ายคือ JMART ราคาปัจจุบันที่ 41.50 บาท เป้าหมาย 43.50 บาท
อัตราแลกเปลี่ยนและราคาทองคำ ประจำวันที่ 19 ตุลาคม 64
ต่างชาติแห่เก็งกำไรหุ้นไทยรับเปิดเมืองดันบาทแข็ง
ราคาทองคำวันนี้ปรับขึ้น 50 บาท
รูปพรรณขาย 28,500 บาท
ติดตามข่าวหุ้น-การลงทุนทางไลน์
โฆษณา