20 ต.ค. 2021 เวลา 02:00 • กีฬา
[ บนอัฒจันทร์ฝั่งอีสต์สแตนด์ ] ตอน: นับถอยหลัง
ในครั้งแรกที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประกาศแต่งตั้ง โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เป็นผู้จัดการทีมชั่วคราวแทนที่ของ โชเซ่ มูรินโญ่ ในช่วงปลายปี 2018 ผมรู้สึกตื่นเต้นผสมกับความดีใจเป็นอย่างมาก
เหตุผลแรกคือแมนฯ ยูไนเต็ดในการควบคุมของมูรินโญ่ในตอนนั้นคือต้องบอกว่า “ไม่มีทรง” อีกแล้ว ทุกอย่างดูมั่วซั่วเละเทะ นักเตะไร้ใจ เหมือนทุกคนไม่เอามูรินโญ่อีกต่อไป การปลดกุนซือจึงเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ และแฟนปีศาจแดงในตอนนั้น รวมถึงผมด้วย ก็เห็นด้วยกับการปลดครั้งนั้น
เหตุผลที่สองที่ตื่นเต้นและดีใจคือ คนที่บอร์ดเลือกมาเป็นผู้จัดการทีมชั่วคราวคือ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ตำนานของสโมสร ถึงแม้โปรไฟล์ที่ผ่านมาอาจจะยังมีเครื่องหมายคำถาม ทั้งทำทีมตกชั้น ทั้งได้แชมป์ลีกเล็ก ๆ อย่างนอร์เวย์ แต่ผมก็คิดว่า เขาอยู่กับเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เป็นสิบปี น่าจะซึมซับอะไรบางอย่างจากเฟอร์กี้มาบ้าง ไม่มากก็น้อย ถึงแม้จะมี รอย คีน หรือ แกรี่ เนวิลล์ เป็นตัวอย่างให้เห็นมาบ้างแล้วก็เถอะ แต่ผมก็ยังมีความหวัง
และเหตุผลสุดท้ายก็คือ โอเล่ โซลชา คือตำนานของสโมสร เป็นที่รักของแฟน ๆ ทุกคน จากความทุ่มเท และจงรักภักดี ที่ยอมเป็นตัวสำรองอดทน ดังนั้นในตอนนั้น ผมจึงเชื่อว่า ถ้าเขาคุมทีมแล้วรู้สึกว่าหมดไอเดีย รู้สึกว่าทีมมันไปต่อไม่ไหวแล้ว และเมื่อเขารู้สึกว่าแฟน ๆ เริ่มไม่แฮปปี้กับเขาเมื่อไหร่ เขาจะลาออกไปเองเพื่อสโมสร แบบที่เคนนี่ ดัลกลิช ยอมถอยฉากไปเองเมื่อเขาคิดว่าไม่สามารถทำให้ลิเวอร์พูลดีไปกว่านี้ได้อีกแล้ว ตอนที่เขากลับมาคุมทีมลิเวอร์พูลรอบสอง ผมคิดแบบนี้จริง ๆ
1
โอเล่ โซลชา เริ่มต้นการคุมทีมได้ดีมาก เก็บชัยชนะรวดหลายนัด ในตอนแรกผมก็คิดว่ามันเป็นเรื่องปกติ ทีมเปลี่ยนผู้จัดการทีม บรรยากาศใหม่ ๆ มันก็จะตามมา มันทำให้ทีมสดชื่นขึ้น ผลงานก็ย่อมออกมาดี แต่การเริ่มต้นที่สดชื่นแบบนี้ ปกติก็จะอยู่ระหว่าง 3-5 นัดแรก หลังจากนั้นผลงานจริง ๆ ก็จะออกมา แต่โอเล่ โซลชา สามารถทำให้แมนฯ ยูไนเต็ดไม่แพ้ติดต่อกันเป็นสิบกว่านัดนับตั้งแต่เขาเข้ามาคุมทีม มีผลงานอันเอกอุคือบุกไปถีบเปแอสเชตกรอบแชมเปี้ยนส์ ลีก ถึงฝรั่งเศส
ในห้วงความคิดตอนนั้น ผมเผลอคิดไปถึงว่า หรือนี่จะเป็นตำนานกลับมาปั้นทีมเก่าให้เป็นยอดทีมแบบ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่เคยทำกับบาร์ซ่า หรือ ซีเนอดีน ซีดาน ที่เรอัล มาดริด เพราะตอนนั้น โอเล่ โซลชา มือทองมาก หยิบจับอะไรก็เป็นดีไปหมด เปลี่ยนใครลงมาก็ได้ผลแทบทุกครั้ง เพลง You are my Solskjaer ดั่งกระหึ่มโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
… จนกระทั่ง …
หลังจากทำทีมชนะ 14 จาก 19 แมตช์นับจากได้รับการแต่งตั้งคุมทีมชั่วคราว โอเล่ โซลชา ก็ได้รับการแต่งตั้งคุมทีมถาวรในวันที่ 28 มีนาคม 2019 และหลังจากนั้นอีก 10 แมตช์ที่เหลือในฤดูกาลนั้นแมนฯ ยูไนเต็ด ช็อตไปดื้อ ๆ ชนะแค่ 2 โดยแพ้ไปถึง 6 เกม หลุดโควต้าแชมเปี้ยนส์ ลีก ไปดื้อ ๆ โดยเฉพาะพรีเมียร์ ลีก 5 เกมสุดท้าย แพ้ 3 เสมอ 2 ไม่ชนะใครเลย โดย 2 นัดสุดท้ายกล้า ๆ เสมอฮัดเดอร์ฟิลด์ และแพ้คาร์ดิฟฟ์ทีมที่ตกชั้นไปแล้วคาบ้าน และนับตั้งแต่นั้น มันก็นำมาสู่ข้อกังขาของผมที่มีต่อโอเล่ โซลชา ว่าเขาเป็นโค้ชที่เก่งจริง ๆ หรือไม่ เพราะถ้าเป็นโค้ชฝีมือดี คุมทีมที่มีผู้เล่นชั้นดีแบบแมนฯ ยูไนเต็ด ก็ไม่น่าจะพลาดแบบน่าเกลียดในช่วงท้ายฤดูกาลขนาดนี้
และนับตั้งแต่ตอนนั้น จนกระทั่งเกมล่าสุดที่ไปโดนเลสเตอร์ขย่ม 4-2 มันก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า โอเล่ โซลชา ไม่ดีพอสำหรับแมนฯ ยูไนเต็ด ถึงแม้จะมีช่วงที่ไม่แพ้ใครยาว ๆ ให้เห็นอีกครั้งตอนที่บรูโน่ แฟร์นันด์ส ย้ายมาใหม่ ๆ ที่แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่แพ้ใครเลยในพรีเมียร์ ลีก 14 นัดสุดท้ายจนจบฤดูกาลก็ตาม
จากการที่แพ้เละเทะแบบไม่มีทรงในนัดล่าสุด ทำให้โอเล่ โซลชา เหลือแนวร่วมน้อยลงทุกที แฟนบอลแทบไม่มีใครหนุนหลังเขาอีกแล้ว ตอนนี้พูดได้ว่า เหลือแค่นักเตะในห้องแต่งตัว กับ บอร์ดบริหารเท่านั้น ที่อาจจะยังหนุนหลังเขาอยู่
ก็ต้องรอดูในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก กับอตาลันต้ากลางสัปดาห์ กับแดงเดือดในวันอาทิตย์นี้ว่า นักเตะยังเอาด้วยกับโอเล่ โซลชา หรือไม่ หากวิ่งกันลืมตาย ก็แสดงว่านักเตะยังเอาอยู่ แต่หากยังเล่นกันเนือย ๆ เอื่อย ๆ เคาะบอลไปมาแบบที่เป็นมาตลอด แสดงว่านักเตะไม่ให้ใจกับโซลชาอีกต่อไปแล้ว
เมื่อแฟนบอลไม่หนุน และนักเตะไม่ให้ใจกับกุนซือ ทีนี้ทางเลือกของบอร์ดบริหารมันก็มีอยู่ไม่กี่อย่างหรอก
เรารักคุณนะโอเล่ คุณคือตำนานของเรา เรายังรักคุณเหมือนเดิม แต่คุณต้องไปจริง ๆ
...[“ ท่านชายในสายหมอก ”]...
โฆษณา