20 ต.ค. 2021 เวลา 03:04 • หุ้น & เศรษฐกิจ
หุ้นน่าซื้อวันนี้ 20 ต.ค. 64 : โบรกมองหุ้นไทยวันนี้มีโอกาสฟื้นตัวทางเทคนิคขึ้นทดสอบ 1,635-1,640 จุด หลังเมื่อวานปรับลงแรงสวนทางกับบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นโลกที่ค่อนข้างเป็นบวก จับตาประกาศงบแบงก์ไตรมาส 3/64 ชู 14 หุ้นพื้นฐานแกร่งน่าลงทุน
บล. หยวนต้า (ประเทศไทย)
เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ SET INDEX เริ่มออกอาการแกว่งตัวผันผวนให้เห็น ด้วยการปรับตัวลงกว่า 13 จุด จากแรงขายหุ้นหลายกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็น Global Play หรือ Domestic Play ทำให้ SET INDEX ลงมาปิดใกล้แนวรับ 1,630 จุด สวนทางกับบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นโลกที่ค่อนข้างเป็นบวก สะท้อนจากการปรับตัวขึ้นของดัชนี MSCI DM และ MSCI EM
อย่างไรก็ตาม ประเมินว่า การปรับตัวลงแรงเมื่อวานนี้ น่าจะเป็นเพราะนักลงทุนลดน้ำหนักหุ้นไทยลงมา เนื่องจาก SET INDEX ไม่ผ่านแนวต้านทางเทคนิคบริเวณ 1,650 จุด หลังจากขึ้นทดสอบหลายครั้ง และราคาน้ำมันดิบที่มีทิศทางชะลอตัวในวันก่อนหน้า ทำให้เกิดแรงขายทำกำไรต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน-ปิโตรเคมี
นอกจากนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า นักลงทุนต่างชาติ พลิกกลับมามีสถานะขายสุทธิครั้งแรกในรอบ 5 วันราว 1.6 พันล้านบาท พร้อมกับ Short สุทธิค่อนข้างมากราว 1.5 หมื่นสัญญาใน SET50 Index Futures
ทั้งนี้คาดว่า SET INDEX มีโอกาสฟื้นตัวทางเทคนิควันนี้ ขึ้นทดสอบแนว 1,635-1,640 จุด ในเชิงกลยุทธ์ เราแนะนำเก็งกำไรหุ้นที่ปรับตัวลงลึกเมื่อวานนี้ (Rebound Play)
สำหรับปัจจัยสำคัญสัปดาห์นี้ ยังคงเป็นการรายงานผลการดำเนินงาน 3Q64 ของกลุ่มธนาคาร คาดว่า วันนี้ จะมีการประกาศงบของ BBL, TTB และ KTB ส่วนวันพรุ่งนี้ (21 ต.ค.) คาดว่า จะเป็นการรายงานผลประกอบการของ KBANK และ SCB
สำหรับหุ้นเด่นวันนี้มี 4 ตัว TRUE ราคาหุ้นปรับตัวลงตามภาวะตลาดจากการปรับพอร์ตของนักลงทุนสถาบันในประเทศ เราประเมินว่าการเข้าใกล้แนวรับทางเทคนิคและทางจิตวิทยาที่ 4.00 บาท มีโอกาสเกิด Technical Rebound
คาดผลประกอบการ 3Q64 ขาดทุนปกติ 300 ลบ. ลดลง YoY และ QoQ ขณะที่ EBITDA คาด +13% YoY และ +2% QoQ ที่ 1.5 หมื่นลบ. เราคาดว่าปี 2565 จะเห็นประโยชน์เต็มที่จากการลดต้นทุน ส่งผลให้พลิกเป็นกำไรปกติ 1.5 พันลบ. ในเชิง Valuation ถือว่าไม่แพง ที่ระดับ EV/EBITDA ปี 2564 ที่ 6.2 เท่า และลดลงเหลือ 5.9 เท่าในปี 2565
หุ้นเด่นถัดมาคือ BEC หุ้นกลุ่มสื่อมีความน่าสนใจ ได้แก่ 1.คาดเม็ดเงินโฆษณาจะฟื้นตัวในปี 2565 ตามภาวะเศรษฐกิจ 2.เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบเชิงลบจำกัดจากเงินเฟ้อ เนื่องจากมีโอกาสปรับขึ้นค่าโฆษณาขึ้นได้ 3.การเข้าจดทะเบียน IPO ของช่อง One เป็น Catalyst ต่อหุ้นกลุ่มสื่อโทรทัศน์
แนวโน้มกำไร 3Q64 แม้คาดว่าจะลดลง QoQ จากผลกระทบของ COVID แต่ยังเห็นการเติบโต YoY ขณะที่ 4Q64 คาดกำไรดีขึ้น YoY และ QoQ และได้รับผลบวกเต็มปีในปี 2565 คาดกำไร +30% YoY เป็น 906 ลบ.
หุ้นเด่นอีกตัว BCH เราประเมินว่าหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลขนาดกลาง ที่ราคาหุ้นปรับตัวลงมามากแล้ว หลังสถานการณ์ COVID คลายตัวลง เริ่มมีความน่าสนใจเพื่อเก็งกำไรรอบสั้นผลประกอบการ 3Q64 ที่คาดว่าจะเติบโตสูง YoY และ QoQ
ราคาหุ้น BCH ปรับตัวลงแล้ว -24% จากจุดสูงสุดช่วงต้นเดือน ส.ค.64 ขณะที่แนวโน้มกำไร 3Q64 คาดที่ 2.7 พันลบ. เติบโต +563% YoY และ +139% QoQ มีโอกาสออกมาดีกว่าคาดของตลาดที่ราว 2.0-2.2 พันลบ. ราคาปัจจุบันซื้อขายที่ PER2565 ระดับ 30.4 เท่า ทางเทคนิคแนวต้าน 21.20 บาท และ Stop loss หากปรับตัวลงต่ำกว่า 19.80 บาท
หุ้นเด่นสุดท้าย GLOBAL ภาพทางเทคนิค แนวต้าน 22.20 บาท แนวรับ 21.50 บาท และ Stop loss หากต่ำกว่า 20.90 บาทคาดกำไรปกติ 3Q64 ที่ 670 ลบ. เติบโต +47% YoY แต่ลดลง QoQ จากผลกระทบของมาตรการ Lockdown ของ COVID-19 อย่างไรก็ตาม คาด 4Q64 กำไรมีแนวโน้มฟื้นตัวทั้ง YoY และ QoQ จากแรงหนุนของภาคบริโภคที่ฟื้นตัว
บล.เอเซีย พลัส
มอง SET Index วันนี้ คาดว่าจะมีแนวรับ 1,620 จุด แนวต้าน 1,640 จุด
หุ้นเด่นวันนี้ ตัวแรกคือ HMPRO (FV@16.00) คาดผ่านพันจุดต่ำสุด รอผงาด มองกำไร 3Q64 อยู่ที่ 880 ล้านบาท ลดลง 38%yoy
จากผลกระทบการ Lockdown สาขาในพื้นที่ระบาดสูงกระทบทั้งยอดขาย, มาร์จิ้น และรายได้พื้นที่เช่าอย่างมีนัยฯ แต่จะเป็นจุดต่ำสุด การฟื้นตัวกลับมาค่อนข้างเร็วสะท้อนจากยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ที่เริ่มกลับมาบวก4%-5% ตั้งแต่กลับมาเปิดสาขา
ขณะที่กลับมาเติบโตระดับ 10%yoy ตั้งแต่เข้างวด 4064เริ่มเห็นการฟื้นตัวเร็ว 909 ตั้งแต่ 4Q64 และใกล้เคียงระดับทรงตัวได้ yoy ส่วนปี 2565 จะเห็นการฟื้นตัวได้16.4% ราคาหุ้นปัจจุบันยังเท่ากับช่วง Lockdown เชื่อว่ายังไม่สะท้อนภาพการฟื้นตัวนับจากนี้ กอปรกับ มูลค่า
พื้นฐานปี 2565 ที่เริ่มใช้ที่ 16 บาท ยังให้ Upside มากพอลงทุนได้
หุ้นเด่นอีกตัวคือ SCGP (FV@70.00) ราคาหุ้นปรับตัวลงเกือบ 15% ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาสะท้อนความคาดหวังเชิงลบต่อผลการดำ เนินงาน 3Q64 ที่น่าจะอ่อนแอที่สุดของปีนี้ แต่มุมมองพื้นฐานธุรกิจระยะยาวยังคงแข็งแรงไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิม
มองเป็นจังหวะเข้าซื้อลงทุนหลังประกาศงบ 3Q64 เมื่อราคาหุ้นซึมซับข่าวลบเรื่องผลประกอบการเต็มที่ไปแล้วแผนการเติบโตที่ชัดเจนภายใต้โมเดลการเติบโตทั้งแนวกว้างและแนวลึก (T-Model) ที่จะมีความสมบูรณ์มากขึ้นเรื่อยๆ
โดยเฉพาะในช่วง 3 ปีจากนี้ ที่จะเห็นผลลัพธ์จากการขยายการลงทุนอย่างมากผ่านการลงทุนทั้งแบบBrown field และดีล M&P ช่วยให้ SCGP มีความน่าสนใจในฐานะ Growth Stock ที่พร้อมเติบโตไปกับเศรษฐกิจอาเซียนโดยมีอัตราการเติบโตของกำไรไม่ต่ำกว่า 15% ต่อปี
หุ้นเด่นตัวสุดท้าย CPALL (FV@70.5) ฝ่ายวิจัยปรับประมาณการใหม่ภายใต้ 1. ข้อมูลเพิ่มเติมจากกรณีแม็คโครจะรับโอนกิจการซีพีอาร์เอสจากเครือซีพีและเข้าถือหุ้นใน CPRD หรือโลตัส แทนที่ CPRH โดยรวมเฉพาะประโยชน์การเถอะขายหุ้น PO แม็คโครบางส่วนที่นำคืนนี่ที่นำไปคืนหนี้ CPRD +การนำเงินซีพีออลจะได้จากการขายหุ้นแม็คโครพร้อม PO ไปคืนหนี้ตนเองซึ่งกระทบจำกัดระยะสั้นและดีต่อระยะยาว
2.ปรับกำไรธุรกิจร้านสะดวกซื้อเดิมปี 2564 ลดลงส่วนปี 2565 เพิ่มจากที่ทำไว้ต่ำไปได้กำไรปี 2564 ลดลง 12.8% ส่วนปี 2565 เพิ่ม 15% ได้กำไรปี 2564 ลดลง 36.7% ก่อนจะฟื้นตัวเด่นในปี 2565 ถึง 66 ที่ 65% และ 19% โดยเบื้องต้นประเมินมูลค่าพื้นฐานปี 2565 เกิน 70.50 บาทยังมีอัพไซด์เปิดให้ลงทุนประมาณ 10%
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)
กล่าวว่า วันนี้คาด SET ฟื้นตัว ในกรอบแนวรับ 1,620 จุด และแนวต้าน1,640 จุด เน้นหุ้นแนวโน้มกำไรเติบโตดี
โดยหุ้นเด่นวันนี้แนะนำ ASK คาดกำไร 3Q64 ที่ 301 ล้านบาท ( +30% YOY, +12%QOQ) จากการเติบโตของสินเชื่อที่แข็งแกร่งและการควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ดีซึ่งสามารถชดเชยต้นทุนสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นได้ และคาดว่ากำไรของบริษัทจะเติบโต QOQ ทุกไตรมาสถึง 4Q65ในขณะที่ PEU65 เทรดเพียง 12 เท่าเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 55 บาท
หุ้นเด่นตัวต่อมาคือ BDMS คาดกำไร 3Q64 ราว 2 พันล้านบาท (+12% YOY, +40%QOQ) จากการรับรู้รายได้เกี่ยวกับการให้บริการ
COVID ซึ่งพบการระบาดแรงในช่วง3Q64 ผสานกับแรงเสริมของไข้ตาม ฤดูกาล ส่วนในช่วงถัดไปคาดการเปิดประเทศ จะทำให้ผู้ป่วยต่างชาติมีโอกาสกลับมาเพิ่มอย่างมีนัยยะเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 24 บาท
บล.ไทยพาณิชย์
คาด SET มีแนวโน้มปรับลงได้ต่อ โดยหุ้นขนาดใหญ่อย่างกลุ่มพลังงาน และแบงก์ เผชิญแรงขายทำกำไรหลังปรับขึ้นต่อเนื่องมาก่อนหน้านี้ สร้างสัญญาณเทคนิคที่เป็นลบ แนวรับถัดไปอยู่ที่ 1,623 และ 1,616 จุด ตามลำดับ ส่วนกรอบบนคาดถูกจำกัดที่ 1,637 และ 1,645 จุด ตามลำดับกลยุทธ์การลงทุนใช้การ Selective Buy หรือเก็งกำไรอย่างระมัดระวัง
คาดตลาดพักตัวช่วงสั้นจากภาพรวมเศรษฐกิจซบเซาและแนวโน้มงบ 3Q64 ไม่ดีนัก เน้นหุ้น domestic play ในพอร์ตหลักที่เป็นหุ้นปลอดภัย ปัจจัยพื้นฐานและกำไรยังมี momentum ที่ดี
พอร์ตหลัก 1. หุ้นกลยุทธ์ 4Q64 BEM ,KCE, OSP, SECURE, ZEN 2) หุ้นคาดกำไร 3Q64 โตดี QoQ, YoY BBL, KBANK, BDMS ,RJH
พอร์ตเทรดดิ้ง 1. หุ้นที่ได้อานิสงส์คลายล็อกดาวน์และมาตรการกระตุ้น ศก. HMPRO ,CRC 2. หุ้นโรงกลั่นที่มีแนวโน้มดีต่อเนื่อง BCP
หุ้นเด่นวันนี้แนะนำ GPSC (ราคาเป้าหมาย 95.00 บ.) GULF (ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 45.64 บ.) หุ้นโรงไฟฟ้าคาดกำไร 3Q64 เติบโตทั้ง YoY, QoQ ทั้งยังได้ประโยชน์เงินบาทแข็งค่า และแนะนำ TNP หุ้นเล็กที่ได้อานิสงส์ทั้งทางตรงและทางอ้อมจากมาตรการกระตุ้น ศก. ที่ ครม. อนุมัติวานนี้
บล.กสิกรไทย
มองเป้าดัชนีวันนี้ 1,623-1,638 หุ้นเด่นนำวันนี้แนะนำ AS ราคาปัจจุบัน 19.60 บาท เป้าหมาย 20.60 บาท หุ้นเด่นตัวต่อมาคือ SCGP ราคาปัจจุบันที่ 61.75 บาท เป้าหมาย 64.50 บาท หุ้นเด่นตัวสุดท้ายคือ KCE ราคาปัจจุบันที่ 81.50 บาท เป้าหมาย 85.50 บาท
อัตราแลกเปลี่ยนและราคาทองคำประจำวันที่ 20 ตุลาคม 64
ต่างชาติขายทิ้งหุ้นไทยฉุดบาทอ่อน
ราคาทองคำวันนี้ทรงตัว
รูปพรรณขาย 28,550 บาท
ติดตามข่าวหุ้น-การลงทุนทางไลน์
โฆษณา