21 ต.ค. 2021 เวลา 13:00 • ครอบครัว & เด็ก
อลิสาทำงานกับคุณผิงซึ่งเป็นคุณแม่ของน้องหลิวลี่ตั้งแต่น้องอายุได้ 5 เดือน ตอนนั้นน้องยังไม่ค่อยได้ลงพื้นเลย และยังไม่เคยฝึกทำ tummy time ด้วย
อลิสาเริ่มจากขอให้คุณแม่เริ่มให้น้องลงพื้นทำ tummy time ก่อน แล้วหยุดการอุ้มเยอะ เพื่อสร้างกล้ามเนื้อ คอ บ่า ไหล่ และแขน เพื่อส่งเสริมการคลาน นอกจากนั้นเวลาเข้าเต้าให้คุยกับน้อง จำได้ว่าคุณผิงบอกว่าเขินมากเพราะไม่รู้จะคุยอะไร อลิสาก็อธิบายการทำงานของสมองและการเรียนรู้ของเด็กไป คุณผิงก็ปรับเปลี่ยนการเลี้ยงดูน้อง
หลังจากนั้นน้องหลิวลี่ก็เริ่มหมุนรอบตัว แต่ยังไม่คลานไปข้างหน้า แต่พอ 9 เดือนน้องเริ่มคลาน และคลานหนักมาก อาการที่เห็นได้คือทั้งวันวุ่นอยู่กับการคลาน จะมีให้คุณแม่อุ้มบ้าง แต่พออุ้มก็จะลง พอลงพื้นก็จะให้อุ้ม อาการแบบนี้แปลว่าสัมพันธภาพและสายใยของคุณแม่และน้องดีค่ะ เพราะจิตวิทยาเด็กที่คลานได้คือ เมื่อตัวเองไปจากแม่ได้ ก็แปลว่าแม่ก็ไปจากตัวเองได้ เลยจะไปๆมาๆวนคอยมอง คอยให้อุ้ม อยากไปคลานก็อยาก แต่ก็กลัวคุณแม่หนี
สิ่งหนึ่งที่อลิสาสังเกตได้ในการเลี้ยงน้องของคุณผิงคือความนิ่ง มั่นใจ และเชื่อมั่น คุณผิงจะไม่โวยวาย ตื่นตระหนกกับเรื่องเล็กๆ ไม่ห้ามน้องทำอะไรที่ไร้สาระ แต่จะส่งเสริมด้วยการนั่งคอยดู ไม่ชักนำ ไม่ชี้แนะตลอดเวลา และผลคือน้องหลิวลี่เป็นเด็กที่กล้าสำรวจ สามารถนั่งเล่นคนเดียว เลือกของเล่นเอง ชัดเจนในการตัดสินใจ แก้ปัญหาในการเล่นเอง และช่วยตัวเองได้เร็ว
น้องหลิวลี่เดินได้ตอนหนึ่งขวบ และที่น่าทึ่งคือสามารถปีนขึ้นไปถีบจักรยานได้ตั้งแต่ 1.3 ขวบ ถ้าดูจากโปรไฟล์ของการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวน้อง น้องหลิวลี่เป็นเด็กฉลาด Autonomy สูง ​(ช่วยตัวเองได้มาก) มุ่งมั่น ดื้อรั้น ฟันฝ่า อดทน ไม่ใช่เด็กขี้แง ถ้าจะเลี้ยงยากก็ยากตรงที่คุณพ่อคุณแม่ต้องคอบรับมือกับความที่ทั้งฉลาดและดื้อรั้นนี่แหละค่ะ 😊
ขอบคุณคุณผิงและน้องหลิวลี่ที่อนุญาตให้ share ทั้งเรื่องราวและรูปภาพค่ะ ❤️❤️
คุณแม่ที่สนใจเรื่องการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวเด็กเพื่อวัดพัฒนาการ ปฏิสัมพันธ์ และการเรียนรู้ของน้อง ขอรายละเอียดได้ที่ Inbox ของเพจ Raising Parents ตามลิงค์ด้านล่างค่ะ
โฆษณา