3 พ.ย. 2021 เวลา 00:00 • หนังสือ
กลางฤดูร้อนปี พ.ศ. 2377 ชายซอมซ่อคนหนึ่งเดินทางจากนิวยอร์กกลับบ้านที่เมืองฟิลาเดลเฟีย เมื่อไปถึง เขาถูกจับเข้าคุกเนื่องจากมีหนี้สินค้างชำระมานาน
2
เขาบอกภรรยาว่า "ไม่เป็นไร มันก็เหมือนไปพักใน 'โรงแรม' เท่านั้นน่ะ"
1
เขาขอให้ภรรยานำยางดิบและอุปกรณ์หลายชิ้นมาให้
และใน 'โรงแรม' แห่งนั้น เขาก็เริ่มทำการทดลอง
เขาเพิ่งกลับมาจากนิวยอร์ก และพบเห็นบางสิ่งที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาโดยสิ้นเชิง
เขาชื่อ ชาร์ลส์ กูดเยียร์ แต่หลายปีที่ตามมาไม่ใช่ปีที่ดี (good year) ของเขาแน่นอน!
3
กูดเยียร์เคยประสบความสำเร็จในธุรกิจ เป็นหุ้นส่วนกับพ่อ ผลิตสินค้าต่าง ๆ เช่น กระดุม อุปกรณ์การเกษตร ฯลฯ แต่เมื่ออายุยี่สิบเก้า สุขภาพของเขาเสื่อมลงเช่นเดียวกับธุรกิจ ในที่สุดก็ต้องเลิกกิจการ
2
จุดที่สร้างความเปลี่ยนชีวิตของเขาเกิดขึ้นในนิวยอร์กเมื่อหลายปีก่อน เขาเห็นห่วงยางชูชีพที่คุณภาพไม่ดี เขากลับบ้านมาลองทำงานปรับปรุง และนำตัวอย่างงานที่เขาแก้ไขไปเสนอบริษัทผู้ผลิตยางแห่งแรกของอเมริกา
3
ผู้จัดการบริษัทชอบใจงานของเขา แต่บอกว่าทำอะไรไม่ได้แล้ว เพราะบริษัทนั้นกำลังไปไม่รอด เนื่องจากสินค้ายางทั้งหลายของบริษัทถูกส่งคืนมาจากทุกที่ คนใช้สินค้าเบื่อหน่ายที่ยางแข็งเป็นก้อนในฤดูหนาว และเหลวเป็นกาวในฤดูร้อน
ในวันนั้นกูดเยียร์มองกองสินค้ายางที่ถูกส่งคืนมา แทนที่จะเห็นเหมือนคนอื่นว่าสิ้นสุดยุคสินค้ายางแล้ว เขากลับรู้สึกว่ามันน่าตื่นเต้นและท้าทายยิ่ง เขาคิดปรับปรุงคุณภาพของสินค้ายางเหล่านั้น
8
หลังออกจากคุก เขาทำการทดลองอย่างขะมักเขม้น ด้วยความช่วยเหลือของลูกเมียและเพื่อน ใช้บ้านเป็นที่ทดลองและผลิต
1
เขาเห็นว่า ในเมื่อยางเป็นวัสดุธรรมชาติ มีคุณสมบัติยึดตัวเองได้ ทำไมจะไม่สามารถใส่สารอะไรสักอย่างเพื่อช่วยให้มันไม่เหนียวเหนอะหนะ
กูดเยียร์ขายทุกอย่างเพื่อเอาเงินมาทดลอง ใคร ๆ ก็บอกให้เขาเลิกทดลอง เพราะครอบครัวเดือดร้อน ลูก ๆ ไม่มีอะไรกิน
1
กูดเยียร์ย้ายไปนิวยอร์ก อยู่ในห้องเล็ก ๆ ทดลองหาส่วนผสมที่ถูกต้อง หลายปีนั้นชีวิตของเขาเต็มไปด้วยอุปสรรคและความยากลำบาก แต่คำว่า 'เลิก' ไม่เคยอยู่ในหัวของเขา สุขภาพเสื่อมลงจากการทดลองที่ใช้สารเคมี ครั้งหนึ่งเกือบตายเพราะสำลักแก๊สจากการทดลอง
3
มีคนบอกว่า "ทำไปทำไม ยางน่ะตายไปแล้ว"
แต่เขาก็ยังทำงานต่อไป
เขาลองทุกอย่าง ทุกทางที่คิดออก ในที่สุดก็สามารถทำให้ยางอินเดียไม่เหนียวเหนอะหนะสำเร็จในระดับหนึ่ง
1
เขาหาหุ้นส่วนและสร้างโรงงานผลิตสินค้ายาง ทุกอย่างดูสดใสขึ้น เขาฝันว่าจะทำทุกอย่างด้วยยาง ห่วงชูชีพ ธง เครื่องประดับ เครื่องดนตรี แม้กระทั่งธนบัตร แต่เศรษฐกิจซบเซาในปี 2380 ก็ทำให้ธุรกิจของเขาล่มสลาย เขาสิ้นเนื้อประดาตัวอีกครั้ง
1
ตลอดเวลานั้น ครอบครัวของเขาก็เดือดร้อนด้วย อยู่อย่างยากจน เพื่อนบ้านให้อาหารแก่ลูกของเขา และอนุญาตให้ขุดมันฝรั่งมากิน
6
วันหนึ่งเขาเดินเข้าร้านขายของแห่งหนึ่งเพื่อแสดงผลงานยางที่ผสมซัลเฟอร์ เขาทำแผ่นยางปลิวโดยบังเอิญ มันลอยตกไปบนเตาร้อน
1
เขาพบว่ามันไม่หลอมละลาย แต่กลับดูคล้ายแผ่นหนัง พื้นผิวเรียบสวย เขาได้ทำยางกันน้ำสำเร็จแล้ว!
ตอนนี้กูดเยียร์รู้แล้วว่าซัลเฟอร์กับความร้อนเป็นองค์ประกอบ แต่ไม่รู้ว่าต้องร้อนแค่ไหน และนานเท่าไร
อย่างอดทน เขาค่อย ๆ ย่างยางบนทรายร้อน และทดลองต่อไปอย่างอดทน สูดดมกลิ่นที่เกิดจากสารเคมีเข้าไปตลอดเวลา
2
เขาจำนำนาฬิกา เครื่องเรือน แม้แต่ถ้วยชาม เขาทำจานยางมาใช้แทน ช่วงนั้นสุขภาพของเขาทรุดโทรมหนัก เขาพยายามหาเงินลงทุน แต่คนที่เคยให้เงินเขาเข็ดเสียแล้ว เพราะเขายืมเงินบ่อยแต่ทำงานไม่สำเร็จสักที
2
เขาถูกส่งตัวเข้า 'โรงแรม' อีกครั้งเพราะไม่มีเงินจ่ายค่าโรงแรมเพียงห้าเหรียญ เมื่อกลับบ้าน เขาพบว่าลูกชายวัยทารกของเขาตายเสียแล้ว
1
กูดเยียร์มีลูกทั้งหมดสิบสองคน หกคนตายตั้งแต่ยังเป็นทารก เขาไม่มีเงินแม้แต่ค่าทำศพลูก ต้องยืมรถขนศพจากคนอื่น
แต่งานทดลองก็ดำเนินต่อไป
ไม่มีอะไรในโลกที่หยุดยั้งความเพียรของมนุษย์ได้ ในที่สุดบุรุษผู้ไม่ยอมแพ้ต่อ
4
อุปสรรคก็พบสูตรว่า ไอน้ำใต้แรงดัน 4-6 ชั่วโมง อุณหภูมิ 270 องศาฟาห์เรนไฮท์ให้ผลดีที่สุด
เขาหานายทุนได้ และเริ่มงานผลิตอีกครั้ง
ไอน์สไตน์บอกว่า พยายามอย่าเป็นคนที่ประสบความสำเร็จเลย แต่เป็นคนที่มีคุณค่าจะดีกว่า
8
บางครั้งการได้ทำ แม้ไม่สำเร็จ มีค่ากว่าความสำเร็จ
นี่คือข้อแตกต่างระหว่าง สิ่งที่ได้ทำ (achievement) กับความสำเร็จ (success)
โลกเราหมุนมาได้ถึงจุดนี้ก็เพราะมีคนกลุ่มหนึ่งเชื่อว่า ทำอะไรต้องทำให้ถึงที่สุด และหากทำงานหนักและต่อเนื่องพอ ผลลัพธ์ย่อมไม่แย่แน่นอน
8
ชีวิตของพวกเขาอยู่ที่งาน ยอมทำทุกอย่าง ยอมลำบากเพื่อความฝันของตนเอง
ชาร์ลส์ กูดเยียร์ เป็นตัวอย่างของคนที่ยอมจ่ายทุกราคาเพื่อสานฝันของตน แต่โชคไม่ดีที่ราคาที่เขาจ่ายสูงเกินไป
1
ชาร์ลส์ กูดเยียร์, วินเซนต์ แวน โกะห์ และอีกหลาย ๆ นาม คือคนที่ล้มเหลวยามเมื่อมีชีวิต แต่งานของพวกเขาเป็นอมตะ
1
กูดเยียร์เขียนว่า "ชีวิตไม่ควรถูกคำนวณจากมาตรฐานของเงินตราอย่างเดียว ผมไม่ได้บ่นว่าผมได้เพาะหว่านแล้วคนอื่นเก็บเกี่ยวผลไป เราสมควรจะเสียใจก็ต่อเมื่อเราเพาะหว่านไปแล้ว ไม่มีอะไรงอกเงยขึ้นมา"
8
เพราะสำหรับคนบางคน ความยากลำบากไม่มีความหมายอะไรเลย ความสุขระหว่างการทำงานต่างหากคือรางวัล
5
หมายเหตุ : ความสำเร็จในการประดิษฐ์ไม่ได้หมายถึงความร่ำรวยเสมอไป กูดเยียร์ได้รับสิทธิบัตรทะเบียนยางบางชิ้น แต่การจดทะเบียนอีกหลายชิ้นในต่างประเทศกลับไม่สำเร็จ เพราะถูกคนอื่นลอกเลียนและจดทะเบียนดักหน้า
เมื่อกูดเยียร์ตายในปี พ.ศ. 2403 เขาเป็นหนี้อยู่สองแสนเหรียญ อย่างไรก็ตาม ครอบครัวของกูดเยียร์ก็มีชีวิตอยู่ได้จากสิทธิบัตรผลงานบางตัวของเขา
2
จากหนังสือ #เบื้องบนยังมีแสงดาว / https://bit.ly/2Qfbowd
โฆษณา